Showing posts with label Vajiralux. Show all posts
Showing posts with label Vajiralux. Show all posts

Wednesday, May 2, 2012

Stock Focus,BCP

บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP)

ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด

■ ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด บมจ บางจาก (BCP) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ที่ 2,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% และ 335% YoY และ QoQ ตามลำดับหรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 1.77 บาทต่อหุ้น สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 2,012 ล้านบาท จากรายได้จากการขายทั้งหมด 47,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.14% และ 18.52% YoY และ QoQตามลำดับ ค่าการกลั่น GIM อยู่ที่ 12.53 เหรียญฯต่อบาร์เรล ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54 ที่มีค่าการกลั่น GIM ที่ 13.77 แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานของ น้ำมันแกสโซลีน และดีเซล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ลดลงจาก 20.33 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 18.40 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในไตรมาส 1/54 เป็น 15.64 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 16.36 เหรียญฯต่อบาร์เรล ตามลำดับนั้น รายได้น้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 101,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ EBITDA ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 2,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และ 189% YoY และ QoQ ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีรายการกำไรพิเศษ จาก
1) กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า 114 ล้านบาท
2) กำไรจากสัญญาซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า 467 ล้านบาท) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 232 ล้านบาท ทั้งนี้ทางบริษัท ยังไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ โครงการ BOI จากภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรับรู้ราย ได้จากธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เฟส 1 ขนาด 8 เมกะวัตต์ ในไตรมาสนี้ เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมปลายปี 2554 อย่างไรก็ดี โครงการไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ดังกล่าวได้กลับมาดำเนินเชิงพาณิชย์แล้ว ในช่วงต้นไตรมาส 2/55 แล้วคาดว่า จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ใน ไตรมาสนี้ สำหรับคำแนะนำลงทุนใน BCP คือ ซื้อ ที่ราคาเหมาะสม 27 บาท ซึ่งยังมี upside gain อยู่ราว 5-6%


■ ประเด็นเข้าซื้อกิจการ ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ด้านบางจาก ให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้นจำนวน 40% ของบริษัท ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิตรวม 3.50 แสนลิตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อหุ้นของ บมจ บางจาก จะรอให้โรงงานแห่งใหม่สร้างเสร็จก่อน ซึ่งข้อสรุปจะเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างบริษัท ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TAE
วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

Read more »

Stock Fucus,BANPU

วันที่ 2 พ.ค.55

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้แรงหนุนจากทั้งปัจจัยในประเทศ (ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ฟื้นตัวดี, เงินเฟ้อต่ำเพียง +2.47% YoY, ประชุม กนง.คาดตรึงอัตราดอกเบี้ย) ส่วนปัจจัยต่างประเทศก็เกื้อหนุนเป็นผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้น ทั้ง PMI ของจีน เดือน เม.ย. 53.3 จุด +0.2 จุด จากเดือนก่อน และ ISM ของสหรัฐฯ ขึ้นมาที่ 54.8 จุด สูงสุดในรอบ 10 เดือน กรอบแนวรับ-แนวต้าน 1,218-1,250

ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญ คือ
- คาดการประชุม กนง. ของ ธปท.มีมติการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.00% ต่อเนื่อง
- เงินเฟ้อทั่วไปประเทศไทยเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.47% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.13%
- ราคาไก่ในประเทศเดือน เม.ย.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 32 บาท ต่อ กก. จากตกต่ำสุดในเดือน มี.ค.ที่ 28 บาท ต่อ กก.คาดผลประกอบการของ CPF, GFPT ผู้ประกอบการธุรกิจไก่ รับผลลบ คาดไตรมาส 1/55 ย่ำแย่ แต่สถานการณ์กำลังจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 2/55 เนื่องจากย่างเข้าฤดู High Season ของไก่ส่งออก


- ราคากุ้งในประเทศ 70 ตัว ต่อ กก.ปรับตัวลดลง 15% MoM เป็น 115 บาท ปัจจัยดังกล่าวระยะแรกส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการแพ็คกุ้งส่งออก เช่น CFRESH, SSF, TUF, CPF แต่ในที่สุดผู้ซื้อในต่างประเทศจะปรับตัวได้และขอปรับลดราคาลงในที่สุด ระยะยาวไม่เป็นผลบวก
ปัจจัยที่สำคัญ สำหรับตลาดโลกและคอมมอดิตี้ คือ
- สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนเม.ย. ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือน มี.ค. และมากกว่าเดือนเม.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 52.9 จุด
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 53.4 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53 จุด\
- ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% แตะที่ 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งลดลงจากเดือนมี.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 3.1%

- S&P 500 ทะยานขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก ที่มีข่าวดีเฉพาะตัว เช่น Chesapeake Energy พุ่งขึ้น 6% หลังจากมีรายงานว่า ทางบริษัทจะถอดนายออเบรย์ แมคเคลนดอน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ เซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเคมาร์ทและเซียร์ส พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด

ปัจจัยเด่นที่ต้องติดตามในภาพใหญ่คือปัจจัยด้านผู้กำหนดนโยบาย ตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหมดวาระลงในสิ้นเดือน เม.ย. นี้ รายชื่อที่ถูกเสนอเข้าชิงตำแหน่ง คือ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสนกุล และ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ซึ่งเป็นที่น่าจับตาที่ ดร.วีรพงษ์ ได้เคยเสนอให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ถึง 1.78 แสนล้านบาท ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงเคยเสนอให้ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ยังมีความเห็นสอดคล้องกับ นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว. คลัง กรณีดังกล่าวอาจต้องจับตาเกี่ยวกับ สองเรื่องสำคัญคือ 1.นโยบายที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และ 2.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจถูกปรับให้ลดลง ทั้งนี้ในทางตรง อาจะมีผลเชื่อมโยงต่อหุ้นรัฐวิสาหกิจอย่าง KTB, THAI, PTT ส่วนในทางอ้อม หุ้นที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อน คาดว่ามีแนวโน้ม Perform มากขึ้น ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น
Domestic Play ได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อเพิ่มในอัตราที่ต่ำ คาดการณ์ ธปท.คงอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยบวกต่อ ธุรกิจในประเทศ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์(Top Pick ในกลุ่มคือ KBANK, SCB, BBL) อสังหาริมทรัพย์ (เน้นธุรกิจเติบโตสูง ราคายังปรับตัวไม่สูง เช่น SIRI, QH) สื่อสาร (THCOM, JAS) ค้าปลีก (HMPRO, ROBINS) โรงพยาบาล (BGH, KH)
Cyclical Play ได้แรงหนุนจากตัวเลข PMI และ ISM ของจีน แนะนำเริ่มเข้าซื้อ ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 1/55 เป็น Bottom Out และกำลังจะดีขึ้นในไตรมาสถัดไป

Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Wednesday, April 25, 2012

Stock Focus,PTTGC

PTTGC

กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี

เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เป็น Bottom ของปี เริ่มเห็นทิศทางของสเปรด เม็ดพลาสติก PE ดีขึ้นในเดือน เม.ย. โดยยืนเหนือ 400 เหรียญฯ ได้ LLDPE น่าจะมีสเปรดดีขึ้น QoQ มากที่สุด จาก 290 เป็น 419 เหรียญฯ ต่อตัน แม้ MEG สเปรดไตรมาส 2/55 อ่อนแอลงจาก 424 เหรียญฯ เหลือ 248 เหรียญฯ เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/55 มีแนวโน้มแตะ 11,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าการ Restocking เริ่มดีขึ้นแล้ว แม้ในเดือน พ.ค.จะมีช่วง Golden Week ในจีน ซึ่งอาจสะดุดบ้าง แต่เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะมีกำไรรายไตรมาสดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/55 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 89 บาท



คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 8,512 ล้านบาท +109% QoQ แต่ลดลง 24% YoY โดยในไตรมาสนี้สายโอเลฟินส์ ที่เป็นส่วน HDPE, LDPE, LLDPE มีสเปรดที่ต่ำมาก (ลบจากนาฟทา ซึ่งสูงเฉลี่ยราว 1,050 เหรียญฯ ต่อตัน) ซึ่งคิดเป็นสเปรดที่ 380, 368, และ 290 เหรียญฯ ต่อตันตามลำดับ ทั้งนี้เพราะราคาเอทีลีนและนาฟทาสูงในไตรมาส 1/55 แต่มีตัวช่วยคือ MEG spread ค่อนข้างดีอยู่สูงราว 424 เหรียญฯ ต่อตัน ในขณะที่สเปรดทางสายอะโรเมติกส์ พาราไซลีนอยู่ในเกณฑ์ดีประมาณ 590 เหรียญฯ ขณะที่เบนซีน และฟีนอลค่อนข้างต่ำ ส่วนค่าการกลั่นไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.5 เหรียญฯ (รวม Stock Gain แล้ว) เทียบกับไตรมาส 1/54 อยู่สูงราว 7 เหรียญฯ กำไรในระดับดังกล่าวถือว่าน่าจะเป็นกำไรที่ต่ำสุดแล้วของปี นอกจากนี้ไตรมาส 1/55 มี Shutdown โรงงานบางส่วนไป ในไตรมาสนี้เราคาดว่ามีกำไรสต๊อกน้ำมันและปิโตรเคมีรวมราว 2,500 ล้านบาท (เรารวมไว้ในต้นทุนขาย) และคาดว่ามีส่วนกำไร Hedging และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย ในระดับ 100-200 ล้านบาทเท่านั้น

คาดการณ์กำไรกลับมาดีขึ้นจากสเปรด PE ดีขึ้นในไตรมาส 2/55: เราเริ่มเห็นสเปรดของโอเลฟินส์ปรับตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย. มีแนวโน้มการทำกำไรไตรมาส 2/55 ในระดับ 11,000 ล้านบาท เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555 ของ PTTGC เท่ากับ 40,000 ล้านบาท ยังเชื่อว่าบริษัททำได้ถึงประมาณการ เนื่องจาก 2H55 เราคาดหวังกำไรต่อไตรมาสราว 10,000 ล้านบาท

งบลงทุนที่เตรียมไว้ในปี 2555 คาดว่าในแต่ละปีมี Maintenance CAPEX ที่ราว 200 ล้านเหรียญฯ หรือราว 6,000 ล้านบาท เป็นขั้นต่ำ จากแผนการลงทุน CAPEX 5 ปีรวมใช้เงินราว 40,000 ล้านบาท แต่หากปี 2555 มีดีลที่จะซื้อกิจการเพิ่มเพื่อบรรลุการเข้าซื้อกิจการ Perstorp ให้เรียบร้อยอาจต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท

แนะนำซื้อต่อไปราคาเหมาะสม 89 บาท: เรามองว่าในปี 2555 นี้ ยังเป็นปีที่สเปรดของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้นน้ำมีแนวโน้มดี ซัพพลายใหม่ออกมาไม่มาก ไม่มีความกดดันมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ ไตรมาส 1/55 ผลิตภัณฑ์เด่นคือ MEG และ พาราไซลีน ส่วนไตรมาส 2/55 ผลิตภัณฑ์เด่นคาดว่าจะเป็นส่วนของ PE ทั้ง 3 ชนิด ซึ่งหากดีขึ้นเพราะส่วนนี้จะมีนัยยะอย่างมากต่อรายได้และกำไร PTTGC
Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Stock Focus,KH,PTTGC

KH, AMATA, PTTGC, PTT, KBANK

ปรับพอร์ต แต่ยัง Selective Buy หากปรับขึ้นทะลุ 1,200 จุด

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเด่นสวนตลาดต่างประเทศ แต่อย่างไรก็เป็นการปรับเปลี่ยนหมุนพอร์ตไป เราเชื่อว่า SET Index ที่ 1150 เป็นการสร้างระดับต่ำสุดของปีไปแล้ว SET Index ค่อนข้างแข็งแกร่ง ในรอบนี้อาจไม่หลุด 1180จับตาปัจจัยบวก 5 ปัจจัยจะเป็นตัวช่วยหนุน SET Index ในรอบถัดไป ในไตรมาส 3/55 ได้แก่
1) Fund flow ที่ไหลเข้าสู่ Equities จำนวน 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯหลังจากโครงการ Operation twist หมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
2) การเพิ่มน้ำหนักของหุ้นไทยในการคำนวณดัชนี MSCI ซึ่งจะมีการประกาศในช่วงวันที่ 15 พ.ค. และเริ่มใช้จริงวันที่ 30 พ.ค.
3) การเข้ามามีบทบาทของกองทุน European Stability Mechanism (ESM) ในช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป
4) Money market financial reform ของประเทศสหรัฐฯซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดเงินจำนวนมหาศาลและไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นได้บางส่วน
5) ผลกระทบเชิงบวกจากการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
• Recommended Sector ได้แก่ ICT, ENERGY ส่วน BANK จะเป็น Market performer
• Core Holding แห่งปียังชอบ JAS, INTUCH, PTT
• วันนี้ SCC, PTTEP ประกาศงบวันนี้ SCC งบไตรมาส 1/55 ไม่สดใส หากหุ้นปรับตัวลงเป็นโอกาสการซื้อ เนื่องจากสเปรดของ PE เห็นแล้วว่าเริ่มดีขึ้นในเดือน เม.ย.55 แต่คาดกำไรสุทธิของ PTTEP ในไตรมาส 1/55 และ 2/55 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขั้นต่ำคือ 15,000 ล้านบาทต่อไตรมาส

ปัจจัยวันนี้
(+)PTTGC: คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 8,512 ล้านบาท +109% QoQ แต่ลดลง 24% YoY โดยในไตรมาสนี้สายโอเลฟินส์ ที่เป็นส่วน HDPE, LDPE, LLDPE มีสเปรดที่ไม่ดี ต่ำกว่า 400 เหรียญฯ ต่ำมากเพราะราคาเอทีลีนและนาฟทาสูง ซึ่งเราคงเห็นภาพสะท้อนจากการประกาศงบการเงินของ SCC ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ทำได้ดีคือ MEG ซึ่ง สเปรดไตรมาส 1/55 สูงถึง 424 เหรียญฯ ต่อตัน ส่วนค่าการกลั่นไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.5 เหรียญฯ (รวม Stock Gain แล้ว) เทียบกับไตรมาส 1/54 อยู่สูงราว 7 เหรียญฯ กำไรในระดับดังกล่าวถือว่าน่าจะเป็นกำไรที่ต่ำสุดแล้วของปี นอกจากนี้ไตรมาส 1/55 มี Shutdown โรงงานบางส่วนไป ส่วนในไตรมาส 2/55 เราเริ่มเห็นสเปรดของโอเลฟินส์ปรับตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย. มีแนวโน้มการทำกำไรไตรมาส 2/55 ในระดับ 11,000 ล้านบาท เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555 ของ PTTGC เท่ากับ 40,000 ล้านบาท ยังเชื่อว่าบริษัททำได้ถึงประมาณการ เนื่องจาก 2H55 เราคาดหวังกำไรต่อไตรมาสราว 10,000 ล้านบาท แนะนำซื้อต่อไปราคาเหมาะสม 89 บาท
(+)KH: ปี 2555 คาดเป็นปีทองแห่งการเติบโต เพราะมีแรงหนุนหลักจากการที่ประกันสังคมปรับรูปแบบการจ่ายเงินผู้ป่วยในจากเดิมเหมาจ่ายมาเป็นจ่ายตามความรุนแรงของโรค ทำให้ค่ารักษาเฉลี่ยและจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ โดยจะเริ่มเห็นผลบวกชัดเจนนี้ตั้งแต่ไตรมาส 1/55 ซึ่งคาดทำสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสแตะ 205 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายปี 2555 อยู่ที่ 9.40 บาท เรามีแนวโน้มปรับประมาณการราคาเป้าหมายของ BGH, BH เพิ่มขึ้นด้วย
Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Stock Focus,PTTEP,

PTTEP

ตามที่ PTTEP ประกาศความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่ออกแล้วและยังไม่ได้ออกทั้งหมดของบริษัท Cove Energy Plc. ("Cove") เมื่อ 24 ก.พ.55 ในการนี้มีผู้ประกอบการรายอื่นทำ คำเสนอซื้อหุ้น Cove แข่งขันกับ PTTEP โดยบริษัท Shell Exploration and Production (XL) B.V. ("Shell") เสนอซื้อที่ราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้น เป็นราคาเดียวกับที่ PTTEP เสนอซื้อ และเป็นการปรับราคาขึ้นจากการเสนอในครั้งก่อนที่ 195 เพนซ์ต่อหุ้น รัฐบาลโมซัมบิกอาจจะมีความเชื่อมั่นใน Shell มากกว่า PTTEP หากมีการเสนอซื้อด้วยราคาที่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม การซื้อครั้งนี้มีมูลค่า 1,120 ล้านปอนด์ (55,888 ล้านบาท)



Cove เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด Alternative Investment Market (AIM) ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) โดยมีสินทรัพย์หลักคือ การถือครองสัดส่วนร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าวนั้น เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (World Class Gas Discovery) และคาดว่าจะมีปริมาณสำรอง (Resource) ถึงประมาณ 30 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (Trillion Cubic Feet - TCF) รวมถึง Black Pearl Oil Prospect นอกจากนี้ Cove ยังถือสัดส่วนร้อยละ 10ในแปลงสัมปทาน Rovuma Onshore Area สาธารณรัฐโมซัมบิก รวมถึงการถือสัดส่วนร้อยละ 10 - 25 ในแปลงสัมปทานน้ำลึกอีก 7 แปลงในประเทศเคนยา

ความเห็น: การที่ Shell ปรับขึ้นราคาเสนอซื้อขึ้นมาเท่ากับที่ PTTEP มีแนวโน้มมากกว่า PTTEP อาจไม่ชนะการประมูลครั้งนี้ คาดว่าไม่ได้มีผลได้ผลเสียแต่อย่างใดในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งโครงการดังกล่าวทำให้เกิด Overhang ให้กับ PTTEP ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนบางส่วนเกรงว่าจะเกิดการเพิ่มทุน เราเชื่อว่าเมื่อเรื่อง Cove คลี่คลายลง จะลดแรงกดดันทาง Sentiment ต่อหุ้น PTTEP ลงไปได้ และหุ้น PTTEP น่าจะกลับมาถูกซื้อขายที่ Fundamental ซึ่งเราเชื่อว่างบการเงินในไตรมาส 1/55 ที่เรา Preview ไปแล้วคาดมีกำไรสุทธิเท่ากับ 15.2 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรจะยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/55 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 209 บาท (ราคาปิโตรเลียมที่ขายได้ในไตรมาสที่ 1/55 คาดการณ์ที่ 64 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับ 4Q54 ที่ 61 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล) ปริมาณการผลิตในไตรมาส 1/55 เพิ่มจากไตรมาส 4/54 ประมาณ 2-3% เป็น 255,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบกับที่ PTTEP ประมาณการทั้งปีเฉลี่ยที่ 284,000 บาร์เรลต่อวัน เราเชื่อว่าอีก 9 เดือนที่เหลือของปี ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็นตัว Driver นอกเหนือจากราคาขายที่ดีมาตั้งแต่ต้นปีที่ Drive กำไรในไตรมาส 1/55 ขณะนี้
PTTEP ไตรมาส 1/55 มีกำไรสุทธิ 1.83 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.51 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ และสูงกว่าไตรมาสก่อนที่กำไร 15 หมื่นล้านบาท และมากกว่าเราคาดการณ์ที่ 15.2 หมื่นล้านบาท แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 209 บาท
Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Monday, April 23, 2012

Stock Focus,24,PTT,PTTEP.Apr.2012.,


เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,



Our greatest glory is not in never falling,
but in rising every time we fall.
เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

TOP, BCP, IVL, PTTEP, JAS

มองทางลดพอร์ตและ Selective Buy

เราเห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นเมื่อเข้าใกล้โซน 1,200 จุด อาจจะไปต่อไม่ไหวเนื่องจากปัจจัยบวกที่จะหนุนต่อเริ่มลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มหุ้น Undervalued อีกมาก ในกลุ่มปิโตรเลียมต้นน้ำ เช่น PTTEP, PTT, TOP และเรายังมองความหวังว่าธุรกิจปิโตรเคมี ยางพาราอาจมีโอกาสฟื้นสเปรดได้ในช่วง 2H55 ในขณะที่หุ้นอยู่ในเกณฑ์ราคาต่ำ เช่น PTTGC, IVL, STA อย่างไรก็ตาม แม้เราจะชื่นชอบกลุ่ม Commerce และธนาคารพาณิชย์มาโดยตลอด แต่ไม่แนะนำลุยซื้อต่อ เนื่องจาก PER สูงมาก บางทีจะสูงเกิน Growth ที่บริษัทจะทำได้ เราแนะนำให้รอซื้อกลุ่มเหล่านี้เมื่อราคาอ่อนตัว เช่น HMPRO, CPALL, BIGC กลุ่มธนาคารพาณิขย์ รอซื้ออ่อนตัวใน SCB, KBANK, TCAP เป็นต้น
  • ประชุม รมว.คลังจี-20 หนุนเพิ่มทุน IMF กว่า 430,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศชั้นนำจี-20 ออกแถลงการณ์หลังการประชุมเป็นเวลา 2 วัน (19-20 เม.ย.55) ที่กรุงวอชิงตันว่า รมว.คลังจี-20 แสดงความมุ่งมั่นแข็งแกร่งที่จะเพิ่มทุนทรัพย์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กว่า 4.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรัสเซียจะสมทบทุน 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ การสนับสนุนจากรัสเซีย//จีน และบราซิลมีความสำคัญต่อการเพิ่มขนาดกองทุนของไอเอ็มเอฟขึ้น 2 เท่า ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นประกาศแล้วว่าจะสมทบทุน 3 แสน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ที่ประชุมยอมรับว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญได้เริ่มลดน้อยลง แต่คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสำหรับปี 2555 จะยังคงอยู่ในระดับปานกลาง ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการที่จำเป็นเพื่อสร้างเสถียรภาพการเงินโลก และเฝ้าระวังราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง
  • ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือน เม.ย. และผลประกอบการของสหรัฐฯดีกว่าที่คาดไว้ ความเชื่อมั่นในตลาดน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากที่เยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซนเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 10 เดือนในเดือน เม.ย. ซึ่งช่วยชดเชยความวิตกเกี่ยวกับปัญหานี้ยุโรปและเป็นแรงหนุนยูโร นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการจากบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐซึ่งรวมถึงเจเนอรัล อิเล็คทริค (จีอี), ไมโครซอฟท์ และแมคโดนัลด์สูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นแรงหนุนตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันดิบ ปัจจัยที่ดีขึ้นดังกล่าว เราเชื่อว่าอาจจะหนุนราคาหุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ เช่น PTTEP และ PTT มากกว่า BANPU 
  • ราคาถ่านหินปรับตัวลดลงต่อเนื่อง: ราคา BJI ที่ประกาศล่าสุด ณ 19 เม.ย.2555  เท่ากับ 103.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (-1.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน) เป็นการลดลงต่อเนื่องนับจากต้นปีที่อยู่ที่ราว 120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน สะท้อนความอ่อนแอของดีมานด์โลก โดยราคาถ่านหินเริ่มไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันมากนัก ยิ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อ BANPU เพราะต้นทุนเป็นน้ำมันดีเซลบางส่วน ซึ่งราคาปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ แม้เรามองปัจจัยพื้นฐานของ BANPU ระยะยาวว่าดี และคาดว่ายังมี Fair Value ระดับ 725 บาท แต่ระยะสั้น ใน 1H55 เรากลับยังเห็นความสำคัญของหุ้นในกลุ่ม PTT ที่เป็นต้นน้ำมากกว่าเช่น PTTEP, PTT รวมไปถึง TOP, PTTGC, BCP ที่ Undervalued มากกว่า ราคาถ่านหินลดลง ให้ประโยชน์ในทางอ้อมต่อโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เช่น GLOW
  • การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน อาจให้ผลกระทบทางลบเมื่อปฏิบัติใช้ในปี 2556: นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีแรงงาน แถลงยืนยันว่า จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาทใน 70 จังหวัดที่เหลือ วันที่ 1 ม.ค. 2556 ตามกำหนดโดยจะไม่เลื่อนออกไปเป็นปี 2558 ตามที่สภาอุตสาหกรรมฯ เสนอหลังจากการหารือกับภาคเอกชนไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันจะยังมีภาคธุรกิจเสนอให้รัฐบาลเลื่อนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอีก 70 จังหวัดออกไปเป็นปี 2558 เพราะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 40% จนอาจทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถรับภาระได้ และอาจทำให้ส่งผลกระทบทางลบแทนที่ เพราะคาดว่าเมื่อปฏิบัติใช้จะทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น (ที่มา : ไทยรัฐ 23 เม.ย.  55)
  • Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Friday, April 20, 2012

    Stock Focus,20.Apr.2012.,


    เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,



    Our greatest glory is not in never falling,
    but in rising every time we fall.
    เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
    แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

    JAS, THCOM, SIRI, TCAP, SYNTEC

    เตรียมตัวลดพอร์ตก่อน 24-25 เม.ย.55 แต่ยัง Selective Buy


    ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความวิตกกังวลสถานการณ์ในยุโรป ยังคงสร้างความน่าผิดหวังต่อการลงทุนตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง 2-3 วันทำการแล้ว สำหรับตลาดหุ้นไทยที่ได้อานิสสงค์การประกาศงบการเงินที่ดีเกินคาดของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทำให้ปรับตัวดีขึ้นมากสวนทางตลาดต่างประเทศมา 2-3 วันแล้ว เรามองว่าจากนี้ไปไม่มีอะไรที่เป็นปัจจัยบวกหนุนตลาดหุ้นขึ้นต่อในช่วงหลังงบออก

    นอกจากนี้ฝากฝั่งต่างประเทศคือสหรัฐฯ ยังเผชิญกับเงื่อนเวลาที่ตรงกับเรามองทางขายคือ 24-25 เม.ย.มีการประชุม FOMC ซึ่งนอกจากเรื่องนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ที่คงไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร แต่ครั้งนี้ เฟดอาจต้องมีมติว่าจะต่ออายุ Operation Twist หรือไม่ (หมดอายุ มิ.ย. ต้องให้คำตอบรอบการประชุมนี้แล้ว) เราคาดว่าแม้เฟดจะตัดสินใจต่ออายุ Operation Twist แต่คาดว่าจะมีการโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นไปสู่บอนด์ระยะยาวของสหรัฐฯ ดังนั้นสถานการณ์ต่างประเทศในช่วงสัปดาห์หน้าจะเข้มข้นมาก หากภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มที่เงินทุนจะย้ายออกไปสู่ตลาดพันธบัตร เราจึงประเมินความเสี่ยงแล้วเห็นว่าควรเริ่มทยอยลดพอร์ตการลงทุนในช่วงก่อนและหลัง 24-25 เม.ย.55 ต่อเนื่อง คาดว่าข่าวบวกในภาพรวมก็ยังไม่มีอะไรหนุนในช่วง 1 เดือนข้างหน้านับจากวันที่ดังกล่าว นอกจากจะเป็นข่าวดีเฉพาะตัวของหุ้นตัวนั้น ๆ ดังนั้นหากลงทุนต่อเนื่องควรเลือกกลยุทธ์การลงทุนแบบ Selective Buy พิจารณาจาก Bottom-up Approach เป็นหลัก ซึ่งหุ้นแต่ละตัวจะมีการขึ้นที่ต่างกรรมต่างวาระ ไม่ปรับตัวขึ้นพร้อมกันหมด หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน กว่าจะมีปัจจัยดีที่จะบวกกลับอาจจะต้องรอ 2H55 แม้ว่าราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐาน Fair Value มากแล้ว แต่การพลิกมาปรับตัวขึ้นในช่วงนี้คงยากเนื่องจากปัจจัยลบในต่างประเทศรุมเร้า ทยอยซื้อได้แต่ต้องรอดูจังหวะการเบรกขึ้นในเวลาถัดมา สิ่งเหล่านี้มีนัยยะว่าตลาดจะเริ่มซึมลงนับจากราวสิ้นเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้

    ปัจจัยวันนี้
    (-)ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง จำนวนชาวอเมริกันที่ขอสวัสดิ การ ว่างงานสูงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณการสูญเสียแรงผลักดันในตลาดแรงงาน ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐลดลงในเดือน มี.ค.เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
    (-)ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ น่าผิดหวังส่งผลลบต่อตลาดหุ้น: จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. ลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 386,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 370,000 ราย ขณะที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.ร่วงลง 2.6% มาอยู่ที่ระดับ 4.48 ล้านยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะเพิ่มขึ้นแตะที่ 4.62ล้านยูนิตในเดือน มี.ค. จากเดือนก.พ.ที่ 4.59 ล้านยูนิต

    (-)ไอเอ็มเอฟเตือนว่า มีแนวโน้ม"ความไม่แน่นอน"ในเศรษฐกิจโลก ความตึงเครียดทางการเงินครั้งใหม่ในยูโรโซน, การว่างงานสูง, การระบายสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร และแนวโน้มการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ต่างก็สร้างความเสี่ยงที่จะบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง หลายประเทศซึ่งรวมถึงสวิตเซอร์แลนด์และโปแลนด์ ประกาศเมื่อเย็นวันพุธถึงคำมั่นที่จะให้เงินสมทบ นอกเหนือจากคำมั่นก่อนหน้านี้จากยุโรปและญี่ปุ่น แต่ตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญต่างๆ อาทิ จีนและบราซิล บ่งชี้ว่า พวกเขายังไม่ต้องการที่จะยืนยันจ่ายเงินสมทบ หากปราศจากการรับประกันที่หนักแน่นขึ้นว่า ไอเอ็มเอฟจะผลักดันการปฏิรูปการกำกับดูแลโดยให้พวกเขาและกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆมีอำนาจในการออกเสียงมากขึ้นในไอเอ็มเอฟ
    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Wednesday, April 18, 2012

    Stock Focus,IVL,18.Apr.2012.,

    บทความ 2011 , บทความ 2012 , กรูหุ้น 1000 ล้าน,

    เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,


    ถ่าน" ทำให้ นาฬิกา "เดินไป" ... "กำลังใจ" ทำให้ คน"เดินต่อ

    บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)

    Preview: คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 1/55

    เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 1/55 ออกมายังไม่ดีอย่างโดดเด่น ต้องหวังเห็น พัฒนาการของกำไรที่ดีในช่วงที่เหลือของปี 2555 ดังนั้นระดับกำไรสุทธิที่ 14,999 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.37 บาท จึงอาจถูกมองว่าเสี่ยงจะไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่เรายังเชื่อว่ากำไร IVL ยังมีการฟื้นตัวต่อ เราคาดกำไรจากการดำเนินงาน 12,924 ล้านบาท ในปี 2555 เติบโต 27% YoY ถือว่ามีพัฒนาการดี อีกทั้งยังมองกำไรปี 2556 เท่ากับ 18,247 ล้านบาท หรือ 4.11 บาทต่อหุ้น โต 41% เราจึงคงเป้าหมายกำไรสุทธิคิดตามค่า PER 12-13 เท่าในปี 2555 ที่ 42.50 บาท ปรับเปลี่ยนคำแนะนำจากซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเป็นซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นในโซน 32-35 บาท มี Discount จากราคา Fair Value มากพอที่จะถือลงทุนในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2555 ซึ่งเรามองว่าสเปรดน่าจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/55 เป็นต้นไป
  • คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 2,031 ล้านบาท: ถือเป็นกำไรที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/54 ที่ขาดทุน 1,458 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับระดับกำไรที่ IVL เคยทำได้สมมติฐานเราคือสเปรด 500 เหรียญฯ ต่อตัน น่าจะได้กำไรในระดับ 3,500-3,800 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยในไตรมาสนี้จะมีกำไรพิเศษจากเงินชดเชยประกันภัยความเสียหายจากโรงงานที่ลพบุรีเข้ามาประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 31 ล้านบาท และคาดว่า
    จะมีการบันทึกกำไรสต๊อกสินค้าอีกราว 300 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานปกติคาดว่าอยู่ที่ระดับเพียง 1,700 ล้านบาท กำไรสุทธิดังกล่าวคิดเป็นเพียง 13.5% ของกำไรสุทธิรวมทั้งปีที่คาดไว้ 14,999 ล้านบาท (กำไรจากการดำเนินงานปี 2555 คาดไว้ 12,924 ล้านบาท และคาดว่ารับรู้กำไรพิเศษจากการได้รับเงินประกันชดเชยภาวะน้ำท่วม และเงินชดเชยความเสียหายจากเหตุหยุดการผลิตรวมราว 2,066 ล้านบาท ทยอยรับรู้เข้ามาตลอดทั้งปี 2555
  • ปริมาณขายและสเปรดในไตรมาส 1/55: ปริมาณขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.2 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/54 ที่ 1.05 ล้านตัน โดยทั้งปีที่บริษัทตั้งเป้าหมายการขายในปี 2555 เท่ากับ 5.5 ล้านตัน เทียบกับปริมาณขายที่ 4.4 ล้านตัน ในปี 2554 สเปรดของผลิตภัณฑ์ PTA+PET ยังคงน่าหนักใจในไตรมาส 1/55 เพราะร่วงต่อเนื่องจากไตรมาส 4/54 ที่ลดต่ำลงเหลือ 427 เหรียญฯ ต่อตัน (PTA+PET เท่ากับ 250+177 เหรียญฯ ต่อตัน) ส่วนไตรมาส 1/55 ลงต่ำไปอีกอยู่ที่ราว 420 เหรียญฯ ต่อตัน(PTA+PET อยู่ราว 230+190 เหรียญฯ ต่อตัน) แม้ปริมาณการขายเพิ่ม แต่สเปรดที่อ่อนแอส่งผลให้ EBITDA Margin ในไตรมาส 1/55 อ่อนแอ อย่างไรก็ตามเรามีระดับคาดการณ์สเปรดทั้งปี 2555 ไว้ที่ 500 เหรียญฯ ต่อตัน ยังเชื่อว่าในไตรมาสถัดไปของปี สเปรดสูงขึ้น รวมถึงกำไรสุทธิจะดีขึ้นมายืนได้ราว 3,500-3,800 ล้านบาทต่อไตรมาส อีกทั้งการที่ IVL จะเริ่มรับรู้รายได้และ กำไรจาก MEG ที่เพิ่งซื้อ Old World ในสหรัฐฯ เข้ามาจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2/55 เป็น ต้นไป เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิช่วง 2H55 จะเกินระดับ 4,000 ล้านบาทต่อไตรมาสได้
  • แผนการผลิตของ IVL: ระยะสั้นกำลังการผลิตที่ลพบุรีจะกลับมาเริ่มผลิตได้ พ.ค.55 นี้กำลังการผลิตของบริษัททำขวด (ส่วนน้อยของรายได้) กลับมาในเดือน มิ.ย.-ก.ค.55 และกำลังการผลิตของส่วนเท็กซ์ไทล์ จะกลับมาในเดือน ต.ค.55 กำลังการผลิตรวม(Nameplate Capacity) ในมือ ณ สิ้นปี 2555 จะเท่ากับ 7.5 ล้านตัน และสิ้นปี 2556 เป็น ต้นไปจะมี 8.27 ล้านตัน เทียบกับสิ้นปี 2554 มีรวม 6.0 ล้านตัน (คือรวมรายการที่ซื้อกิจการไปเมื่อต้นปี 2555 รวม Old World ด้วยแล้ว) แผนอนาคตข้างหน้า IVL จะทำกิจการที่เป็น Green Field ในตะวันออกกลางสำหรับโครงการ PX/PTA/PET(รอตัดสินใจปี 2556) และโครงการ Ethylene/EO/MEG ในสหรัฐฯ (คาดว่ารอปี 2558 จึงตัดสินใจ) 
  • วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

    Read more »

    Stock Focus,18.Apr.2012., 9.45

     

    บทความ 2011 , บทความ 2012 , กรูหุ้น 1000 ล้าน,

    เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,


    ถ่าน" ทำให้ นาฬิกา "เดินไป" ... "กำลังใจ" ทำให้ คน"เดินต่อ

    IVL, JAS, SYNTEC, CK, SIRI

    Selective Buy

    ตลาดต่างประเทศรีบาวด์ ในขณะที่ความกลัวซึ่งมีดัชนีชี้วัดเป็น VIX Index ปรับตัวขึ้นสูงจากระดับ Bottom ที่ต่ำกว่า 15 จุด ขึ้นมายืน 18-20 จุด ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ทรงตัวในที่สูงระดับ 79.6 จุด ราคาคอมมอดิตี้ยังไม่สดใสทั้งยางพารา และถ่านหิน แม้กระทั่งราคาน้ำมันและทองคำ ก็ยังมีอาการไม่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป เริ่มคลายตัวลง ตลาดหุ้นต่างประเทศขานรับเชิงบวก หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังมีนโยบายที่จะซื้อพันธบัตรเพื่อช่วยเหลือประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤตหนี้ และคาดว่าปัญหาหนี้ในประเทศสเปนจะสามารถควบคุมได้และไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาด ทางด้านรายงานสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (Beige Book) ยังคงแสดงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง โดยภาคการผลิตเติบโตมากที่สุด สำหรับอนาคตคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังคงโตต่อต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีปัจจัยด้านราคาพลังงานที่สูงขึ้นยังทำให้มีความกังวลอยู่ Selective เลือกเป็นตัว ๆ ไป: วันนี้เราเลือก IVL แม้กำไรไตรมาส 1/55 ยังไม่ฟื้นอย่างโดดเด่น แต่มีแนวโน้มดีขึ้นได้ใน 2H55 เรายังคงเลือก SIRI, JAS ซึ่งอิงการบริโภคในประเทศเป็นหลัก

    ปัจจัยวันนี้
    (-) วิตกกังวลราคาถ่านหิน จะปรับตัวลงเหมือนก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ: ตลาดในสหรัฐฯ กำลังสนใจในเรื่อง Shale Gas เป็นอันมาก ผลของการมี Shale Gas ซึ่งเป็นพลังงานที่เป็น Unconventional Energy เกิดขึ้นส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาที่ 2.5 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู เทียบกับราคาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตของ PTTEP ขายได้ที่ 7 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู มีนักลงทุนบางส่วนวิตกว่าราคาพลังงานเช่นก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน ถ่านหิน อาจมีการปรับตัวลดลง สร้างฐานราคาใหม่ แต่เราสอบถามผู้ประกอบการหลายรายแล้วพบว่าราคาก๊าซฯ ในสหรัฐฯ ปรับตัวลงมาแบบนี้นานเป็นปีแล้ว แต่สิ่งที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในฐานราคาคงน่าจะเริ่มเห็นชัดจากน้ำมัน WTI ที่เป็นแหล่งในสหรัฐฯ ก่อน แล้วอาจส่งผลต่อ Brent แล้วค่อยส่งผลมาที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ ซึ่งใช้กันในเอเชีย แต่สิ่งที่เราเห็นขณะนี้คือ ราคาน้ำมันในตลาดหลักทั้ง 3 แห่งยังไม่ได้ปรับตัวลงมาก โดยเฉพาะน้ำมันดิบดูไบ ราคาไม่อ่อนตัวลงเลย แต่สำหรับถ่านหิน ราคา Rotterdam Coal ราคาอ่อนตัวลงมาตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.หลุด 110 เหรียญฯ ต่อตันมาที่ 96 เหรียญฯ แต่ราคา BJI ก็ยังค่อย ๆ อ่อนตัวลงมา อยู่ที่ระดับ 100 เหรียญฯ แนวโน้มของราคาถ่านหินยังอ่อนแอ เราเชื่อว่ามาจากเศรษฐกิจจีนไม่ร้อนแรงมากเท่ากับ 1-2 ปีก่อน เห็นได้จากราคายางพารา พอมีซัพพลายในประเทศไทยออกมา ราคาก็เริ่มอ่อนตัวลงมาอีกเช่นกัน เรายังมองสถานการณ์ดังกล่าวอาจเกิดเป็นช่วงสั้นสัก 1-2 เดือน หรือในไตรมาส 2/55 แต่ราคาผลิตภัณฑ์ต่ำ ประกอบกับดีมานด์ในเอเชียแม้อ่อนแอบ้าง แต่ไม่ถึงกับหยุดนิ่ง คาดว่าน่าจะดีขึ้นในช่วง 2H55 เรายังมีความเห็นต่อหุ้นกลุ่มคอมมอดิตี้ว่าเราชอบน้อยกว่า Domestic Play หากเป็นทั้งกลุ่มเราเลือกธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก

    (+)SIRI: โครงการคอนโดมิเนียมที่หัวหิน กวาดยอดขายรวม 2,330 ล้านบาท ไตรมาสแรกของปี 2555 SIRI สามารถปิดยอดขาย (Presale) ได้สูงถึง 12,000 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดภายในไตรมาสเดียว รวมแล้วเพียง 3 เดือนเศษๆ มียอด Presale รวมเกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ คิดเป็น 45% ของเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปีเท่ากับ 32,000 ล้านบาท หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ ก้าวสู่ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ มีแบนด์แข็งแกร่งขึ้น แนะนำซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 2.50 บาท โดยสมมติปีนี้วอร์แรนท์ใช้สิทธิ 1 ใน 3

    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Tuesday, April 17, 2012

    Stock Focus,17.Apr.2012., 9.30

    จงหัวเราะเท่าที่ยังมีลมหายใจ และรักให้ได้เท่าที่ยังมีชีวิต

    IVL, PTTGC, JAS, SCB, CK

    ราคาคอมมอดิตี้ร่วง ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หุ้นจีนขึ้น

    เป็นไปได้ว่า Fund Flow เริ่มมีการโยกเม็ดเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีน ที่ถูกกดมานาน แม้ว่าตัวเลข GDP growth ของประเทศจีนในงวดไตรมาส 1/55 ที่ประกาศไปเมื่อ 13 เม.ย.55 จะออกมาต่ำเพียง 8.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.3% อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาดการณ์ทั้งปีของรัฐบาลจีนที่ต่ำเพียง 0.5% ทางด้านยุโรปความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ ทำให้มองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยทดแทนทองคำที่ราคาขึ้นเร็วเมื่อสองปีก่อน ความน่าวิตกของยุโรปในขณะนี้พุ่งเป้าไปที่สเปน

    กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: มีหลายอย่างน่าผิดหวัง ในบางอย่างน่าผิดหวังแต่สนองตอบในราคาและอินเด็กซ์ไปแล้ว เช่นหุ้นจีน และดัชนีปิโตรเคมี ราคาหุ้น IVL และ PTTGC อยู่ในโซนที่อ่อนตัวมาก โดยเรายังคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/55 ของ IVL จะฟื้นตัวออกมาดี หลังจากที่มีผลขาดทุนมากในไตรมาส 4/54 ส่วน PTTGC คาดว่าในไตรมาส 1/55 จะมีกำไรในเกณฑ์ดีพอควร แม้ว่าจะมีการ shutdown กำลังการผลิตบางส่วนหลังจากที่การส่งมอบก๊าซจากอ่าวไทยไม่สูงมาก และจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเข้ามาเสริม เหมือนกับธุรกิจโรงกลั่นรายอื่น เช่น TOP และ BCP อย่างไรก็ตาม เรามองการฟื้นตัวของดัชนีจีน และอินเด็กซ์ปิโตรเคมี อาจจะปรับตัวดีขึ้นไปด้วยกันอย่างสอดคล้องนับจากนี้ไป แนะนำซื้อ IVL, PTTGC
    ราคาคอมมอดิตี้ปรับตัวลดลง: ราคาทองคำปรับตัวลดลงราว 10.5 เหรียญฯ ต่อออนซ์หรือ 0.6% ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมถึงราคายางพาราและราคาถ่านหิน
    (+)ตลาดหุ้นจีนปรับตัวดีขึ้น: โดยดัชนีหุ้นจีนทำจุดต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.55 และค่อย ๆ รีบาวด์ต่อเนื่องสวนทางกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เราจึงตั้งข้อสังเกตว่าเงินหรือ Fund Flow บางส่วนคงต้องเริ่มไหลเข้าจีน ทั้งที่การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/55 ออกมาไม่น่าประทับใจ แต่ Fund Flow รอให้เกิด Sell on Fact ก่อนและรอดูพัฒนาการการไหลเข้าตลาดหุ้นจีน
    กลุ่มสื่อสาร: ระยะสั้นเราเป็นห่วงการประมูล 3จี ซึ่งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม เร่งประมูล 3จี จำนวน 45 MHz เปลี่ยนจากประมูลใบอนุญาต 3 ใบ ใบละ 15 MHZ เป็น 9 ใบ ใบละ 5 MHz แก้วิกฤติคลื่นขาดแคลน พร้อมกำหนดราคาต้น พ.ค.นี้ โดยจะเปิดประมูลเป็นหลายรอบเพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็กเข้าแข่งขันได้ มีการตัดประเด็นเงื่อนไข จากเดิมผู้ได้รับใบอนุญาตจะต้องมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใน 3 ปี หลังจากได้รับใบอนุญาต แต่จะกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังการประมูล 3จี แล้ว จะมีการประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อนำไปรองรับระบบ 4จี ได้ โดยคลื่นดังกล่าวจะถูกส่งคืนกลับมาที่ กสทช.เมื่อสัมปทานของ บริษัท DCP และ ทรูมูฟ หมดอายุในเดือน ก.ย.56 การประมูลคลื่น 4จี 6 เดือนก่อนหมดอายุสัญญา คาดว่าราวๆ มี.ค. 2556 นอกจากนี้ กสทช. กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่ายทุกระบบเก็บค่าโทรศัพท์ในอัตรานาทีละไม่เกิน 99 สตางค์ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 55 จากผลทั้งสองเรื่อง ทำให้เราเตรียมลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่ม Mobile Phone Operator ลด โดยแนะนำการเปิดชอร์ท ADVANC และ DTAC หรือเปลี่ยนตัวเล่นในกลุ่มจากสองตัวนี้เป็น JAS และ THCOM ทดแทน
    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Wednesday, April 11, 2012

    Stock Focus,11.Apr.2012., 11.20

     

    KBANK, SCB, TCAP, JAS, HMPRO

    ตลาดต่างประเทศยังไม่ฟื้น รอดูวันนี้ไทยอาจฟื้นก่อน เลือกลงทุนแบงก์ก่อน

    ตลาดหุ้นไทยทรุดตัวต่อเนื่องรวมกว่า 50 จุด ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา โดยทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,213 จุด และต่ำสุด 1,156 จุด วันนี้คาดว่าแนวรับสำคัญจะอยู่ที่ระดับของโลว์วานนี้ได้ และต้องพิจารณาสถานการณ์โดยรวมในต่างประเทศว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นได้หรือไม่ ตลาดยุโรปปรับตัวลง 2-3% หุ้นอิตาลีและสเปนดิ่งหนัก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของทั้งสองประเทศยังคงพุ่งขึ้น จากความวิตกเกี่ยวกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น
    ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง 1.6%-1.8% ตลาดเอเชียเปิดทำการลบต่อในระดับที่แตกต่างกันไป ตลาดไทยเรายังมีลุ้นลบตามไม่มาก ให้แนวรับใกล้กับระดับวานนี้ที่ 1,156 บวก/ลบ หากเลือกการลงทุน เราเลือกลุ่มแบงก์มาก่อน สื่อสาร และพลังงานฯ เนื่องจากเรายังเห็นภาพใหญ่ของประเทศว่าจะมี Mega Trend ในหลาย Sector เช่น ICT, Energy รวมถึงภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชน เชื่อว่าแบงก์คือผู้ได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมมากที่สุด เราชอบ KBANK, SCB, TCAP ที่ปรับตัวลงวานนี้เป็นโอกาสซื้อ อีกทั้ง TCAP จะ XD 17 เม.ย.นี้ 0.70 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อรับปันผล ส่วนสื่อสาร เราแนะนำขายทำกำไรกลุ่ม Mobile Phone Operator ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาสูง และต้องลงทุนในภายหน้าอย่างมากเพื่อทำ 3G และ 4G โดยเราชอบ JAS, THCOM ในกลุ่มสื่อสารมากกว่า ADVANC, DTAC ส่วน INTUCH ยัง Undervalued ราคาปิดของ ADVANC และ THCOM วานนี้สะท้อนราคาหุ้น INTUCH เท่ากับ 66 บาท ส่วนหุ้นใหญ่ทั้ง PTT และ SCC รอดูก่อน PTT แข็งแกร่งด้าน Earnings ไตรมาส 1/55 กว่า SCC เพราะ PTTEP มีกำไรแข็งแกร่ง แต่มีประเด็นเรื่องการ Write-off การลงทุนในอียิปต์ เข้ามาเป็น Overhang ทำให้ยังไม่เลือกเข้าทั้ง PTT และ SCC แต่จะเลือก BANPU เพราะได้อ่อนตัวลงมาหนักจากหลายเรื่องแล้ว ราคา 580 บาท ลงมาเป็นระดับที่เข้าทยอยเก็บได้

    ปัจจัยวันนี้

    ยุโรป: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสเปนอายุครบกำหนดไถ่ถอน 10 ปี เพิ่มขึ้น สู่ระดับ 5.92% ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 5.94% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.54 ทั้งนี้ รัฐบาลสเปนได้ออกมาย้ำในคำมั่นที่จะปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณลง โดยย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการลดการใช้จ่ายราว 1 หมื่นล้านยูโร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 10 ปียังคงปรับขึ้น โดยทะยานขึ้นอีก 0.31% สู่ระดับ 5.67% ในขณะที่นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรเยอรมนี โดยราคาพันธบัตรเยอรมนีทะยานขึ้นเมื่อวานนี้ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปีร่วงลง 0.10% สู่ 1.637% ซึ่งใกล้กับจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.635%ซึ่งทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 อยู่ใกล้สถิติต่ำสุด
    ครม.ขยายเวลาพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ออกไปอีก 4 เดือน กระทบด้านลบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ปิคอัพ และขยายเวลาการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ป.ตรี ขั้นต่ำ 15,000 บาท ออกไปเป็นปี 2557 นอกจากนี้ ครม.อนุมัติจัดซื้อแท็ปเล็ตให้กับนักเรียน ป.1 เพิ่มเติมให้กับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้อยู่ในโครงการ โดยการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มจำนวน 1 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นนักเรียนป. 1 จำนวน 8.5 แสนเครื่อง ครู 7 หมื่นเครื่อง ทั้งนี้จะมีการจัดหาเครื่องสำรองให้กับโรงเรียนทั้ง 3,600 แห่ง แห่งละ 2 เครื่อง ปัจจัยดังกล่าวจะเกื้อหนุนในทางอ้อมต่อผู้ประกอบการธุรกิจ Broadband Internet คือ JAS และ TRUE
    วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

    Read more »

    Tuesday, April 10, 2012

    Stock Focus,PTTEP,10.Apr.2012., 17.00

    บริษัท ปตท.สำรวจและผลิต (มหาชน) (PTTEP)

    คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ดีต่อเนื่อง 1.5 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 1/55 ปริมาณขายก๊าซธรรมชาติยังทรงตัวระดับ 255,000 บาร์เรลต่อวัน มีการผลิตออกจากแหล่งผลิตใหม่ ในขณะเดียวกันก็มีการลดกำลังการผลิตของ แหล่งผลิตเดิม เนื่องจากมีช่วงเวลาในการซ่อมบำรุง แต่ส่วนที่โดดเด่นมากสำหรับไตรมาสนี้ คือราคาขายก๊าซธรรมชาติทำสถิติสูงสุดขึ้นมาถึง 7 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู และยังคงปรับตัวขึ้นต่อในไตรมาส 2/55 มาอยู่ราว 7.1 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียูได้อีก ซึ่งสวนทางกับราคาก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ที่ราคาร่วงไปอยู่ราว 2.5-3.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นผลจากการมี Shale Gas มากในแหล่งสหรัฐฯ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับในประเทศไทย เราเชื่อว่า 2-3 ปีข้างหน้าเป็นช่วงที่กำไรของ PTTEP ยังเติบโต และกลยุทธ์การดำ เนินธุรกิจกำ ลังรุกคืบไปสู่การทำ Unconventional มากขึ้น เราจึงยังคงแนะนำซื้อ PTTEP ราคาเป้าหมาย 209 บาท
  • คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 15,235 ล้านบาท: +38.8% YoY และ +0.6% QoQ คาดการณ์กำลังการผลิตในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 2% QoQ เป็น 255,865 บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่284,000 บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ แต่ที่ดีมากสำหรับไตรมาสนี้ คือราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน เราคาดการณ์ค่าเฉลี่ยราคาก๊าซ ไตรมาสนี้ที่ 7 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู และคาดการณ์ราคาปิโตรเลียมเฉลี่ยเท่ากับ 64.58 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล +30.8% YoY หรือ +5.4% QoQ เป็นราคาที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยเป็นราคาที่ดีกว่าในช่วงน้ำมันดิบมีค่าเฉลี่ยที่ 116 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/51 ราคาผลิตภัณฑ์ช่วงนั้นก็ยังสูงเพียง 54 เหรียญฯ เท่านั้น
  • ปริมาณการผลิตในปี 2555 คาดการณ์ไว้ 284,000 บาร์เรลต่อวัน: แม้ว่าในไตรมาส 1/55 จะมีการหยุดผลิตที่แหล่งอาทิตย์เหนือไปแล้ว 120 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน และมีหยุดซ่อมบำรุงในบางแหล่งผลิตเป็นระยะสัปดาห์ แต่เราเชื่อว่าแหล่งผลิตที่จะทำให้ปริมาณการผลิตของ PTTEP เพิ่มขึ้นมาได้จะมาจากแหล่ง KKD ในคานาดา ซึ่งยังคงเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่องนับจากสิ้นปี 2554 ผลิตได้ 15,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นได้เป็น 20,000 บาร์เรลต่อวัน แหล่งบงกชใต้ ที่เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นได้รวม 320 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน ในปี 2555 แหล่งเวียดนาม 16-1 ผลิตได้เพิ่มเป็น 32,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่ไตรมาส 4/54
  • ประเมินมูลค่าเหมาะสม 209 บาท: เราใช้สมมติฐานราคาน้ำมันปี 2555 ที่ 100 เหรียญฯ และค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 30.7 บาทต่อเหรียญ ฯ กำไรสุทธิปี 2555-2557 คาดว่าเพิ่มขึ้น 12%, 21% และ 13% YoY แสดงให้เห็นว่าสามปีข้างหน้านี้ PTTEP เข้าสูงGrowth Stage อีกครั้ง หลังจากกำไรย่ำฐานที่ไตรมาสละ 10,000 ล้านบาทติดต่อกัน 4-5 ปี (ยกเว้นปีที่มีอุบัติเหตุที่มอนทารา) เราเชื่อว่า PTTEP เป็นหุ้นที่เหมาะสมจะซื้อลงทุนรับกับกระแสที่บริษัทพลังงานทั่วโลกหันเหจากการทำธุรกิจดาวน์สตรีมไปสู่อัพสตรีม เรากำหนดราคาเป้าหมาย PTTEP ที่ 209 บาท (วิธี DCF ถึงปี 2562 ค่า WACC ที่ 7.5% Long-term Growth 1%)ธุรกิจ Conventional ที่ PTTEP ดำเนินการอยู่ยังให้ภาพรวมในการสร้าง EBITDA Margin ได้ราว 70% ทั้งนี้เราเชื่อว่าปี 2555 เป็นต้นไป PTTEP จะมีส่วนผสมของธุรกิจ Unconventional เข้ามาเพิ่ม ได้แก่ Oil Sands และ LNG ซึ่งในส่วนเหล่านี้ EBITDA Margin คงน้อยกว่าธุรกิจเดิมเป็น ธรรมชาติอยู่แล้ว อย่างเช่นกรณีของ Oil Sands ก็จะมี EBITDA Margin ราว 35% แม้จะน้อยกว่าเดิมแต่ก็ยังมากกว่าธุรกิจที่ไม่ใช่ E&P ซึ่งมักมี IRR ต่ำกว่า 20% เป็นปกติ ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าแนวทางที่ PTTEP กำลังเดินทางหาธุรกิจใหม่ที่เป็น Unconventional มาเพิ่ม น่าจะเป็น Direction ที่ถูกต้องแล้ว แม้จะทำให้ EBITDA Margin ในอนาคตลดลง แต่จะทำให้ฐาน EBITDA และกำไรสุทธิใน Bottom Line เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง ExxonMobil ของสหรัฐฯ ก็พยายามขายเงินการลงทุนในธุรกิจดาวน์สตรีม เพื่อเตรียมเข้าอัพสตรีมเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่แนวโน้ม ของโลกธุรกิจ Unconventional ก้าวเข้ามากินสัดส่วนของ Conventional เพิ่มมากขึ้นเป็น 29% ในปี 2554 เราจึงมองว่าแนวโน้มธุรกิจพลังงาน ประเภท E&P กำลังก้าวจาก Conventional เข้าไป Unconventional และเกิดการบูมก่อนเห็นการบูมอย่างชัดเจนของ Renewable Energy
  • by วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

    Read more »

    Stock Focus,BANPU,10.Apr.2012., 10.41

     

    BANPU เผยปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบ

    BLCP แต่หากต้องหยุดกระทบกำไร 10%


    นายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU) เปิดเผยถึง กรณีที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีได้ทำเรื่องมาถึง กฟผ. เพื่อขอแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) หลังผู้จัดหาถ่านหินของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีขอเจรจาเพิ่มราคาขายถ่านหินที่ทำสัญญาไว้ก่อนหน้าว่า ในปีนี้โรงไฟฟ้า BLCP จะยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะผู้จัดหาถ่านหินรายใหญ่ดังกล่าวได้ทำสัญญาส่งมอบถ่านครบทั้งหมดแล้วในปีนี้ แต่หากกรณีที่ผู้จัดหาถ่านรายดังกล่าวหยุดส่งถ่านหินให้บีแอลซีพีก็จำเป็นต้องหยุดดำเนินการ ซึ่งหาก BLCP หยุดดำเนินการจะมีผลกระทบต่อกำไรของ BANPU กว่า 10% โรงไฟฟ้า BLCP ปีนี้มีถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงครบทั้งหมดแล้วในปีนี้ จึงคาดว่าปี 2555 ไม่มีผลกระทบต่อกำไรสุทธิของ BANPU และ EGCO

    ความเห็น: BANPU ถือหุ้น BLCP ร่วมกับ EGCO ฝ่ายละ 50% มีกำลังการผลิต 1,434 เมกะวัตต์ ในปี 2555 คาดว่ากำไรสุทธิจะเข้ามาตามเป้าหมาย 2,016 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10% ของกำไรสุทธิของ BANPU ที่ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี และในปีต่อไปจากนี้กำไรของ BLCP มีโอกาสลดน้อยถอยลงได้อีก ทั้งนี้ธุรกิจโรงไฟฟ้า BLCP มีการปันส่วนรายได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป เนื่องจากเริ่มพ้นปีที่ 5 ของโรงไฟฟ้า การรับรู้กำไรจะลดลงจากเดิมอยู่ที่ประมาณปีละ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ผู้จัดหาถ่านหินรายนี้ (คาดว่าเป็น Rio Tinto) เข้ามาเจรจากับ กฟผ.โดยเจรจาขอเพิ่มราคาถ่านหินเป็นราว 90 เหรียญฯ/ตัน เพื่อให้ cover ต้นทุนและมีกำไรได้บ้าง จากในสัญญาเดิมกำหนดที่ 50 กว่าเหรียญฯ/ตัน ซึ่งราคา 50 เหรียญฯนี้เทียบแล้วต่ำกว่าต้นทุนและต่ำกว่าราคาตลาด เรื่องนี้ต้องให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)พิจารณาและเสนอไปถึงคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)

    ปัจจุบันผู้จัดหาถ่านหินรายนี้ส่งถ่านให้ 3.6 ล้านตันต่อปี ยังต้องส่งถ่านหินให้ BLCP อีกเกือบ 20 ปี แต่ถ้าต้องหยุดส่งความเสียหายต่อส่วนรวมมาก เพราะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ กรณีที่ BLCP จะไปซื้อถ่านหินจากรายอื่นได้หรือไม่นั้น นายชนินทร์กล่าวว่า ถ้าเราจะต้องไปซื้อจากรายอื่นก็ต้องซื้อที่ราคากว่า 100 เหรียญฯ เพราะราคาตลาดตอนนี้อยู่แถว 109-110 เหรียญฯ แต่ถ้าเจรจากับผู้จัดหารายเดิมนี้ได้แล้วตกลงกันได้ก็ยังจะดำเนินกิจการไปได้อีกเกือบ 20 ปี ต้นทุนก็ต่ำกว่าระบบก็ไม่มีปัญหา

    คำแนะนำ: กรณีดังกล่าวจะสร้างความไม่แน่นอนให้กับ BANPU กรณีการรับรู้รายได้จากธุรกิจที่เป็นหลักสำคัญคือไฟฟ้า และโดยเฉพาะ BLCP นั้นในปีที่ผ่านมาพบว่าการ Contribute กำไรให้กับกลุ่ม BANPU มากถึง 1 ใน 3 (ประมาณ 6,000 ล้านบาท จากกำไรสุทธิรวม 18,000 ล้านบาท) แต่ในปี 2555 เป็นต้นไปจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเหลือเพียง 10% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่จริง Operating Profit ของ BANPU ได้ดีขึ้นจากธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลียเป็นหลัก Fair Value จากธุรกิจ BLCP หากต้องหยุดไปจะมีมูลค่ารวม 71 บาทต่อหุ้น จาก Fair Value รวม 762 บาท เราเชื่อว่าสำหรับ BANPU และ EGCO ได้ run โรงไฟฟ้า BLCP และเก็บเกี่ยวกำไรจนคุ้มทุนไปแล้ว แต่ตัวโรงไฟฟ้ายัง Generate รายได้ต่อไปได้อีก เราเชื่อว่าในเวลานี้ กฟผ.เองคงต้องกลับมาพิจารณา PPA ทั้งระบบ เพื่อให้การจ่ายไฟฟ้าของทั้งประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจาก BLCP ของ BANPU แล้วยังมีโรงไฟฟ้าระยอง และขนอม ของ EGCO ที่ยังมี Overhang เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้งสองใกล้หมดอายุ PPA ในปี 2557 และ 2559 ด้วย คำแนะนำการลงทุนใน BANPU คือรอให้ข่าวดังกล่าวคลี่คลายอย่างมีคำตอบที่ดีก่อนและหาจังหวะทยอยสะสมหุ้น BANPU เนื่องจากนับจากนี้ไปเราซื้อ BANPU เพราะเชื่อมั่นในธุรกิจ E&P ถ่านหิน ที่มี Gross Margin สูงในระดับ 51% ส่วนของไฟฟ้าจากนี้ไปถือเป็นรายได้เสริม แต่ต้องระมัดระวังว่าหากหยุดการ Operate BLCP ไปเลยจะมีผลขาดทุนเข้ามาจาก Variable Cost ราคาประมาณ 580 บาทถือว่า Reasonable Price ในระยะยาวแล้ว
    BY Vajiralux Sanglerdsillapachai

    http://veryinvestment.blogspot.com/

    Read more »

    Wednesday, April 4, 2012

    Stock Focus,TOP,4.Apr.2012., 18.00

    บทความ 2011 , บทความ 2012 , กรูหุ้น 1000 ล้าน,

    เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,


    Our greatest glory is not in never falling,
    but in rising every time we fall.

    เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม

    แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก


    บริษัท ไทยออยล์ จำกัด

    (มหาชน) (TOP)

    Preview: กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 สูง 6 พันล้านบาท

    ปี 2555 คาดว่า TOP มี Upside มากในส่วนของธุรกิจการกลั่น เราคาดการณ์ค่าการกลั่นเฉลี่ยในปี 2555 เท่ากับ 7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เฉพาะธุรกิจการกลั่นในไตรมาส 1/55 ถือว่าทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยคือ Real GRM+Stock Gain ทำได้แล้ว 8 เหรียญฯ เราคาดว่าสเปรดพาราไซลีนทรงตัวในระดับที่ดีจะหนุนกำไรช่วง 1H55 ดี แนะนำซื้อ TOP ให้มูลค่าเหมาะสม 84 บาท อิงค่า PER ในปี 2555 ที่ 10เท่า เลือกใช้วิธีนี้แทนที่จะใช้วิธี DCF ซึ่งได้มูลค่า 91 บาท เนื่องจากลักษณะของกำไรเข้าในแต่ละปี และแต่ละไตรมาสยังไม่สม่ำเสมอ มีความเป็นคอมมอดิตี้สูง(ทำให้กำไรผันผวน) แต่ปันผลจูงใจ ในระดับ 5% ต่อปี
    คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 6,051 ล้านบาท - 16% YoY แต่ +225% QoQ โดยกำไรสุทธิ GIM หรือ Gross Integrated Margin ในไตรมาสนี้คาดว่าจะสูงถึง 11 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล (4Q54 เท่ากับ 6.3 เหรียญฯ และทั้งปี 2554 เท่ากับ 9.3 เหรียญฯ)แยกเป็น 1.Based GRM เท่ากับ 3 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ใกล้เคียงกับ ไตรมาส 4/54 ที่ 3.1 เหรียญฯ 2.กำไรสต๊อกน้ำมัน (Stock Gain) ประมาณ 5 เหรียญฯ(4Q54 เท่ากับ 0.6 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล)คิดเป็นกำไรสต๊อกส่วนนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 3,416 ล้านบาท เทียบ เป็นส่วนต่างราคาน้ำมันปลายงวด-ต้นงวด สูงถึง 14 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาต้นงวด 106 เหรียญฯ ปลายงวด 120 เหรียญฯ 3.ส่วนต่าง สเปรดอะโรเมติกส์ อีกประมาณ 2 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล (4Q54 เท่ากับ 1.7 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล) และค่าการกลั่นของ Lube Base เท่ากับ 1 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ใกล้เคียงไตรมาส 4/54 Utilization rate โรงกลั่น 100%, พาราไซลีน 108% และ Lube 97% ทั้งนี้ค่าการกลั่นในเดือน มี.ค.ตกมามากเหลือ เพียง 4 เหรียญฯ เพราะเหตุที่อากาศในยุโรปหนาวมาก แต่ไม่หนาวนานทำให้ระยะหลังมี การระบายสต๊อกออกมา น้ำมันเตาธรรมดาที่ไม่ใช่ Premium Grade ราคาทรุดหนัก

    ข้อดีในปีนี้ของ TOP คือเราคาด Effective Tax Rate ต่ำเพียง 18% คาดไตรมาส 1/55 นี้ 19.8% เป็นอัตราภาษีที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพ ของโรงกลั่นและปิโตรเคมีจาก BOI คาดว่าอาจจะใช้ในไตรมาสนี้ราว 100-200 ล้านบาท จากทั้งหมดที่จะใช้ได้รวมราว 7,000 ล้านบาท ใช้ไปในปีก่อนแล้ว 600 ล้านบาท และ ทยอยใช้ใน 2-3 ปีข้างหน้า
    แนะนำซื้อ โดยให้มูลค่าเหมาะสมที่ 84 บาท คิดตาม PER ที่ 10 เท่า ทั้งนี้เราประเมินราคาเหมาะสมของ TOP ผ่านสองวิธีคือ (1)ประเมินค่า PER 10 เท่าในปี 2555 เท่ากับ 84 บาท (EPS เท่ากับ 8.4 บาทต่อหุ้น) นอกจากนี้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยภาษีเงินได้ ลดลงมาจากฐาน 30% เหลือ 23% และหักลบด้วย Tax Credit จากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปิโตรเคมีอีกรวมทั้งปีเราประเมินการใช้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท (2)ประเมิน DCF ปี 2555-2562 ที่ WACC 11.11% ได้มูลค่าเหมาะสมเท่ากับ 91 บาท เราเลือกใช้ราคาเป้าหมายจากการประเมินในวิธีแรก มองภาพรวมอุตสาหกรรมอาจจะ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2552 รอดูว่าจะผ่านระดับพีคในปี 2556 ไปได้ดีหรือไม่


    วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

    Read more »

    Stock Focus,4.Apr.2012., 10.40


     

    บทความ 2011 , บทความ 2012 , กรูหุ้น 1000 ล้าน,

    เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,

    Our greatest glory is not in never falling,
    but in rising every time we fall.

    เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม

    แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก


    TOP, PTTGC, PTT, PTTEP, JAS

    เชื่อว่าพักฐานตามตลาดต่างประเทศ

    คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะเปิดในแดนลบเล็กน้อย เรามอง 1,212 จุด เป็นแนวต้านสำคัญ การซื้อขายอาจจะยังเบาบางด้วยเหตุเป็นวันหยุดในตลาดฮ่องกง และเตรียมตัวเข้าช่วง Holiday สิ้นสัปดาห์นี้ ในขณะที่ก่อนปิดทำการไปพักผ่อนสุดสัปดาห์นี้ ภาคพื้นยุโรปได้ฝากความ วิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของสเปน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปน พุ่งขึ้น 0.10% แตะที่ 5.43% เมื่อวานนี้ กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในวันนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังเป็น Bottom Fishing แต่การที่นักลงทุนเริ่มตระหนักแล้วว่าแม้ประกาศกำไรไตรมาสออกมาดี แต่ก็เป็นกำไรที่ Sustain การเติบโตขึ้นต่อเนื่องไปไม่ได้ นี่คือลักษณะเด่นของคอมมอดิตี้ ที่ทำให้นักลงทุนไม่ตื่นเต้นกับตัวเลขกำไรดีของธุรกิจที่กำไรผันผวนแล้ว และหันไปเลือกลงทุนในธุรกิจที่เป็น Domestic Play เติบโตตามความต้องการซื้อของประชากรในพื้นที่นั้นแทน อย่างไรก็ตาม หากราคาหุ้นถูกมาก เราเชื่อว่า Risk/Reward Ratio จะคุ้มพอที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงนี้เราหันกลับมาเน้นการลงทุนหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเคมี: ทั้ง TOP,PTTGC, BCP, ESSO, IRPC, PTT ยังคงเลือก TOP BUY 3 ตัวจากส่วนนี้เราเลือก TOP, PTTGC, PTT 1.เนื่องจากราคาหุ้นต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมาก เช่น TOP ราคาอยู่ใกล้ Replacement cost ที่ 68 บาท ณ ระดับราคาดังกล่าวสะท้อนว่าถ้าเราจะสร้างโรงกลั่นใหม่ในขนาดของ TOP เราคงใช้เงินไม่ต่ำกว่า 68 บาทต่อหุ้น TOP หรือแม้แต่ ESSO ซึ่งผลประกอบการปี 2554 ย่ำแย่ และไม่แน่ใจเรื่องการซื้อขายดีลของโรงกลั่น ESSO ว่ามีจริงหรือไม่ แม้จะเกิดการขายโรงกลั่นขึ้นแล้ว 2 แห่งในเอเชียคือมาเลเซีย และญี่ปุ่น มูลค่าการซื้อขายก็สูงกว่า Market Cap ของ ESSO ถึงราว 40% (BCP กำไรดีขึ้น QoQ แต่หุ้นเหลือ Upside น้อยจากการโดดขึ้นไปเมื่อวานนี้ เราจึงเลือก TOP, PTTGC แทน) 2.เราเชื่อว่าในไตรมาส 1/55 นี้ธุรกิจโรงกลั่นโดยรวมจะมี Stock Gain กันมากถึงราว 14 เหรียญฯ จากการที่ราคาน้ำมันดิบดูไบต้นงวดอยู่ที่ 106 เหรียญฯ ปลายงวดอยู่ที่ 120 เหรียญฯ และค่าเฉลี่ยระหว่างงวดอยู่ที่ 116.05 เหรียญฯ ESSO ก็เป็นอีกโรงกลั่นที่แม้กำไรไตรมาส 4/54 ย่ำแย่ เพราะราคาน้ำมันอ่อนตัวทำให้มี Stock Loss พร้อมกับผลกระทบของการ Planned Shutdown จะกลับมามีกำไรสูงในไตรมาส 1/55 ด้วยเช่นกัน แต่นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายที่เกิดขึ้นอาจเกิดเพราะความคาดหวังที่มากเกินไปของนักลงทุนบางส่วนต่อเรื่องดีลการซื้อขายโรงกลั่น ทั้งนี้ หลายกิจการในกลุ่ม PTT กลับมามีกำไรดีขึ้นมากในไตรมาส 1/55 นี้ หากหุ้นกลุ่มนี้ถูก Rerated ขึ้นตลาดหุ้นโดยรวมอาจไม่ปรับตัวลงแล้ว
    ภาระหนี้สินสเปน: นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของสเปนและได้สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อตลาดหุ้นทั่วยุโรป โดยเมื่อวานนี้ รัฐบาลสเปนคาดการณ์ว่า สัดส่วนหนี้สินของสเปนอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 79.8% ของจีดีพีในปี 2555 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2533 ขณะที่ตลาดแรงงานของสเปนก็ถดถอยลงอย่างมาก หุ้นธนาคารป๊อปปูเลร์ เดอ มิลาโน ดิ่งลง 6.6% หุ้นธนาคารบังโค ซานตานเดร์ ร่วงลง 4% หุ้นธนาคารอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 4.7% และหุ้นยูนิเครดิต ดิ่งลง 5%
    สหรัฐฯ: กระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐ เพิ่มขึ้นเพียง 1.3% ในเดือนก.พ. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% เฟดมีความเห็นตรงกันในการประชุมครั้งล่าสุดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้นปานกลาง แต่ยังคงมีความระมัดระวังเกี่ยวกับตลาดแรงงาน รายงานการประชุมเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ แทบไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นสำหรับการซื้อพันธบัตรเพิ่มในเร็ว ๆ นี้หรือแผนใหม่อื่นในการหนุนเศรษฐกิจ นับเป็นข่าวที่น่าจะส่งผลเชิงลบทางจิตวิทยาการลงทุน แต่ไม่กระทบพื้นฐานทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Tuesday, March 20, 2012

    Stock Focus,BANPU,20.Mar.2012.,17.20

    Our greatest glory is not in never falling, but in rising every time we fall.
    เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
    แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก


    Comment: BANPU เป้าหมาย 762 บาท

        BANPU ภาษีที่ส่งผลกระทบต่อเหมืองถ่านหิน 2 ฉบับที่ผ่านการเห็นชอบของรัฐบาลและจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 .. 55 คือภาษี Carbon tax และ ภาษี Mineral Resources Rent Tax (MRRT) โดยในส่วนของ MRRT เมื่อวันที่ 19 มี.. 55 ได้มีข่าวว่า ภาษีฉบับนี้ได้ผ่านสภาสูงของ ออสเตรเลีย หลังจากสภาล่างได้ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ในเดือน .. 55 โดย MRRT คือภาษีที่จะเรียกเก็บจากเหมืองถ่านหินและเหมืองแร่ต่างๆ โดยจะมีอัตราส่วน อยู่ที่ 22.5% เราคาดว่าในช่วง 3 ปีแรก CEY ยังคงไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากกฏหมายภาษีฉบับจะส่งผลกระทบต่อเหมืองขนาดใหญ่ที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง โดยขณะนี้ CEY ยังคงติดสัญญาขายฉบับเก่าอยู่จึงทำให้ราคาขายยังค่อนข้างต่ำ (ราคาขายโดยเฉลี่ยในปี 2554 อยู่ที่ 72.5 เหรียญออสเตรเลีย) และประกอบกับบริษัทยังสามารถใช้ CAPEXไปหักลบได้อีกโดย CEY จะเริ่มมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาแหล่งถ่านหินตั้งแต่ปลายปี 55

        เราคาดว่าราคาหุ้น BANPU ได้ปรับตัวลงรับข่าวไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ (1) คาร์บอนเครดิต ซึ่งทำให้ต้นทุนถ่านหินของ BANPU เพิ่มขึ้นเพียง 0.31 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน และในช่วงแรกก็มี Package ช่วยเหลือบ้าง ผลดังกล่าวกระทบ Bottom Line ค่อนข้างน้อยและ (2)การเก็บภาษีที่เหมืองถ่านหินและถ่าน Coke ในออสเตรเลีย (Mineral Resources Rent Tax) เรื่องดังกล่าวจะกระทบกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานรายได้สูงมากกว่า BANPU เช่น Rio Tinto และ BHP อีกทั้งสามารถนำ CAPEX มาหักลบได้ และปัจจุบันราคาขายถ่านหินค่อนข้างต่ำ เพราะถูก Cap ไว้สำหรับขายให้ทางการที่ราคาเพียง 72 เหรียญฯ ทั้งที่ราคาปกติขึ้นไปที่ 90-100 เหรียญฯ แล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวกว่าจะมีผลกระทบต่อ Bottom Line ของ BANPU คงใช้เวลาอีกนานดังนั้นนักลงทุนควรใช้จังหวะเวลาที่ราคา BANPU ลงมาและ Laggard สะสมหุ้นช่วงราคา 608 บาท ลงมา หากเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นขายทำกำไรที่ 630-650 บาท แต่หากลงทุนระยะยาวมองไปที่ราคาเป้าหมายกิจการที่ 762 บาท

    BY Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »