บริษัท ปตท.สำรวจและผลิต (มหาชน) (PTTEP)
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ดีต่อเนื่อง 1.5 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 1/55 ปริมาณขายก๊าซธรรมชาติยังทรงตัวระดับ 255,000 บาร์เรลต่อวัน มีการผลิตออกจากแหล่งผลิตใหม่ ในขณะเดียวกันก็มีการลดกำลังการผลิตของ แหล่งผลิตเดิม เนื่องจากมีช่วงเวลาในการซ่อมบำรุง แต่ส่วนที่โดดเด่นมากสำหรับไตรมาสนี้ คือราคาขายก๊าซธรรมชาติทำสถิติสูงสุดขึ้นมาถึง 7 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู และยังคงปรับตัวขึ้นต่อในไตรมาส 2/55 มาอยู่ราว 7.1 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียูได้อีก ซึ่งสวนทางกับราคาก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ที่ราคาร่วงไปอยู่ราว 2.5-3.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นผลจากการมี Shale Gas มากในแหล่งสหรัฐฯ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับในประเทศไทย เราเชื่อว่า 2-3 ปีข้างหน้าเป็นช่วงที่กำไรของ PTTEP ยังเติบโต และกลยุทธ์การดำ เนินธุรกิจกำ ลังรุกคืบไปสู่การทำ Unconventional มากขึ้น เราจึงยังคงแนะนำซื้อ PTTEP ราคาเป้าหมาย 209 บาท
คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 15,235 ล้านบาท: +38.8% YoY และ +0.6% QoQ คาดการณ์กำลังการผลิตในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 2% QoQ เป็น 255,865 บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่284,000 บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ แต่ที่ดีมากสำหรับไตรมาสนี้ คือราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน เราคาดการณ์ค่าเฉลี่ยราคาก๊าซ ไตรมาสนี้ที่ 7 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู และคาดการณ์ราคาปิโตรเลียมเฉลี่ยเท่ากับ 64.58 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล +30.8% YoY หรือ +5.4% QoQ เป็นราคาที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยเป็นราคาที่ดีกว่าในช่วงน้ำมันดิบมีค่าเฉลี่ยที่ 116 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/51 ราคาผลิตภัณฑ์ช่วงนั้นก็ยังสูงเพียง 54 เหรียญฯ เท่านั้น
ปริมาณการผลิตในปี 2555 คาดการณ์ไว้ 284,000 บาร์เรลต่อวัน: แม้ว่าในไตรมาส 1/55 จะมีการหยุดผลิตที่แหล่งอาทิตย์เหนือไปแล้ว 120 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน และมีหยุดซ่อมบำรุงในบางแหล่งผลิตเป็นระยะสัปดาห์ แต่เราเชื่อว่าแหล่งผลิตที่จะทำให้ปริมาณการผลิตของ PTTEP เพิ่มขึ้นมาได้จะมาจากแหล่ง KKD ในคานาดา ซึ่งยังคงเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่องนับจากสิ้นปี 2554 ผลิตได้ 15,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นได้เป็น 20,000 บาร์เรลต่อวัน แหล่งบงกชใต้ ที่เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นได้รวม 320 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน ในปี 2555 แหล่งเวียดนาม 16-1 ผลิตได้เพิ่มเป็น 32,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่ไตรมาส 4/54
ประเมินมูลค่าเหมาะสม 209 บาท: เราใช้สมมติฐานราคาน้ำมันปี 2555 ที่ 100 เหรียญฯ และค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 30.7 บาทต่อเหรียญ ฯ กำไรสุทธิปี 2555-2557 คาดว่าเพิ่มขึ้น 12%, 21% และ 13% YoY แสดงให้เห็นว่าสามปีข้างหน้านี้ PTTEP เข้าสูงGrowth Stage อีกครั้ง หลังจากกำไรย่ำฐานที่ไตรมาสละ 10,000 ล้านบาทติดต่อกัน 4-5 ปี (ยกเว้นปีที่มีอุบัติเหตุที่มอนทารา) เราเชื่อว่า PTTEP เป็นหุ้นที่เหมาะสมจะซื้อลงทุนรับกับกระแสที่บริษัทพลังงานทั่วโลกหันเหจากการทำธุรกิจดาวน์สตรีมไปสู่อัพสตรีม เรากำหนดราคาเป้าหมาย PTTEP ที่ 209 บาท (วิธี DCF ถึงปี 2562 ค่า WACC ที่ 7.5% Long-term Growth 1%)ธุรกิจ Conventional ที่ PTTEP ดำเนินการอยู่ยังให้ภาพรวมในการสร้าง EBITDA Margin ได้ราว 70% ทั้งนี้เราเชื่อว่าปี 2555 เป็นต้นไป PTTEP จะมีส่วนผสมของธุรกิจ Unconventional เข้ามาเพิ่ม ได้แก่ Oil Sands และ LNG ซึ่งในส่วนเหล่านี้ EBITDA Margin คงน้อยกว่าธุรกิจเดิมเป็น ธรรมชาติอยู่แล้ว อย่างเช่นกรณีของ Oil Sands ก็จะมี EBITDA Margin ราว 35% แม้จะน้อยกว่าเดิมแต่ก็ยังมากกว่าธุรกิจที่ไม่ใช่ E&P ซึ่งมักมี IRR ต่ำกว่า 20% เป็นปกติ ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าแนวทางที่ PTTEP กำลังเดินทางหาธุรกิจใหม่ที่เป็น Unconventional มาเพิ่ม น่าจะเป็น Direction ที่ถูกต้องแล้ว แม้จะทำให้ EBITDA Margin ในอนาคตลดลง แต่จะทำให้ฐาน EBITDA และกำไรสุทธิใน Bottom Line เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง ExxonMobil ของสหรัฐฯ ก็พยายามขายเงินการลงทุนในธุรกิจดาวน์สตรีม เพื่อเตรียมเข้าอัพสตรีมเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่แนวโน้ม ของโลกธุรกิจ Unconventional ก้าวเข้ามากินสัดส่วนของ Conventional เพิ่มมากขึ้นเป็น 29% ในปี 2554 เราจึงมองว่าแนวโน้มธุรกิจพลังงาน ประเภท E&P กำลังก้าวจาก Conventional เข้าไป Unconventional และเกิดการบูมก่อนเห็นการบูมอย่างชัดเจนของ Renewable Energy
by วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย
0 comments:
Post a Comment