Showing posts with label SCC. Show all posts
Showing posts with label SCC. Show all posts

Tuesday, May 8, 2012

Stock News,ไฟไหม้ บ.กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (BST)SCC

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานของบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ในเครือบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (BST) และ SCC ถือหุ้นใน BST เท่ากับ 26% ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มูลค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1.7 พันล้าน และ ในปี 2554 SCC รับรู้กำไรจาก BST ประมาณ 1.6 พันล้านบาท เทียบกับกำไรของ SCC เท่ากับ 2.7 หมื่นล้านบาท ส่วนบริษัทในเครือของกลุ่ม PTT ที่ดำเนินการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ไม่ได้รับผลกระทบและไม่มีการปิดโรงงานแต่อย่างใด ยังคงดำเนินการตามปกติ มีเพียง Feedstock ที่เป็น C4 ซึ่ง PTTGC ผลิตมีผู้รับซื้อเป็น BST อาจจะต้องนำส่วนนี้ขายส่งออกแทน ซึ่งถือว่าไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่ม PTT

Read more »

Wednesday, April 11, 2012

Stock Focus,SCC,10.Apr.2012., 13.00


SCC 

Key Takeaway จากการพบผู้บริหาร

สรุป คาดผลประกอบการไตรมาส 1/55 จะยังอยู่ในระดับต่ำ และ ไม่ฟื้นตัวดีหนัก โดยประเมินจะมีกำไรสุทธิเพียงประมาณ 5,500 ล้านบาท เทียบกับ 3,201 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน และ 9,207 ล้านบาท ในปีก่อน เนื่องจาก ถูกกระทบจาก สเปรดในธุรกิจปิโตรเคมีที่ตกต่ำหนัก และ ธุรกิจกระดาษ ที่ถูกกระทบจากภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติ ในขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ และ วัสดุก่อสร้างเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดี ผลประกอบการไตรมาสแรกที่น่าผิดหวังดังกล่าว จะเป็นแรงกดดันในด้านลบต่อราคาหุ้น เราจึงแนะนำ ซื้อ ในช่วงอ่อนตัว โดยเรายังมอง SCC มีศักยภาพที่จะเติบโตในระยะยาว จากมีเงินสดและกระแสเงินสดสูง มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่ผู้นำในภูมิภาคอาเซียน
ธุรกิจปิโตรเคมี สเปรด PE-Naphtha ในไตรมาส 1/55 ลดลงเหลือเพียง $376/ton เทียบกับ $441/ton ในไตรมาสก่อน และ PP-Naphtha ลดลงเหลือเพียง $412/ton เทียบกับ $535/ton ในไตรมาสก่อน ส่วนบริษัทร่วมทุนซึ่งทำธุรกิจ PTA, MMA ก็มีสเปรดที่ทรุดลงหลัก ยกเว้น Butadiene ที่มีสเปรดดี โดยธุรกิจปิโตรเคมีมีสัดส่วนกำไรประมาณ 38% จึงเป็นธุรกิจสำคัญที่ฉุดผลประกอบการในไตรมาสแรก
ธุรกิจปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง จะมีผลการดำเนินงานที่ดี จากความต้องการปูนซีเมนต์ในไตรมาสแรกที่เติบโตประมาณ 5% และ ราคาขายเฉลี่ยปูนซีเมนต์ที่ปรับขึ้นเล็กน้อยประมาณ 30-50 บาท/ตัน โดยธุรกิจปูนซีเมนต์ และ วัสดุก่อสร้างปกติไตรมาสแรกจะเป็นช่วงไฮซีซั่น
ธุรกิจกระดาษ กระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆยังถูกกระทบจากภาคการผลิตที่ยังไม่กลับมาผลิตเต็มที่ ทำให้ผลประกอบการ จะยังยังไม่ฟื้นตัวโดดเด่นจากไตรมาสสี่ และจะทรุดลงจากปีก่อนหนัก แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีคาดจะปรับตัวดีขึ้น โดยสเปรดปิโตรเคมีที่ตำกว่าจุดคุ้มทุนของหลายโรงงาน ในไตรมาสแรก ทำให้บางโรงงานมีการลดกำลังการผลิตลง ทำให้ปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น คือ PE-Naphtha ขึ้นมาที่ 417 เหรียญ/ตัน และ PP-Naphtha ขึ้นมาเป็น 452 เหรียญ/ตัน ซึ่งคาดจะทำให้ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีปรับตัวดีขึ้น ธุรกิจกระดาษ โดยเฉพาะกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในช่วงที่เหลือของปี คาดจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากโรงงานต่างๆได้กลับมาผลิตในระดับปกติมากขึ้น จึงทำให้มีความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์มากขึ้น
ยังตั้งเป้าจะลงทุน 150,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีนี้ จากปัจจุบันมีเงินสดในมือ และกระแสเงินสดสูง เน้นการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน คาดจะช่วยหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
By Surachai Pramualcharoenkit

Read more »

Monday, April 2, 2012

Stock Focus,SCC,2.Apr.2012., 10.55

 



Lose your dreams
and you will lose your mind.
หากคุณทำความฝันหล่นหาย ความคิดของคุณก็จะหายไปด้วย

บมจ .ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)

ขยายการลงทุนเพิ่มในธุรกิจกระดาษ และ ปิโตรฯ ขยายลงทุนเพิ่ม 1 พันล้านบาท แบ่งเป็น 400 ล้านบาท ซื้อหุ้นในบริษัทตะวันนา บรรจุภัณฑ์จำกัด และ 630 ล้านบาท ร่วมลงทุนกับ Mitsui Chemicals เพื่อผลิต สินค้าขึ้นรูปที่มีมูลค่าเพิ่มสูง LLDPE ตัวเลขลงทุนเพิ่ม 1 พันล้านบาท ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับเป้าลงทุนในปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท คาดจะมีการประกาศข่าวเกี่ยวกับ การลงทุนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีเงินสดในมือถึง 50,288 ล้านบาท และ คาดจะสร้างกระแสเงินสดในรูป EBITDA ต่อปี ในช่วง 3 ปีนี้ประมาณ 4.5-6 หมื่น ล้านบาท ทำให้ SCC ตั้งเป้าจะลงทุน 150,000 ล้านบาท ใน 5 ปีนี้ หรือ เฉลี่ย 3 หมื่นล้านบาทต่อปี เราคาด SCC มีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว จากเก็บ เกี่ยวผลลงทุนสูงในอดีต ขยายการลงทุนต่อเนื่อง เป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน แนะนำ ซื้อ ช่วงอ่อนตัว จากไตรมาสแรกจะไม่ดี ราคาเป้าหมาย 390 บาท

ลงทุนเพิ่ม 400 ล้านบาท ซื้อหุ้นในบริษัทตะวันนาบรรจุภัณฑ์จำกัด : บมจ. ปูนซิ เมนต์ไทย (SCC) ได้แจ้งต่อตลาดฯ ระบุว่า บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์จำกัด หรือ TCG ได้มีการลงนามในสัญญาเข้าซื้อหุ้นในบริษัทตะวันนาบรรจุภัณฑ์จำกัด จำนวน 2,160,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 72 ของหุ้นทั้งหมด โดยคิดเป็นเงินลงทุนในหุ้น ประมาณ 400 ล้านบาท โดยบริษัทตะวันนาบรรจุภัณฑ์จำกัด หรือ (TCC) เป็นผู้ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกล่องกระดาษ ลูกฟูกและแผ่นกระดาษลูกฟูกในประเทศ ไทย มีกำลังการผลิตแผ่นกระดาษลูกฟูกประมาณ 61,000 ตันต่อปี การเข้าลงทุนใน TCC นีจะทำให้TCG มีกำลัง การผลิตแผ่นกระดาษลูกฟูกรวมประมาณ 855,000 ตันต่อ ปี หรือ ปรับเพิ่มขึ้น 7.7% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน 794,000 ตันต่อปี
SCC และ Mitsui Chemicals ร่วมกันผลิตสินค้าขึ้นรูปที่มีมูลค่าเพิ่มสูง :
SCC ได้ ประกาศเข้าร่วมลงทุนกับ Mitsui Chemicals Tohcello หรือ MCTI ในการจัดตังบริษัท Siam Tohcello หรือ STC เพื่อดำเนินการผลิตฟิล์มพลาสติกที่มีความแข็งแรงสูง มูลค่า เงินลงทุนรวม 1,400 ล้านบาท โดย SCG Chemicals มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 45 ขณะที่ MCTI จะถือหุ้นส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 55 มีกำลังการผลิตฟิล์มพลาสติก LLDPE (สินค้าขึ้นรูป) ทั้งสิ้น 15,000 ตันต่อปี ทั้งนี้โครงการดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิง พาณิชย์ได้ภายในต้นปี2557 ฟิล์มพลาสติก LLDPE ของ STC นั้น(เครื่องหมายการค้า T.U.X.) เป็นฟิล์มพลาสติกชั้นซีลชนิดพิเศษ ซึ่ง ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อาหาร โดยคาดว่าจะมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากสำหรับมาตรฐานในการเก็บ รักษาอาหาร ให้ปลอดภัยและถูกสุขอนามัยกับผู้บริโภคและผู้กระจายสินค้า
รวม 2 โครงการใช้เงิน 1 พันล้านบาท เป้าปีนี้ลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท :
เงินลงทุนใน 2 โครงการดังกล่าวข้างต้นประมาณ 1 พันล้านบาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ มากนักเมื่อเทียบกับเป้าลงทุนในปีนี้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ตั้งเป้าลงทุน 150,000 ล้านบาท ใน 5 ปีนี้ เน้นภูมิภาคอาเซียน:
กระแสเงินสด ในรูป EBITDA ของ SCC ประมาณ 4.4-6 หมื่นล้านบาทต่อปี และ ณ สิ้นปี 2554 มี เงินสดในมือถึง 50,288 ล้านบาท ดังนั้น SCC จึงประกาศแผนการลงทุน โดยตั้งเป้า ลงทุน 150,000 ล้านบาท ใน 5 ปีนี้ หรือ ใช้ลงทุนตกเฉลี่ยปีละ 30,000 ล้านบาท โดย การลงทุนของ SCC จะเน้นลงทุนในภูมิภาคอาเซียซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโตสูง ปัจจุบัน SCC ได้เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ของกลุ่มประเทศอาเซียนรวมทั้งหมด 50,300 ล้านบาท คิดเป็น สัดส่วน 13% ของสินทรัพย์รวม และ ในปี 2554 ที่ผ่านมา SCC มี
ยอดส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 29%ของยอดขายรวม โดยเฉพาะตลาดอาเซียมีสัดส่วนสูง ถึง 39% ของยอดส่งออกรวม
ระยะสั้นถูกกดดันจากสเปรดปิโตรเคมีต่ำ คงคำแนะนำ ซื้อ ในช่วงอ่อนตัว :
สเปรดธุรกิจปิโตรเคมีในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ คือ HDPE-Naphtha อยู่ที่ 391 เหรียญ/ตัน เทียบกับเฉลี่ยในไตรมาสสี่เท่ากับ 441 เหรียญ/ตัน และ PP-Naphtha ปัจจุบันอยู่ที่ 533 เหรียญ/ตัน เทียบกับเฉลี่ยในไตรมาสสี่เท่ากับ 535 เหรียญ/ตัน จะ กดดันผลประกอบการในไตรมาสแรกให้ไม่โดดเด่น แต่เรายังมอง SCC มีแนวโน้มจะ เติบโตในระยะยาว จากเก็บเกี่ยวผลลงทุนสูงในอดีต เงินสดในมือและกระแสเงินสดสูงขยายการลงทุนต่อเนื่อง รวมถึงคาดจะจ่ายเงินปันผลเป็นอัตราที่สูงขึ้น คาดอัตราการ จ่ายเงินปันผลจะเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% ของกำไร จากอดีต 40% ของกำไร ปีนี้คาดเงิน ปันผลจะเพิ่มขึ้นเป็น 14 บาทต่อหุ้น จากปีก่อน 12.5 บาทต่อหุ้น ดังนั้น เราคง คำแนะนำ ซื้อ โดยควรรอจังหวะช่วงอ่อนตัว เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสแรกจะ ยังไม่ดี ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 390 บาท บนฐาน Forward Median P/BV
เท่ากับ 3.00 เท่า
สุรชัย ประมวลเจริญกิจ

 

Read more »

Friday, March 9, 2012

Stock Focus,SCC,9.Mar.2012., 11.20

ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)

Every day may not be good,
but there is something good in every day.

ทุก ๆ วันอาจจะไม่ใช่วันที่ดี แต่มันก็มีสิ่งดี ๆ บางสิ่งเกิดขึ้นในทุก ๆ วัน  

 บมจ เตรียมลงทุน โครงการปิโตรเคมี Chandra Asri Petrochemical ซึ่ง SCC เข้าไปถือหุ้น 30% เมื่อ 20-   .. 54 ก็มีแผนจะขยายการลงทุนในอนาคตอีกประมาณ 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งปัจจุบันSCC มีเงินลงทุนในต่างประเทศที่ประเทศอินโดนีเซียมากสุด 970 ล้านเหรียญ300 ล้านเหรียญ สร้างโรงงานปูนซีเมนต์ขนาด 1.78 ล้านตันในอินโดนีเซีย กลางปี 2555 ใช้เวลาสร้าง 2.5 ปี โดยธุรกิจปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย เป็นธุรกิจที่มีกำไรสูง จะเสริมกำไรในอีก 3 ปีข้างหน้า และ โครงการปิโตรเคมี Chandra Asri Petrochemical Tbk ในอินโดนีเซีย มีแผนจะลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านเหรียญ ปัจจุบัน SCC มีเงินสดในมือถึง 50,288 ล้านบาท และ คาดจะ สร้างกระแสเงินสดในรูป EBITDA ต่อปี ในช่วง 3 ปีนี้ประมาณ 4.5-6 หมื่นล้าน บาท ทำให้ SCC ตั้งเป้าจะลงทุน 150,000 ล้านบาท ใน 5 ปีนี้ หรือ เฉลี่ย 3 หมื่นล้านบาทต่อปี เราคาด SCC มีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว จากเก็บเกี่ยวผลลงทุนสูงในอดีต เงินสดและกระแสเงินสดสูง ขยายการลงทุนต่อเนื่องเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 390 บาท

ปัจจัยที่ส่งให้ราคาเป็น 390 บาท

เตรียมลงทุน 300 ล้านเหรียญสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ 1.78 ล้านตันใน : สื่อมวลชนในอินโดนีเซีย หลายฉบับ ได้ลงข่าว บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เตรียมที่จะลงทุนสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศอินโดนีเซีย เบื้องต้นกำลังการผลิต 5,000 ตันต่อวัน หรือ 1.78 ล้านตันต่อปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านเหรียญ (9,300 ล้านบาท) โดยจะสร้างโรงงานที่ เมือง Sukabumi ทางตะวันตกของเกาะชวา ประมาณกลางปี 2555 และ คาดจะใช้เวลา 2.5 ปี ในการสร้าง หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 .. SCC ได้เข้าซื้อธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของกลุ่ม Boral Indonesia (BI) โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,300 ล้านบาท (135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดย BI เป็นผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จชั้นนำภายใต้ตราสินค้า "Jayamix" ของประเทศอินโดนีเซียมีโรงงานทั้งสิ้น 40 แห่ง ตั้งอยู่ที่เกาะชวาและเกาะสุมาตรา นอกจากนี้ BI ยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูป และท่อคอนกรีต ธุรกิจเหมืองหิน และแหล่งสำรองหินปูน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ของ SCC ธุรกิจปูนซีเมนต์มีอัตรากำไรสูงในอินโดนีเซีย : ประเทศอินโดนีเซียมีกำลังการผลิต50-55 ล้านตัน ในขณะที่มีความต้องการในประเทศประมาณ 45 ล้านตัน โดยมีการเติบโตประมาณ 5-10% ดังนั้น ตลาดปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซียจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ซึ่งบริษัทอย่าง Indocement Tunggal Prakarsa มีอัตรากำไรสุทธิสูงถึงเท่ากับ 25% และ Holcim Indonesia มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 14% ในงวดผลประกอบการปี 2554 โครงการปิโตรเคมีในอินโดนีเซียมีแผนจะลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านเหรียญ โครงการปิโตรเคมี Chandra Asri Petrochemical ซึ่ง SCC เข้าไปถือหุ้น 30% เมื่อ 20 .. 54 ก็มีแผนจะขยายการลงทุนในอนาคตอีกประมาณ 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งปัจจุบัน SCC มีเงินลงทุนในต่างประเทศที่ประเทศอินโดนีเซียมากสุด 970 ล้านเหรียญ

Read more »

Friday, February 3, 2012

Stock Focus,NEWS,SCC,SCCC,SVI,GRAMMY,3.FEB.2012., 11.56

Free Stock Photo - Chess set

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด : แนะนำ"ซื้อ" SCCC โดยแนวโน้มปี 2555 ประเมินยอดขายมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อเนื่อง ในทุกธุรกิจคือ ปูนซีเมนต์คอนกรีตผสมเสร็จ หิน ทราย และผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้คอนวูด โดยคาดว่าปริมาณขายในประเทศจะขยายตัว 5% การส่งออกจะเติบโต 30% ราคาขายจะปรับขึ้นเล็กน้อยประมาณ 50 บาทต่อตัน ทำให้รวมแล้วคาดว่ามูลค่ายอดขายจะเติบโตประมาณ 10% แม้แนวโน้มราคาถ่านหินและพลังงานจะปรับขึ้น แต่ราคาขายที่ปรับขึ้นและโครงการ Waste Heat Recover y รวมถึงภาษีจ่ายที่ลดลงจาก 30% เหลือ 23%จะช่วยให้กำไรสุทธิในปี 2555 ยังเติบโตโดดเด่นถึง 25% สู่ระดับ4,110 ล้านบาท นอกจากนี้ SCCC เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่โดดเด่น คิดเป็นประมาณ 80-90% ของกำไร ซึ่ง SCCC ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2554 เท่ากับ 6.00 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลสำหรับกำไรปี 2554 เท่ากับ 13.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2555 จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 16.00 บาท

ซื้อ SVI เป้าหมาย 3.84 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน):แนะนำ"ซื้อ"SVI แม้แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2554 และทั้งปี2554 จะขาดทุนหนักจากความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม ทำให้ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษจากความเสียหายของโรงงานและเครื่องจักรสูงถึง 2พันล้านบาท แต่ SVI จะทยอยได้รับเงินประกันชดเชยครอบคลุมทั้งจำนวนกลับมาในปี 2555 ซึ่งแนวโน้มผลการดำเนินงานรายไตรมาสของ SVI ในปีนี้ จะเป็นไปในทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/2555 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/2555 โดยอัตรากำลังการผลิตในปัจจุบันสูงถึง 70% ของกำลังการผลิตก่อนช่วงเกิดวิกฤติน้ำท่วมแล้ว โดยคาดการณ์ยอดขายรวมในไตรมาส 1/2555 เท่ากับ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าSVI จะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตเต็มที่อีกครั้งในไตรมาส 3/2555 และภายหลังจากผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ไปแล้วจะเห็นได้จากการเพิ่มฐานการผลิตไปสู่โรงงาน SVI ที่แจ้งวัฒนะส่งผลให้ SVI มีโรงงานเพิ่มเป็น 2 แห่ง และจะทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าเดิมถึง 50% ซึ่งถือเป็นอัพไซด์ของผลการดำเนินงานในอนาคต

ถือ GRAMMY เป้าหมาย 17.30 บาท
บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด : แนะนำ"ถือ"GRAMMY โดยผู้บริหารของ GRAMMY คาดว่าไม่เกินเดือนมี.ค.นี้จะได้ข้อสรุปเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเข้ามาถือหุ้นในบริษัท จีเอ็มเอ็ม วันสกายเพื่อเข้ามาสนับสนุนทั้งเงินทุนและคอนเทนต์ รวมทั้งเตรียมเข้าประมูลถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเพื่อที่จะนำมาขายในราคาถูกผ่านกล่องรับสัญญาณ 1-Sky หลังจากที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลเยอรมนี บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2555-2558 และรายการกีฬาดังๆ อีกมากมาย เช่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ EURO 2012, ช่อง ASN กีฬาอเมริกันเกมส์ อาทิอเมริกันฟุตบอล NFL ช่องยูโร สปอร์ต รวมกีฬาระดับโลกกว่า60 ประเภท นับว่าการหาพันธมิตรร่วมธุรกิจ "วัน สกาย" เป็นแนวทางที่ดี ในการช่วยลดความเสี่ยง เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง ทั้งเรื่องต้นทุนและคู่แข่งอย่างทรูวิชั่นส์ คาดว่าการทำธุรกิจนี้ต้องมีเงินลงทุนทางด้านคอนเทนต์ปีละไม่ต่ำกว่า1 พันล้านบาท นอกจากนี้พันธมิตรอาจยังช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันให้กับ "วัน สกาย" ในส่วนที่ GRAMMY ไม่ถนัดซึ่งน่าติดตามว่าพันธมิตรรายดังกล่าวจะเป็นใคร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น

ซื้อ SCC เป้าหมาย 450.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด :แนะนำ"ซื้อ" SCC เนื่องจากแผนการเข้าซื้อหุ้น 100% ของBoral Indonesia (BI) ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปโดยมีโรงงาน 40 แห่งในJava และ Sumatra โดยมีกำลังการผลิต 2.2 mcu.m โดยใช้เงินลงทุน 4.3 พันล้านบาท โดย BI มีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงหลายรายการเช่น ท่อคอนกรีต, พรีคาสท์คอนกรีต, เหมืองและหินปูนจำนวนมาก คาดว่าสิ่งนี้เป็นการขยายฐานการผลิตในอินโดนีเซีย เมื่อรวมโรงงานคอนกรีตกับเครือข่ายการกระจายสินค้าของ PT Kokoh Inti Arebama ในปี 2554 จะเป็นช่องทางกระจายสินค้าสำคัญสำหรับปูนซีเมนต์ เชื่อว่า SCC จะประกาศแผนการลงทุนในโรงงานปูนเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ SCC มีแผนการลงทุนมูลค่า 1.5 แสนล้านบาทสำหรับช่วง5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีการทำM&A อีกในปีนี้ และจะรายงานผลประกอบการที่เติบโตขึ้นสำหรับปี 2555-2556 ซึ่งมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประสิทธิภาพของโรงงานปิโตรเคมี รวมทั้งส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ดีขึ้น และยอดขายสินค้า HVA
ซื้อ SCCC เป้าหมาย 305.00 บาท

Read more »