Showing posts with label Stock Focus. Show all posts
Showing posts with label Stock Focus. Show all posts

Tuesday, July 31, 2012

บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด มหาชน QH UPDATE

บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด มหาชน QH

บริษัท QH ถือหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3 ตัว มีมูลค่าตามราคาตลาด ณ วันที่ 7/6/12 รวมประมาณ 1.949 หมื่นล้านบาทหรือ ถือเป็น 2.12 บาท ต่อหุ้นของ QH ดังนั้น การซื้อหุ้น QH 1 หุ้น จะถือว่าได้หุ้น HMPRO , LHBANK และ QHPF มูลค่าประมาณ 1.9497 หมื่นล้านบาท หรือประมาณหุ้น QH ราคาหุ้นละ  2.03 บาท  ดังนั้นจึงเป็นหุ้นที่น่าจัดตามองครับ


มูลค่า PORT การลงทุนของ QH … 31/07/2012
ชื่อหุ้น จำนวน ราคาปัจจุบัน มูลค่า
HMPRO 1,160,793,219 11.5 13,349,122,019
LHBANK 2,552,472,000 1.3 3,318,213,600
QHPF 204,512,000 9.8 2,004,217,600
รวม 18,671,553,219



มูลค่าที่ควรจะเป็น ของ QH
จำนวนหุ้น QH ทั้งหมด 9,183,784,692
ราคาควรจะเป็นของ QH หุ้นละ 2.03
ราคาปัจจบัน 1.78


ดูข้อมูลจำนวนหุ้นจาก link ด้านล่างนี้
จำนวนที่ถืออยู่ในกองทุน QHPF

เมื่อดูจากกราฟ แล้ว คิดว่าน่าจะรอจนกว่า หุ้นเริ่มกลับตัว แล้วจึงค่อยเข้าซื้อครับ

บทวิเคราะห์ สนันสนุน

By Jiraporn Linmaneechote Phatra Securities

Quality Houses

  • Upgrading price objective to Bt2.3; Buy rating maintained
    We raised our PO on QH to Bt2.30/share (from Bt2.13/share) on an earnings upgrade, higher value of affiliates and the roll-over of valuations from 2012E to mid-2013E. We reiterate our Buy on QH. We like the company’s improving earnings momentum and solid growth, and QH is trading at zero housing P/E.Meanwhile the sale of assets into a property fund should be a near-term catalystfor the stock.
  • Earnings revision; solid growth on track
    We raised our estimates by 4% for 2012 and 2013, which factors in higher gross margin, lower operating costs to sales and better contributions from affiliates. QH should offer solid earnings growth of 43% in 2012E and 21% in 2013E. The stronger revenue and operating margin together with lower tax should be the key growth drivers.
  • 1Q12 results suggest operations turnaround
    QH posted strong net income of Bt304mn, up 93% YoY and 462% QoQ. The earnings improvement came from all areas including stronger revenue with margin expansion and lower operating costs to sales. Management is also confident that the momentum will continue for the rest of the year.
  • Asset divestment – key near-term catalyst
    While QH’s current high gearing may cause concerns, the company plans to sell three serviced apartments into a newly created property fund by end-2Q12 or early 3Q12. We expect QH to recognize gain from the transaction of slightly over Bt1bn (net of tax). This should lower net gearing to 1.2x by year-end 2012.

Read more »

Friday, June 1, 2012

บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน HEMRAJ,Stock Focus

บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน HEMRAJ

เติบโตสูงจากนิคมฯ และกระจายฐานรายได้มากขึ้น


    ผู้บริหารจะพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายที่นิคมฯ ขึ้น หลังสิ้นไตรมาสสอง จากที่ก่อนหน้านี้ปรับเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ไร่ จากเป้าเดิม 1,700 ไร่ หรือเติบโต 20% มีการกระจายฐานรายได้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้ สร้างโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า รวมทั้ง ธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะ Gheco-One HEMRAJ ถืออยู่ 35% แม้ว่ามีความล่าช้าไปบ้าง แต่ใกล้จะเปิดดำเนินการ จะช่วยสร้างกำไรต่อ HEMRAJ ปีละ 1,400 ล้านบาท ประเมินรายได้ปี 2555 จะเติบโต 33% สู่ระดับ 5,500 ล้านบาท และ จะมีกำไรสุทธิสูงถึง 2,193 ล้านบาท โต 309% แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.3 บาท

    แนวรับ  2.72-2.76   แนวต้าน  2.9-3.1   ราคาปัจจุบัน  2.82

Read more »

บมจ. สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี SAT,Stock Focus

บมจ. สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี SAT

แนวโน้มปี 2555 จะทำจุดสูงสุดใหม่


    อุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2555 มีแนวโน้มจะเติบโตสูง ประเมินยอดผลิตรถยนต์ถึง 2.1 ล้านคัน หรือ เติบโตจากปีก่อนถึง 44% และ ยังได้แรงหนุนจาก Kubota ย้ายฐานเข้ามาผลิตในไทยมากขึ้น คาดยอดขายและกำไรปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ เราประเมินยอดขายของ SAT จะโต 29% สู่ระดับ 8,307 ล้านบาท ต่ำกว่าผู้บริหารประเมินที่ยอดขายจะเติบโตได้เท่ากับ 35% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 870 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 2.56 บาท) พุ่งขึ้นถึง 113% โรงหล่อเหล็ก ICP2 เริ่มผลิตแล้ว คาดครึ่งปีหลังจะช่วยอัตรากำไรขั้นต้นเกิน 20%แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 33 บาท

    แนวรับ  27-27.5     แนวต้าน  29.5-32    ราคาปัจจุบัน  28

Read more »

Monday, May 28, 2012

Stock Focus,บมจ. ไรมอน แลนด์ (RML)

บมจ. ไรมอน แลนด์ (RML)

คาดว่า 2Q55 จะเริ่มมีกำไร และครึ่งปีหลังจะโดดเด่น


    ปี 2555-2557 ตั้งเป้ารายได้เฉลี่ย 7,000-9,000 ล้านบาท คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/55 จะเริ่มมีกำไรประมาณ 100 ล้านบาท และ ครึ่งปีหลังจะโดดเด่นมีกำไรประมาณ 500-600 ล้านบาทต่อไตรมาส รวมปี 2555 จะโดดเด่นมีกำไร 1,188 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.33 บาท) ฟื้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 474 ล้านบาท จากการรับรู้โครงการขนาดใหญ่ คอนโด เดอะ ริเวอร์ 1.5 หมื่นล้านบาท จะเสร็จพร้อมโอนกลางปีนี้ ยอด Backlog ที่รอการรับรู้รายได้เท่ากับ 1.83 หมื่นล้านบาท คาดจะช่วยหนุนยอดรับรายได้ปีนี้และปีหน้าประมาณ7,000-9,000 ล้านบาทต่อปี ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 1.52 บาท ซื้อขาย P/E ปี 2555 ที่ต่ำเพียง 4.6 เท่า แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 2 บาท
    เมื่อดูจากปัจจัยทางพื้นฐานแล้ว มาดูปัจจัยทางเทคนิค ก็สอดคล้องกัน ดูจากการฟ รายวันแล้วเริ่มมีสัญญาณ การขึ้นจาก RSI,MACD ตัด ขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกเล็กๆ (แต่ MACD ยังมีค่าติด ลบอยู่)

    แนวรับ  1.47-1.53    แนวต้าน  1.60-1.64-1.7    ราคาปัจจุบัน  1.54

Read more »

Thursday, May 24, 2012

บมจ. ไดนาสตี้ (DCC)



บมจ. ไดนาสตี้

เซรามิค (DCC)

ผู้บริหารปรับลดเป้ารายได้

และอัตรากำไรขั้นต้นลง



    ผู้บริหาร DCC ได้ปรับลดเป้ารายได้ปี 2555 เหลือเติบโต 10% จากเดิมตั้งเป้าจะโต 14-15% หลังจากที่ไตรมาสแรกโตน้อย และ ปรับลดคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นลงเหลือ  41-42% จากเดิม 45% จากต้นทุนที่สูงขึ้น คาดการเปิดขยายสาขาอย่างมากของร้าน  ค้าวัสดุก่อสร้างประเภทโมเดิร์นเทรด ได้แก่ โฮมโปร, ไทวัสดุ และ โกลบอลเฮ้าส์ ใน   ต่างจังหวัด จะกระทบต่อยอดขายตลาดนัดกระเบื้องของ DCC ทำให้ปีนี้เติบโตไม่โดดเด่นมากนัก โดยเราประเมินยอดขายของ DCC ปีนี้จะโต 10% เท่ากับประมาณการของ ผู้บริหาร และประเมินกำไรในปี 2555 เท่ากับ 1,414 ล้านบาท โต 14% คาดปันผลปีนี้ 3.5 บาท หรือคิดเป็นเงินปันผลตอบแทน 6.4% แนะนำ ถือ เป้าหมาย 58 บาท
    *** ความเห็นส่วนตัว กำไรที่เติบโต น้องลง พอดูเข้าไปในงบกำไรขาดทุนแล้ว กลับเห็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพิ่มขึ้น จึงต้องตั้งข้อใงเกต คือ
    1 บริหารงานไม่ค่อยดี 
    2 ผู้บริหาร อาจจะนำเงินไปทำอย่างธุรกิจ อื่นได้
    ปัจจัยทางเทคนิค
    กดที่กราฟ เพื่อขยาย

แนวรับ  52-53    แนวต้าน   56.5-58.75

    Read more »

    Monday, May 21, 2012

    Stock Foucus,STANLY

    บมจ. ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY)

    4Q55ฟื้นตัวดีขึ้น คาดงวดเม.ย.55-มี.ค.56จะโตสูง ผลประกอบการไตรมาส 4/55 ฟื้นตัว มีกำไรสูงถึง 418 ล้านบาท โดยเป็นเงินชดเชยประกันภัยสุทธิ 105 ล้านบาท ยอดขายกลับมาเกือบปกติ แนวโน้ม STANLY ปี 2556 (เม.ย.55-มี.ค.56) คาดจะเติบโตโดดเด่น แรงหนุนจากลูกค้าหลักคือค่ายฮอนด้า (สัดส่วนประมาณ 25%) กลับมาผลิตในระดับปกติตั้งแต่ปลายมี.ค. บวกการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถอีโคคาร์ ซึ่ง STANLY ได้รับคำสั่งซื้อจากทุกค่ายรถ เราคาดยอดขาย STANLY จะโต20% และ กำไรสุทธิโต 111% สู่ระดับ 1,532 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 20 บาท) STANLY มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้เงินกู้ ในขณะที่มีเงินสดในมือ1,907 ล้านบาท แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปรับขึ้นเป็น 230 บาท



    แนวรับ  181-184.5            แนวต้าน  190-195-204

    Read more »

    Friday, May 11, 2012

    Stock Focus,คาดหุ้นจะเข้า SET 50


    คาดการณ์ หุ้นที่จะเข้า SET 50 และ SET 100


    จากการคำนวณล่าสุดโดยใช้ข้อมูลจนถึงวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ผลดังนี้

    SET50:

    Addition: INTUCH, HEMRAJ


    Deletion: DCC, TPC


    SET100:

    Addition: INTUCH, RML, PF, KTC, KGI

    Deletion: TPC, PSL, PHATRA, MCS, SMT

    โดยเราจะรอข้อมูลจนกระทั่งถึงวันที่ 24-25 พ.ค. นี้เพื่อความมั่นใจที่สูงขึ้น แล้วจะ Update ออกมาเป็นบทวิเคราะห์ Note: ตลาดฯจะใช้ข้อมูลถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ในการคำนวณหาสมาชิกดัชนีในรอบใหม่นี้

    Read more »

    Friday, May 4, 2012

    Stock Focus,TCAP,PTT,



    คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้พักฐาน กรอบ 1,215-1,228 จุด

     

    แนวรับคืนอีกรอบ มีแนวต้าน 1,250-1,260 จุด ณ ระดับราคาปิดเมื่อวาน 1,240 จุด นักลงทุนโดยรวมคาดมีกำไรพอควรแล้ว ต้องระมัดระวังตลาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร และ Domestic Plays เรายังมองว่าร้อนแรงเกินไปที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยกลุ่มค้าปลีก นักวิเคราะห์เรายังเห็นว่าน่าจะรองบการเงินไตรมาส 1/55 ออกมาก่อน และรอฟังนโยบายของผู้บริหาร แล้วอาจพิจารณาการปรับขึ้น Fair Value หุ้นที่ชื่นชอบที่สุดของค้าปลีกยังเป็น ROBINS เป้าหมาย 63 บาท BIGC เป้าหมาย 202 บาท นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เริ่มมองทางให้ขายทำกำไร ส่วน CPALL ระยะสั้นปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป การเข้าซื้อระลอกใหม่เน้นไปที่กลุ่มปิโตรเคมี และพลังงานที่ Laggard มากเป็นหลัก ได้แก่ PTTGC, IVL, BANPU รอซื้อ PTT เมื่ออ่อนตัวระดับ 345-355 บาท ส่วน JAS ราคาขึ้นมาเข้าใกล้เป้าหมาย 3.50-3.72 บาท แนะนำรอขายทำกำไรบางส่วนที่เกิน 3.30 บาทขึ้นไป รอซื้อกลับที่ 3.00-3.10 บาท เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นไม่เผื่อความผิดหวังที่อาจเกิดมีขึ้นได้สองเรื่องคือ 1.งบไตรมาส 1/55 หากไม่ถึง 400 ล้านบาท จะทำให้ Sentiment เสีย 2.บริษัทมีนโยบายขายหุ้นที่ทำ Treasury Stock ออกมาประมาณ 100 ล้านหุ้นเมื่อถึงกำหนด (คือในช่วงนี้) ตลาดต่างประเทศวันนี้น่าจะพักฐานเช่นกัน เหตุสำคัญคือต้องระมัดระวังความผันผวนของราคาน้ำมัน จากดีมานด์ที่เริ่มอ่อนแอ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่เห็นยังไม่แข็งแกร่ง ในขณะที่ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในวันข้างหน้า นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย อีกทั้งเรากังวล DXYO อาจพลิกกลับขึ้นสวนทางกับค่าเงินอียูที่อ่อนแรง

     TCAP: ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม 34 บาท เป็น 37 บาท อิง PBV 1.29 เท่า โดยคาดการณ์ Div. Yield ปี 2555 เท่ากับ 4.1% p.a. แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2555 ของ TCAP ยังไม่สะท้อนผลบวกจากการรวมกิจการกับ SCIB อย่างเต็มที่ แต่แนวโน้มกำไรปี 2556 จะเติบโตได้ 15% YoY จากการทำ Cross Selling ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย TCAP มีภาระกิจหลักสำคัญคือ 1.รักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของธุรกิจ HP ที่มีแชร์กว่า 20% ให้ได้ ที่สองคือ BAY 2.จะเน้น Housing Loans มากขึ้น ต่อยอดจากฐานที่ SCIB ทำไว้ 3.ขยาย Corporate Loans 4.ขยายฐานสินเชื่อ SME วงเงินสินเชื่อต่ำกว่า 10 ล้านบาท 5.เพิ่ม Fee Incomes 6.ลดค่าใช้จ่ายบริหาร ให้เป็น 0% growth เราคาด TCAP มี Cost to Income ที่ 59% (ผบห ตั้งไว้ 55%) Credit Cost เราคาดว่าตั้ง provision 45 bps ( ผบห คาดตั้ง 20-50 bps)

     PTT: Preview เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 38.66 พันล้านบาท (Recorded High) เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 1/54 ที่ 34.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเดิม ทั้งนี้คาดเป็นกำไรจากการดำเนินงานของ PTT เอง (กำไรหักส่วนของdividend รับจาก บ.ลูก) เท่ากับ 14.2 พันล้านบาท (ใกล้เคียงกับ 1Q54 ที่ 14.16 พันล้านบาท) บวกด้วยกำไรจาก บ.ในเครือ นำโดย PTTEP contribute มากที่สุด กว่า 12 พันล้านบาท โรงกลั่น TOP, BCP จะมีกำไรดีสุดในไตรมาส 1/55

    PTTGC กำไรปานกลาง แต่คาดว่าจะ contribute มากขึ้นในไตรมาสถัดไป ส่วน IRPC กำไรไตรมาส 1/55 ยังน่าผิดหวัง รวมด้วยไตรมาสนี้คาดมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.1 พันล้านบาท และกำไร stock gain อีก 2.6 พันล้านบาท ราคาหุ้น PTT ยัง Laggard เมื่อเทียบกับกำไรไตรมาส 1/55 ที่ทำได้ดี และเทียบกับ SET ปี 2555 คาดกำไรสุทธิ 111 พันล้านบาท (ยังไม่รวมถ้าต้อง write off โครงการอียิปต์ ที่ยังเหลือต้องทำอีก 7.5 พันล้านบาทปีนี้ แต่ไม่ใช่ในไตรมาส 1/55) เราแนะนำซื้อต่อไป ราคาเป้าหมาย 394 บาท

    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Wednesday, May 2, 2012

    Stock Focus,SPALI

    บมจ. ศุภาลัย (SPALI)

    กำไรไตรมาสแรกจะต่ำ แต่แนวโน้มจะโตโดดเด่น

    คาดกำไรไตรมาสแรกจะต่ำเพียง 270 ล้านบาท (-23%qoq, -63%yoy) เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง ยอด Presale 4 เดือนแรก สูงถึง 6,491 ล้านบาท เนื่องจากโครงการในโซนน้ำท่วมกลับมาเร็วกว่าคาด ทำให้ปรับเป้าปีนี้ขึ้นเป็น 19,000 ล้าน และเมื่อรวมบริษัทย่อยจะสูงถึง 21,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัว 16 โครงการ มูลค่า 17,900 ล้านบาท ก้าวสู่ Nationwide Developer สัดส่วนตลาดต่างจังหวัดปีนี้ 20% เป้า 2-3 ปี 25% Backlog สูง 24,496 ล้านบาท ประเมินยอดรับรู้รายได้ จะเติบโต 7% สู่ระดับ 13,540 ล้านบาท และ คาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,165 ล้านบาท เติบโต 23% ประเมินราคาเป้าหมาย 18.50 บาท ยังพอมีอัพไซด์แนะนำ ซื้ออ่านเพิ่ม….>

    แนวรับ   16.2-16.4       แนวต้าน   17.2-17.5

    Read more »

    Stock Focus,BCP

    บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP)

    ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด

    ■ ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด บมจ บางจาก (BCP) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ที่ 2,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% และ 335% YoY และ QoQ ตามลำดับหรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 1.77 บาทต่อหุ้น สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 2,012 ล้านบาท จากรายได้จากการขายทั้งหมด 47,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.14% และ 18.52% YoY และ QoQตามลำดับ ค่าการกลั่น GIM อยู่ที่ 12.53 เหรียญฯต่อบาร์เรล ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54 ที่มีค่าการกลั่น GIM ที่ 13.77 แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานของ น้ำมันแกสโซลีน และดีเซล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ลดลงจาก 20.33 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 18.40 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในไตรมาส 1/54 เป็น 15.64 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 16.36 เหรียญฯต่อบาร์เรล ตามลำดับนั้น รายได้น้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 101,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ EBITDA ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 2,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และ 189% YoY และ QoQ ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีรายการกำไรพิเศษ จาก
    1) กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า 114 ล้านบาท
    2) กำไรจากสัญญาซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า 467 ล้านบาท) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 232 ล้านบาท ทั้งนี้ทางบริษัท ยังไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ โครงการ BOI จากภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรับรู้ราย ได้จากธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เฟส 1 ขนาด 8 เมกะวัตต์ ในไตรมาสนี้ เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมปลายปี 2554 อย่างไรก็ดี โครงการไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ดังกล่าวได้กลับมาดำเนินเชิงพาณิชย์แล้ว ในช่วงต้นไตรมาส 2/55 แล้วคาดว่า จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ใน ไตรมาสนี้ สำหรับคำแนะนำลงทุนใน BCP คือ ซื้อ ที่ราคาเหมาะสม 27 บาท ซึ่งยังมี upside gain อยู่ราว 5-6%


    ■ ประเด็นเข้าซื้อกิจการ ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ด้านบางจาก ให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้นจำนวน 40% ของบริษัท ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิตรวม 3.50 แสนลิตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อหุ้นของ บมจ บางจาก จะรอให้โรงงานแห่งใหม่สร้างเสร็จก่อน ซึ่งข้อสรุปจะเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างบริษัท ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TAE
    วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

    Read more »

    Stock Fucus,BANPU

    วันที่ 2 พ.ค.55

    คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้แรงหนุนจากทั้งปัจจัยในประเทศ (ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ฟื้นตัวดี, เงินเฟ้อต่ำเพียง +2.47% YoY, ประชุม กนง.คาดตรึงอัตราดอกเบี้ย) ส่วนปัจจัยต่างประเทศก็เกื้อหนุนเป็นผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้น ทั้ง PMI ของจีน เดือน เม.ย. 53.3 จุด +0.2 จุด จากเดือนก่อน และ ISM ของสหรัฐฯ ขึ้นมาที่ 54.8 จุด สูงสุดในรอบ 10 เดือน กรอบแนวรับ-แนวต้าน 1,218-1,250

    ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญ คือ
    - คาดการประชุม กนง. ของ ธปท.มีมติการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.00% ต่อเนื่อง
    - เงินเฟ้อทั่วไปประเทศไทยเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.47% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.13%
    - ราคาไก่ในประเทศเดือน เม.ย.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 32 บาท ต่อ กก. จากตกต่ำสุดในเดือน มี.ค.ที่ 28 บาท ต่อ กก.คาดผลประกอบการของ CPF, GFPT ผู้ประกอบการธุรกิจไก่ รับผลลบ คาดไตรมาส 1/55 ย่ำแย่ แต่สถานการณ์กำลังจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 2/55 เนื่องจากย่างเข้าฤดู High Season ของไก่ส่งออก


    - ราคากุ้งในประเทศ 70 ตัว ต่อ กก.ปรับตัวลดลง 15% MoM เป็น 115 บาท ปัจจัยดังกล่าวระยะแรกส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการแพ็คกุ้งส่งออก เช่น CFRESH, SSF, TUF, CPF แต่ในที่สุดผู้ซื้อในต่างประเทศจะปรับตัวได้และขอปรับลดราคาลงในที่สุด ระยะยาวไม่เป็นผลบวก
    ปัจจัยที่สำคัญ สำหรับตลาดโลกและคอมมอดิตี้ คือ
    - สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนเม.ย. ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือน มี.ค. และมากกว่าเดือนเม.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 52.9 จุด
    - สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 53.4 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53 จุด\
    - ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% แตะที่ 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งลดลงจากเดือนมี.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 3.1%

    - S&P 500 ทะยานขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก ที่มีข่าวดีเฉพาะตัว เช่น Chesapeake Energy พุ่งขึ้น 6% หลังจากมีรายงานว่า ทางบริษัทจะถอดนายออเบรย์ แมคเคลนดอน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ เซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเคมาร์ทและเซียร์ส พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด

    ปัจจัยเด่นที่ต้องติดตามในภาพใหญ่คือปัจจัยด้านผู้กำหนดนโยบาย ตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหมดวาระลงในสิ้นเดือน เม.ย. นี้ รายชื่อที่ถูกเสนอเข้าชิงตำแหน่ง คือ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสนกุล และ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ซึ่งเป็นที่น่าจับตาที่ ดร.วีรพงษ์ ได้เคยเสนอให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ถึง 1.78 แสนล้านบาท ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงเคยเสนอให้ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ยังมีความเห็นสอดคล้องกับ นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว. คลัง กรณีดังกล่าวอาจต้องจับตาเกี่ยวกับ สองเรื่องสำคัญคือ 1.นโยบายที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และ 2.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจถูกปรับให้ลดลง ทั้งนี้ในทางตรง อาจะมีผลเชื่อมโยงต่อหุ้นรัฐวิสาหกิจอย่าง KTB, THAI, PTT ส่วนในทางอ้อม หุ้นที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อน คาดว่ามีแนวโน้ม Perform มากขึ้น ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น
    Domestic Play ได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อเพิ่มในอัตราที่ต่ำ คาดการณ์ ธปท.คงอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยบวกต่อ ธุรกิจในประเทศ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์(Top Pick ในกลุ่มคือ KBANK, SCB, BBL) อสังหาริมทรัพย์ (เน้นธุรกิจเติบโตสูง ราคายังปรับตัวไม่สูง เช่น SIRI, QH) สื่อสาร (THCOM, JAS) ค้าปลีก (HMPRO, ROBINS) โรงพยาบาล (BGH, KH)
    Cyclical Play ได้แรงหนุนจากตัวเลข PMI และ ISM ของจีน แนะนำเริ่มเข้าซื้อ ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 1/55 เป็น Bottom Out และกำลังจะดีขึ้นในไตรมาสถัดไป

    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Monday, April 30, 2012

    Stock Focus,ROBINS,KTB

     

    บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB)

    Meeting : แนวโน้มกำไรปี 2555 พลิกกลับมาเติบโตสูงตั้งเป้าสินเชื่อโต 6-7% YoY ส่วนแนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% YoY เน้นธุรกรรมที่เกี่ยวกับกลุ่มลูกค้า SME และรายย่อย คาดแนวโน้มกำไรปี 55 เติบโตสูงถึง 44% YoY เราจึงคงแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 24 บาท


    􀂃 เป้าหมายสินเชื่อยังอนุรักษ์นิยม แต่เชื่อว่าศักยภาพของ KTB จะทำได้สูงกว่าที่ประเมินไว้ : ผู้บริหารเปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์เช้าวันนี้ (30 เม.ย. 55) เกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจในปี 2555 โดยตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ระดับ 6-7% YoY (เราประเมินไว้ที่ 7% YoY) แต่มีแนวโน้มที่สินเชื่อทั้งปีจะขยายตัวได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เนื่องจากทิศทางการปล่อยสินเชื่อธนาคารฯยังสดใสต่อเนื่อง โดยกลุ่มสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่มีการเบิกใช้ตามที่ได้ขออนุมัติไปแล้ว ส่วนสินเชื่อ SME ที่ธนาคารฯเจาะกลุ่มลูกค้ารายเล็ก จะเห็นการเติบโตในระดับสูง ในขณะที่สินเชื่อ Microfinance ที่เริ่มดำเนินงานแล้ว พบว่ายังมีช่องทางในการขยายตัวอีกมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายปล่อยสินเชื่อที่ให้ Yield สูง เพื่อพยุง NIM ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการเก็บเงินค่าธรรมเนียมนำส่ง ธปท. เพื่อชำระดอกเบี้ยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยเราประเมินว่า NIM ในปีนี้ของธนาคารฯจะปรับตัวลดลง 17 bps สู่ระดับ 2.7% ส่วนเป้าหมายการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิฯคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 15% YoY (เราประเมิน 10% YoY) ซึ่งจะเน้นธุรกรรมที่เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อรายย่อยและ SME เป็นหลัก บวกกับธุรกรรมปริวรรตเงินตรา ด้านสัดส่วน Cost to income ratio แม้อยู่ในระดับสูงสุดในกลุ่มธ.พ.ขนาดใหญ่ แต่ผู้บริหารเชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ (เราประเมิน Cost to income ratio 49% ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน) ส่วนการตั้งสำรองฯในปีนี้คาดว่า จะลดลงเหลือ 6 พันล้านบาท (ไตรมาสละ 1.5 พันล้านบาท) ลดลงถึง 55% QoQ ภายหลังจากธนาคารฯตั้งสำรองพิเศษใน 3Q-4Q54 ไปแล้ว เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองฯในปี 2554 เติบโตสูงถึง 35% YoY


    􀂃 คงประมาณการปี 2555-56 :
    คาดแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2555-56 เท่ากับ 24,539 ล้านบาท และ 27,516 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 44% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ เรามองว่าธนาคารฯ จะได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่วัฏจักรการลงทุนรอบใหม่ ที่ได้รับการอัดฉีดโดยรัฐบาลผ่านโครงการฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคในประเทศ เพื่อบริหารทรัพยากรน้ำ และ ป้องกันอุทกภัย ซึ่งทำให้เกิดความต้องการสินเชื่อในทุกกลุ่ม ตั้งแต่ลูกค้าองค์กรรายใหญ่SME และรายย่อย
    􀂃 แนะนำซื้อ :
    กำหนดราคาเหมาะสมปี 2555 ของ KTB เท่ากับ 24 บาท อิง PBV 1.86เท่า ซึ่งเรามองว่า KTB มีความน่าสนใจมากหากเทียบกับ BBL ที่เทรดอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าของ BV เหมือนกัน แต่คาดการณ์ ROE ปี 2555 ของ KTB สูงกว่า BBL ซึ่งอยู่ในระดับเพียง 13.5%
    วีรพัฒน์ วงศ์อุไร

    Read more »

    Stock Focus,SPALI


    SPALI : Key Takeaway

    จากการประชุมนักวิเคราะห์

    - ยอด Presale ในไตรมาส 1/55 โดดเด่นและสูงถึง 5,607 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนี่ยม 4,239 ล้านบาท และ แนวราบ 1,368 ล้านบาท ยอด Presale ดังกล่าวคิดเป็น 31% ของเป้าปีนี้ 18,000 ล้านบาท สำหรับบริษัทย่อย มียอด Presale สูงถึง 1,492 ล้านบาท เทียบกับเป้า 2,000 ล้านบาท

    - ดังนั้น ผู้บริหารจึงปรับเป้ายอด Presale ปีนี้ขึ้นเป็น 19,000 ล้านบาท จากเดิม 18,000 ล้านบาท เมื่อรวมบริษัทย่อย จะมียอด Presale รวมเท่ากับ 21,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.6%

    - ในแง่การรับรู้รายได้ (งบการเงินรวม) ในไตรมาสแรกมีการรับรู้รายได้ เพียง 1,506 ล้านบาท เทียบกับเป้าปีนี้ จะมีการรับรู้รายได้รวม 13,500 ล้านบาท (แบ่งเป็น เฉพาะบริษัท 12,500 ล้านบาท และ บริษัทย่อย 1,000 ล้านบาท) โดยส่วนใหญ่จะรับรู้ในครึ่งปีหลัง ทำให้กำไรไตรมาสแรกจะต่ำเพียง 260 ล้านบาท ลดลง 26% จากไตรมาสก่อน และ 65% จากปีก่อน

    - โครงการที่อยู่บริเวณน้ำท่วมเริ่มกลับมาประมาณ 70% ของยอดขายปกติ รวมถึง โครงการที่เปิดใหม่อยู่ในโซนน้ำท่วมก็ขายได้มากกว่าคาด



    - ปีนี้จะมีสัดส่วนยอดขายในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น 20% เทียบกับปีก่อน มีสัดส่วน 14% ส่วนด้านรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 16% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 13%

    - ตัวเลข Backlog ในมือ 24,496 ล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้ 8,862 ล้านบาท คิดเป็น 71% เมื่อเทียบกับเป้า รายได้ที่จะรับรู้ในปีนี้12,500 ล้านบาท

    - ปี 2555 SPALI จะเปิดตัวทั้งหมด 16 โครงการ มูลค่ารวม 17,900 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 11 โครงการ มูลค่า 8,420 ล้านบาท และ แนวสูง 5 โครงการ มูลค่า 9,480 ล้านบาท

    - แนวโน้มในปีนี้เราประเมินยอดรับรู้รายได้เท่ากับ 13,540 เพิ่มขึ้น 7% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,075 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.79 บาท) เพิ่มขึ้น 20%

    - ภายใต้ P/E เท่ากับ 10 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 18 บาท ดังนั้น เราคงคำแนะนำ ซื้อ
    Surachai Pramualcharoenkit

    Read more »

    Stock Focus,ROBINS

    - จากบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยที่ยังสดใสตามกำลังซื้อที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสาขาในต่างจังหวัด บวกกับ การฟื้นตัวอีกครั้งของธุรกิจท่องเที่ยว จึงคาดไตรมาส 1/55 ยอดขายสาขาเดิมจะยังเติบโตในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งเมื่อรวมกับ การรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง จึงคาดดันยอดขายรวมเติบโตเกินเป้าที่ตั้งไว้ 20% YoY
    - เพื่อรองรับการบริโภคในประเทศที่ยังขยายตัวดี โดยเฉพาะหลังเปิด AEC จึงทำให้นับจากนี้ ROBINS มีแผนขยายสาขาใหม่เฉลี่ยปีละ 5 แห่ง ใช้เงินลงทุนสาขาละ 500 ล้านบาท โดยปี 2555 ตั้งงบลงทุนไว้ 2.8 พันล้านบาท สำหรับปรับปรุงสาขาเดิม 3 แห่ง จำนวน 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เปิดสาขาใหม่ 5 แห่ง คือ สุพรรณบุรี (เปิด 2 มี.ค. 55) บางนา (เปิด 3 พ.ค. 55) บางแค (เปิดไตรมาส 3/55) สุราษฎร์ธานีและลำปาง (เปิดไตรมาส 4/55) ขณะที่ปี 2556 มีแผนเปิดสาขาใหม่แน่นอนแล้ว 1 แห่งที่กาญจนบุรี (เปิดไตรมาส 1/56) ส่วนอีก 4 แห่งซึ่งขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยทำเลที่ตั้งแต่จะอยู่ในต่างจังหวัดทั้งหมด
    เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการเพื่อสะท้อนการขยายสาขา และยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตดีเกินคาด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงคำแนะนำ ถือ ก่อน

    Read more »

    Thursday, April 26, 2012

    Stock Focus,TTCL

    TTCL (ซื้อ : ราคาเป้าหมาย 16 บาท)

    ได้งานใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 5.1 พันลบ.


    บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น (TTCL) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับงานโครงการก่อสร้างใหม่จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 5.1 พันล้านบาท คือ
    โครงการที่ 1 Ammonium Nitrate Plant บริษัทฯ ได้รับหนังสือแจ้ง Winning Bidder วันที่ 25 เมษายน 2555 ในนาม UHDE-TTCL Group Consortium เป็นของ Vinacomin- Mining Chemical Industry Holding Corporation LTD มูลค่าโครงการ ประมาณ 2,700 ล้านบาท (เทียบเท่า US$ 90 ล้าน โดยประมาณ) เฉพาะในส่วนงานที่รับผิดชอบของบริษัทฯ เป็นงานออกแบบวิศวกรรม จัดซื้ออุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง และงานก่อสร้าง ที่ตั้งโครงการเขตอุตสาหกรรม Thai Tho Ward, จังหวัด Thai Binh, ประเทศเวียดนาม ระยะเวลาการก่อสร้าง ประมาณ 2 ปี กำลังการผลิต Ammonium Nitrate 200,000 เมตริกตันต่อปี



    โครงการที่ 2 By Products Value Added บริษัทฯ ได้รับ Letter of Intent จากบริษัท ชิโยดะ (ไทยแลนด์) จำกัด วันที่ 26 เมษายน 2555 ของ PTT Global Chemical Public Company Limited ผู้รับเหมาหลัก คือ บริษัท ชิโยดะ (ไทยแลนด์) จำกัด มูลค่าโครงการ ประมาณ 2,400 ล้านบาท (เทียบเท่า US$ 80 ล้าน โดยประมาณ)เฉพาะในส่วนงานที่รับผิดชอบของบริษัทฯ ขอบเขตของงาน เป็นผู้รับเหมาช่วงในการออกแบบวิศวกรรม จัดซื้ออุปกรณ์วัสดุก่อสร้างและงานก่อสร้าง ที่ตั้งโครงการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ 1.5 ปี กำลังการผลิต 1,3 Butadiene 9,375 กิโลกรัมต่อชั่วโมง Butene-1 5,000 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ตัวเลขงานในมือ (Backlog) สูง ณ สิ้นปี 2554 ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เมื่อรวม 2 โครงการนี้ จะทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท โดยปี นี้จะเข้าประมูลงานประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท คาดได้งาน 2 หมื่นล้านบาท

    เราประเมินรายได้ในปี 2555 จะเพิ่มขึ้นเป็น 11,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึง 26% และ จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 553 ล้านบาท (+38%yoy) เราคงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 16 บาท ภายใต้ฐาน Forward P/E เท่ากับ 13.5 เท่า
    Surachai Pramualcharoenkit

    Read more »

    Stock Focus,STA,CPF,GFPT

     

    CPF, KBANK, JAS, GFPT, STA

    Selective Buy หุ้นน่าสนใจ ไม่ตามภาพตลาดโลก

    เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยยืนได้ในโซน 1,180-1,215 จุด ได้ แม้ว่าจะไม่พึ่งกลุ่มใหญ่อย่างพลังงาน ซึ่งแม้ประกาศผลประกอบการดี แต่ไม่สนองตอบต่อราคาหุ้นในทางที่ดีตาม เช่นวานนี้ PTTEP กำไรสุทธิ 18 พันล้านบาท กำไรทำ All Time High และ Outlook ไตรมาส 2/55 ยังมีแนวโน้มทำกำไรได้ในระดับเดียวกันหรือดีกว่า แต่ราคาหุ้นไม่สนองในทางบวก คาดว่าถ้าจะมาคงมาเป็น Theme หลักตามกระแสโลก ซึ่งเชื่อว่ารอเวลาสักพักก็จเกิดขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ SET ยืนราว 1,230-1,250 และต้องพาตัวเองขึ้นไปที่ 1,300-1,350 จุด เวลานั้นน่าจะมาอาศัยหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ดังนั้นระยะสั้น เรายังแนะนำการทำ Selective Buy หุ้นที่มีข่าวดีน่าสนใจรายตัวหรือรายอุตสาหกรรมไปก่อน

    ปัจจัยวันนี้

    (+)ประชุมเฟด: เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงว่า เฟดมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยังกล่าวด้วยว่า เขาเตรียมที่จะใช้งบดุลบัญชีของเฟด เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจหากจำเป็น
    (+)ADB คาดเงินทุนอาจไหลทะลักเข้าตลาดเกิดใหม่ในปีนี้: หนีปัญหายุโรป: การไหลเวียนของกระแสเงินทุนเข้าสู่ภูมิภาคในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยจะดันสกุลเงินภายในประเทศขึ้น, เน้นย้ำคาดการณ์การแข็งค่าของสกุลเงิน และกระตุ้นเงินทุนไหลเข้าต่อไป ADB ระบุว่า เอเชียตะวันออกเกิดใหม่ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, ไทย และเวียดนาม

    (-/+)พบเชื้อวัวบ้าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ: ผลดังกล่าวทำให้เกิดการปรับตัวลงของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเนื้อวัน เช่นหุ้นแมคโดนัลด์ ในสหรัฐฯ อย่างมากช่วงวันอังคาร (ของสหรัฐฯ) แต่แล้ววันพุธ ทางการสหรัฐฯ ออกมารับรองว่าจะไม่มีเนื้อวัวจากฟาร์มแคลิฟอร์เนีย เข้ามาใน Food Supply ของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศผู้นำเข้าเนื้อวันรายใหญ่จากสหรัฐฯ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเม็กซิโก ยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายในการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ แต่ผู้ค้าปลีกเนื้อวัวรายใหญ่ 2 รายในเกาหลีใต้ได้นำเนื้อนำเข้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดออกจาก shelves (ที่มา: ข่าว Bloomberg) ความเห็น: เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวยังคงส่งผลจิตวิทยาต่อ Health Conscious ของผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศผู้บริโภคเนื้อวัว เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาจจะงดการซื้อ-บริโภคเนื้อวัวเป็นการชั่วคราว หากเรื่องวัวบ้ายังไม่ยุติได้เร็ว จะส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการส่งออกไก่ ซึ่งไก่เป็นสินค้าทดแทนเนื้อวัว โดยเฉพาะไตรมาส 2 และ 3 เป็น High Season ของการส่งออกไก่ เราจึงแนะนำซื้อ CPF และซื้อเก็งกำไร GFPT ทั้งนี้เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 1/55 ทั้งสองบริษัท เผชิญกับภาวะตกต่ำของราคาเนื้อไก่ในประเทศ คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานของ CPF เท่ากับ กำไรสุทธิเท่ากับ ... ล้านบาท มีกำไรพิเศษ ... ล้านบาท จากการควบรวมกิจการ ส่วน GFPT เราคาดว่าไตรมาส 1/55 ขาดทุนราว 20-30 ล้านบาท เรื่องความวิตกกังวลต่อเชื้อวัวบ้า ที่เคยระบาดในยุโรป ส่งผลให้การส่งออกไก่ดีมาก GFPT จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้มากกว่า CPF ราคาเป้าหมาย ของ CPF เท่ากับ 45 บาท แนะนำซื้อ ส่วนราคาเป้าหมาย GFPT เรายังเป็น 10.50 บาท จึงแนะนำเพียงซื้อเก็งกำไร
    (+)Malaysia Top Fund กำลังซื้อหุ้น Consumer และ Plantation Stocks: Kenanga Growth Fund เป็นกองทุน best performing ที่สุดของมาเลเซียในปีที่ผ่านมา เราสะดุดที่การจะเข้ามาซื้อ Plantation stocks ซึ่ง ถ้าเป็นในประเทศมาเลเซียเองจะเน้นไปที่ธุรกิจปาล์มน้ำมัน แต่หากซื้อใน Regional ในส่วนนี้ของไทยเราก็มีความน่าสนใจที่ STA, TRUBB, PTT (ทำสวนปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซีย) ราคาหุ้นเหล่านี้ของเราถูกกดลงด้วยความเป็น Commodity ไม่ปลอดภัยเวลาตลาดผันผวน แต่ขณะนี้ Undervalued มากเกินไป
    (+)STA: คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ก็อาจจะไม่สดใสอย่างที่เราเคยคาดหวังว่าจะได้ถึง 1,600-1,800 ล้านบาท แม้จะมีการกลับรายการ Stock Gain เกิดขึ้นประมาณ 800 ล้านบาท แต่ผลดำเนินงานในไตรมาส 1/55 อาจจะยังไม่ฟื้นตัวทันที แม้ราคายางปรับตัวขึ้นมาแล้ว ทั้งนี้ไตรมาส 1/55 มีช่วงที่ราคายางผันผวน ทำให้การผลิตบางล็อตมีการขาดทุนเกิดขึ้น เราจึงคาดว่ากำไรไตรมาส 1/55 อาจจะได้เพียง 1,100-1,200 ล้านบาท (รวม Stock Gain แล้ว) อย่างไรก็ตาม นโยบายของรัฐในการพยุงราคายางไม่ให้ต่ำกว่า 120 บาท ต่อ กก.คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ราว พ.ค.นี้ อาจมีส่วนช่วยให้ราคายางมีเสถียรภาพ และต้องรอวัดกำไรที่ดีของ STA ในไตรมาส 2/55 มีโอกาสทำได้ดีกว่าไตรมาส 1/55 อย่างมาก แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท
    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Wednesday, April 25, 2012

    Stock Focus,JAS

    บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS)

    หุ้นมี Snowball Effect

    แนะนำซื้อ JAS ราคาเป้าหมายปี 2555 เท่ากับ 3.72 บาท จากสมมติฐานการเพิ่มจำนวน Subscriber ในปี 2555 เท่ากับ 240,000 ราย จากสิ้นปี เชื่อว่ากำไรของJAS เป็น Snowball Effect คือเติบโตต่อเนื่อง การมีฐาน Subscriber base ทำให้มีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งกระแสการแจก Tablet และติดอินเตอร์เน็ตตามบ้านจะเติบโตดีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด JAS ถือเป็นหุ้นมีค่า Alpha สูงรับผลกระทบน้อยจากความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก


    ■ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55: เท่ากับ 400 ล้านบาท +86% YoY และ +18% QoQเชื่อว่าไตรมาส 1/55 กำไรของ JAS จะดีขึ้นจากไตรมาส 1/54 (215 ล้านบาท) และดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/54 (339 ล้านบาท) โดยคาดว่าในไตรมาส 1/55 มี Net Add ประมาณ 55,000 ราย คาด ม.ค.55 มี Net Add ราว 15,000 ราย ต่ำกว่าเป้าหมาย ที่คาดไว้ 20,000 รายต่อเดือน แต่เพียงเดือนเดียวที่ต่ำเนื่องจากลูกค้าเพิ่งฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วม แต่หลังจากนั้นการติดตั้งก็ดำเนินต่อไปได้ตามปกติ และน่าจะเพิ่ม Add ทุกเดือนต่อเนื่อง เราคาดหวังว่ากำไรสุทธิในไตรมาสอื่นที่เหลือของปีจะดีขึ้น และหากกำไรต่อไตรมาสยืนได้ไม่ต่ำกว่า 400 ล้าน
    บาท และค่อย ๆ เติบโตดีขึ้นปีต่อปี เราจะเห็นกำไรของ JAS ทบทวีขึ้นเป็น Snowball Effect
    ■ คาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2555: เราคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2555 ประมาณ 1,792 ล้านบาท คิดเป็น EPS (Diluted โดยยังไม่หักการซื้อคืนหุ้น) เท่ากับ 0.25 บาท เราคาดการณ์ Net Add ทั้งปีเท่ากับ ขณะที่ 240,000 ราย เฉลี่ยไตรมาสละ 60,000 ราย หรือเฉลี่ยเดือนละ 20,000 ราย ในขณะที่ ARPU น่าจะใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปีที่แล้วที่ 650 บาทต่อรายต่อเดือนณ สิ้นปี 2554 จำนวน Subscriber เท่ากับ 1.028 ล้านราย (ฐานลูกค้า ตจว.เท่ากับ 76% กทม.เท่ากับ 26%) และ ARPU ปี 2555, 2556 คาด 650 และ 625 บาท/ราย/เดือน
    ■ ได้ประโยชน์จากนโยบายรุกด้านไอซีทีของภาครัฐ: นโยบายรัฐบาลในการแจก Tablet นร.ชั้น ป.1 รวมประมาณ 0.86 ล้านเครื่อง และแจกผู้สอนและโรงเรียนรวมเป็น 1 ล้านเครื่อง ให้มีกำหนดส่งมอบได้ก่อนการเปิดภาคเรียน 17 พ.ค. เราเชื่อว่าจะมีการกระตุ้นในเกิดความ
    ต้องการติดอินเตอร์เน็ตตามบ้าน และคาดว่านโยบายภาครัฐในการส่งเสริมสื่อสารเรียนการสอนผ่าน Tablet จะทำให้ Penetration Rate ของ Internet เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะ 2 ปีข้างหน้า ปัจจุบัน Penetration Rate ของ Internet ของไทยต่ำเพียง 16.2% และ Penetration Rate ของเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ยังต่ำเพียง 29.6% กระทรวง ICT ตั้งเป้าหมายในปี 2558 จะให้มี Penetration Rate ของการใช้อินเตอร์เน็ตเข้าถึงภาคครัวเรือนได้ถึง 85% ทั่วประเทศ
    ■ ประเมินมูลค่าเหมาะสม ปรับเพิ่มจาก 3.50 บาท เป็น 3.72 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมโดยวิธี PER 15 เท่า Fair Value เท่ากับ 3.72 บาท เราใช้วิธีประเมิน Valuation โดย DCF ณ WACC เท่ากับ 11.97% ระยะ 10 ปี ราคาเหมาะสมเท่ากับ 5.70 บาท อย่างไร
    ก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ผิดพลาดไปจากความคาดหมายด้วยวิธีนี้คือ การประเมินการเพิ่มขึ้นของ Net Add เฉลี่ยปีละ 238,500 ราย และ ARPU เฉลี่ยอยู่ที่ 573 บาท ต่อรายต่อเดือน หากในระยะยาวค่าทั้งสองเบี่ยงเบนไปจากสมมติฐานมาก อาจทำให้ FairValue ไม่เป็นไปตามราคาเหมาะสมที่คาด เราจึงเลือก Conservative ไว้ก่อนโดยใช้ราคาเป้าหมายตามค่า Fair Value ที่ค่า PER 15 เท่า ซึ่งเท่ากับ 3.72 บาท (เพิ่มจากบทวิเคราะห์เดิมที่ 3.50 บาท)
    วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

    Read more »

    Stock Focus,PTTGC

    PTTGC

    กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี

    เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เป็น Bottom ของปี เริ่มเห็นทิศทางของสเปรด เม็ดพลาสติก PE ดีขึ้นในเดือน เม.ย. โดยยืนเหนือ 400 เหรียญฯ ได้ LLDPE น่าจะมีสเปรดดีขึ้น QoQ มากที่สุด จาก 290 เป็น 419 เหรียญฯ ต่อตัน แม้ MEG สเปรดไตรมาส 2/55 อ่อนแอลงจาก 424 เหรียญฯ เหลือ 248 เหรียญฯ เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/55 มีแนวโน้มแตะ 11,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าการ Restocking เริ่มดีขึ้นแล้ว แม้ในเดือน พ.ค.จะมีช่วง Golden Week ในจีน ซึ่งอาจสะดุดบ้าง แต่เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะมีกำไรรายไตรมาสดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/55 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 89 บาท



    คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 8,512 ล้านบาท +109% QoQ แต่ลดลง 24% YoY โดยในไตรมาสนี้สายโอเลฟินส์ ที่เป็นส่วน HDPE, LDPE, LLDPE มีสเปรดที่ต่ำมาก (ลบจากนาฟทา ซึ่งสูงเฉลี่ยราว 1,050 เหรียญฯ ต่อตัน) ซึ่งคิดเป็นสเปรดที่ 380, 368, และ 290 เหรียญฯ ต่อตันตามลำดับ ทั้งนี้เพราะราคาเอทีลีนและนาฟทาสูงในไตรมาส 1/55 แต่มีตัวช่วยคือ MEG spread ค่อนข้างดีอยู่สูงราว 424 เหรียญฯ ต่อตัน ในขณะที่สเปรดทางสายอะโรเมติกส์ พาราไซลีนอยู่ในเกณฑ์ดีประมาณ 590 เหรียญฯ ขณะที่เบนซีน และฟีนอลค่อนข้างต่ำ ส่วนค่าการกลั่นไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.5 เหรียญฯ (รวม Stock Gain แล้ว) เทียบกับไตรมาส 1/54 อยู่สูงราว 7 เหรียญฯ กำไรในระดับดังกล่าวถือว่าน่าจะเป็นกำไรที่ต่ำสุดแล้วของปี นอกจากนี้ไตรมาส 1/55 มี Shutdown โรงงานบางส่วนไป ในไตรมาสนี้เราคาดว่ามีกำไรสต๊อกน้ำมันและปิโตรเคมีรวมราว 2,500 ล้านบาท (เรารวมไว้ในต้นทุนขาย) และคาดว่ามีส่วนกำไร Hedging และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย ในระดับ 100-200 ล้านบาทเท่านั้น

    คาดการณ์กำไรกลับมาดีขึ้นจากสเปรด PE ดีขึ้นในไตรมาส 2/55: เราเริ่มเห็นสเปรดของโอเลฟินส์ปรับตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย. มีแนวโน้มการทำกำไรไตรมาส 2/55 ในระดับ 11,000 ล้านบาท เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555 ของ PTTGC เท่ากับ 40,000 ล้านบาท ยังเชื่อว่าบริษัททำได้ถึงประมาณการ เนื่องจาก 2H55 เราคาดหวังกำไรต่อไตรมาสราว 10,000 ล้านบาท

    งบลงทุนที่เตรียมไว้ในปี 2555 คาดว่าในแต่ละปีมี Maintenance CAPEX ที่ราว 200 ล้านเหรียญฯ หรือราว 6,000 ล้านบาท เป็นขั้นต่ำ จากแผนการลงทุน CAPEX 5 ปีรวมใช้เงินราว 40,000 ล้านบาท แต่หากปี 2555 มีดีลที่จะซื้อกิจการเพิ่มเพื่อบรรลุการเข้าซื้อกิจการ Perstorp ให้เรียบร้อยอาจต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท

    แนะนำซื้อต่อไปราคาเหมาะสม 89 บาท: เรามองว่าในปี 2555 นี้ ยังเป็นปีที่สเปรดของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้นน้ำมีแนวโน้มดี ซัพพลายใหม่ออกมาไม่มาก ไม่มีความกดดันมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ ไตรมาส 1/55 ผลิตภัณฑ์เด่นคือ MEG และ พาราไซลีน ส่วนไตรมาส 2/55 ผลิตภัณฑ์เด่นคาดว่าจะเป็นส่วนของ PE ทั้ง 3 ชนิด ซึ่งหากดีขึ้นเพราะส่วนนี้จะมีนัยยะอย่างมากต่อรายได้และกำไร PTTGC
    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Stock Focus,KH,PTTGC

    KH, AMATA, PTTGC, PTT, KBANK

    ปรับพอร์ต แต่ยัง Selective Buy หากปรับขึ้นทะลุ 1,200 จุด

    ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเด่นสวนตลาดต่างประเทศ แต่อย่างไรก็เป็นการปรับเปลี่ยนหมุนพอร์ตไป เราเชื่อว่า SET Index ที่ 1150 เป็นการสร้างระดับต่ำสุดของปีไปแล้ว SET Index ค่อนข้างแข็งแกร่ง ในรอบนี้อาจไม่หลุด 1180จับตาปัจจัยบวก 5 ปัจจัยจะเป็นตัวช่วยหนุน SET Index ในรอบถัดไป ในไตรมาส 3/55 ได้แก่
    1) Fund flow ที่ไหลเข้าสู่ Equities จำนวน 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯหลังจากโครงการ Operation twist หมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
    2) การเพิ่มน้ำหนักของหุ้นไทยในการคำนวณดัชนี MSCI ซึ่งจะมีการประกาศในช่วงวันที่ 15 พ.ค. และเริ่มใช้จริงวันที่ 30 พ.ค.
    3) การเข้ามามีบทบาทของกองทุน European Stability Mechanism (ESM) ในช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป
    4) Money market financial reform ของประเทศสหรัฐฯซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดเงินจำนวนมหาศาลและไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นได้บางส่วน
    5) ผลกระทบเชิงบวกจากการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
    • Recommended Sector ได้แก่ ICT, ENERGY ส่วน BANK จะเป็น Market performer
    • Core Holding แห่งปียังชอบ JAS, INTUCH, PTT
    • วันนี้ SCC, PTTEP ประกาศงบวันนี้ SCC งบไตรมาส 1/55 ไม่สดใส หากหุ้นปรับตัวลงเป็นโอกาสการซื้อ เนื่องจากสเปรดของ PE เห็นแล้วว่าเริ่มดีขึ้นในเดือน เม.ย.55 แต่คาดกำไรสุทธิของ PTTEP ในไตรมาส 1/55 และ 2/55 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขั้นต่ำคือ 15,000 ล้านบาทต่อไตรมาส

    ปัจจัยวันนี้
    (+)PTTGC: คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 8,512 ล้านบาท +109% QoQ แต่ลดลง 24% YoY โดยในไตรมาสนี้สายโอเลฟินส์ ที่เป็นส่วน HDPE, LDPE, LLDPE มีสเปรดที่ไม่ดี ต่ำกว่า 400 เหรียญฯ ต่ำมากเพราะราคาเอทีลีนและนาฟทาสูง ซึ่งเราคงเห็นภาพสะท้อนจากการประกาศงบการเงินของ SCC ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ทำได้ดีคือ MEG ซึ่ง สเปรดไตรมาส 1/55 สูงถึง 424 เหรียญฯ ต่อตัน ส่วนค่าการกลั่นไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.5 เหรียญฯ (รวม Stock Gain แล้ว) เทียบกับไตรมาส 1/54 อยู่สูงราว 7 เหรียญฯ กำไรในระดับดังกล่าวถือว่าน่าจะเป็นกำไรที่ต่ำสุดแล้วของปี นอกจากนี้ไตรมาส 1/55 มี Shutdown โรงงานบางส่วนไป ส่วนในไตรมาส 2/55 เราเริ่มเห็นสเปรดของโอเลฟินส์ปรับตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย. มีแนวโน้มการทำกำไรไตรมาส 2/55 ในระดับ 11,000 ล้านบาท เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555 ของ PTTGC เท่ากับ 40,000 ล้านบาท ยังเชื่อว่าบริษัททำได้ถึงประมาณการ เนื่องจาก 2H55 เราคาดหวังกำไรต่อไตรมาสราว 10,000 ล้านบาท แนะนำซื้อต่อไปราคาเหมาะสม 89 บาท
    (+)KH: ปี 2555 คาดเป็นปีทองแห่งการเติบโต เพราะมีแรงหนุนหลักจากการที่ประกันสังคมปรับรูปแบบการจ่ายเงินผู้ป่วยในจากเดิมเหมาจ่ายมาเป็นจ่ายตามความรุนแรงของโรค ทำให้ค่ารักษาเฉลี่ยและจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ โดยจะเริ่มเห็นผลบวกชัดเจนนี้ตั้งแต่ไตรมาส 1/55 ซึ่งคาดทำสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสแตะ 205 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายปี 2555 อยู่ที่ 9.40 บาท เรามีแนวโน้มปรับประมาณการราคาเป้าหมายของ BGH, BH เพิ่มขึ้นด้วย
    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Stock Focus,PTTEP,

    PTTEP

    ตามที่ PTTEP ประกาศความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่ออกแล้วและยังไม่ได้ออกทั้งหมดของบริษัท Cove Energy Plc. ("Cove") เมื่อ 24 ก.พ.55 ในการนี้มีผู้ประกอบการรายอื่นทำ คำเสนอซื้อหุ้น Cove แข่งขันกับ PTTEP โดยบริษัท Shell Exploration and Production (XL) B.V. ("Shell") เสนอซื้อที่ราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้น เป็นราคาเดียวกับที่ PTTEP เสนอซื้อ และเป็นการปรับราคาขึ้นจากการเสนอในครั้งก่อนที่ 195 เพนซ์ต่อหุ้น รัฐบาลโมซัมบิกอาจจะมีความเชื่อมั่นใน Shell มากกว่า PTTEP หากมีการเสนอซื้อด้วยราคาที่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม การซื้อครั้งนี้มีมูลค่า 1,120 ล้านปอนด์ (55,888 ล้านบาท)



    Cove เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด Alternative Investment Market (AIM) ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) โดยมีสินทรัพย์หลักคือ การถือครองสัดส่วนร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าวนั้น เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (World Class Gas Discovery) และคาดว่าจะมีปริมาณสำรอง (Resource) ถึงประมาณ 30 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (Trillion Cubic Feet - TCF) รวมถึง Black Pearl Oil Prospect นอกจากนี้ Cove ยังถือสัดส่วนร้อยละ 10ในแปลงสัมปทาน Rovuma Onshore Area สาธารณรัฐโมซัมบิก รวมถึงการถือสัดส่วนร้อยละ 10 - 25 ในแปลงสัมปทานน้ำลึกอีก 7 แปลงในประเทศเคนยา

    ความเห็น: การที่ Shell ปรับขึ้นราคาเสนอซื้อขึ้นมาเท่ากับที่ PTTEP มีแนวโน้มมากกว่า PTTEP อาจไม่ชนะการประมูลครั้งนี้ คาดว่าไม่ได้มีผลได้ผลเสียแต่อย่างใดในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งโครงการดังกล่าวทำให้เกิด Overhang ให้กับ PTTEP ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนบางส่วนเกรงว่าจะเกิดการเพิ่มทุน เราเชื่อว่าเมื่อเรื่อง Cove คลี่คลายลง จะลดแรงกดดันทาง Sentiment ต่อหุ้น PTTEP ลงไปได้ และหุ้น PTTEP น่าจะกลับมาถูกซื้อขายที่ Fundamental ซึ่งเราเชื่อว่างบการเงินในไตรมาส 1/55 ที่เรา Preview ไปแล้วคาดมีกำไรสุทธิเท่ากับ 15.2 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรจะยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/55 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 209 บาท (ราคาปิโตรเลียมที่ขายได้ในไตรมาสที่ 1/55 คาดการณ์ที่ 64 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับ 4Q54 ที่ 61 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล) ปริมาณการผลิตในไตรมาส 1/55 เพิ่มจากไตรมาส 4/54 ประมาณ 2-3% เป็น 255,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบกับที่ PTTEP ประมาณการทั้งปีเฉลี่ยที่ 284,000 บาร์เรลต่อวัน เราเชื่อว่าอีก 9 เดือนที่เหลือของปี ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็นตัว Driver นอกเหนือจากราคาขายที่ดีมาตั้งแต่ต้นปีที่ Drive กำไรในไตรมาส 1/55 ขณะนี้
    PTTEP ไตรมาส 1/55 มีกำไรสุทธิ 1.83 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.51 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ และสูงกว่าไตรมาสก่อนที่กำไร 15 หมื่นล้านบาท และมากกว่าเราคาดการณ์ที่ 15.2 หมื่นล้านบาท แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 209 บาท
    Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »