skip to main  |
      skip to sidebar
          
        
          
        
Stock Focus,TCAP,PTT,
คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้พักฐาน กรอบ 1,215-1,228 จุด
 
แนวรับคืนอีกรอบ มีแนวต้าน 1,250-1,260 จุด ณ ระดับราคาปิดเมื่อวาน 1,240 จุด นักลงทุนโดยรวมคาดมีกำไรพอควรแล้ว ต้องระมัดระวังตลาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร และ Domestic Plays เรายังมองว่าร้อนแรงเกินไปที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยกลุ่มค้าปลีก นักวิเคราะห์เรายังเห็นว่าน่าจะรองบการเงินไตรมาส 1/55 ออกมาก่อน และรอฟังนโยบายของผู้บริหาร แล้วอาจพิจารณาการปรับขึ้น Fair Value หุ้นที่ชื่นชอบที่สุดของค้าปลีกยังเป็น ROBINS เป้าหมาย 63 บาท BIGC เป้าหมาย 202 บาท นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เริ่มมองทางให้ขายทำกำไร ส่วน CPALL ระยะสั้นปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป การเข้าซื้อระลอกใหม่เน้นไปที่กลุ่มปิโตรเคมี และพลังงานที่ Laggard มากเป็นหลัก ได้แก่ PTTGC, IVL, BANPU รอซื้อ PTT เมื่ออ่อนตัวระดับ 345-355 บาท ส่วน JAS ราคาขึ้นมาเข้าใกล้เป้าหมาย 3.50-3.72 บาท แนะนำรอขายทำกำไรบางส่วนที่เกิน 3.30 บาทขึ้นไป รอซื้อกลับที่ 3.00-3.10 บาท เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นไม่เผื่อความผิดหวังที่อาจเกิดมีขึ้นได้สองเรื่องคือ 1.งบไตรมาส 1/55 หากไม่ถึง 400 ล้านบาท จะทำให้ Sentiment เสีย 2.บริษัทมีนโยบายขายหุ้นที่ทำ Treasury Stock ออกมาประมาณ 100 ล้านหุ้นเมื่อถึงกำหนด (คือในช่วงนี้) ตลาดต่างประเทศวันนี้น่าจะพักฐานเช่นกัน เหตุสำคัญคือต้องระมัดระวังความผันผวนของราคาน้ำมัน จากดีมานด์ที่เริ่มอ่อนแอ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่เห็นยังไม่แข็งแกร่ง ในขณะที่ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในวันข้างหน้า นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย อีกทั้งเรากังวล DXYO อาจพลิกกลับขึ้นสวนทางกับค่าเงินอียูที่อ่อนแรง 

 TCAP: ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม 34 บาท เป็น 37 บาท อิง PBV 1.29 เท่า โดยคาดการณ์ Div. Yield ปี 2555 เท่ากับ 4.1% p.a. แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2555 ของ TCAP ยังไม่สะท้อนผลบวกจากการรวมกิจการกับ SCIB อย่างเต็มที่ แต่แนวโน้มกำไรปี 2556 จะเติบโตได้ 15% YoY จากการทำ Cross Selling ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย TCAP มีภาระกิจหลักสำคัญคือ 1.รักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของธุรกิจ HP ที่มีแชร์กว่า 20% ให้ได้ ที่สองคือ BAY 2.จะเน้น Housing Loans มากขึ้น ต่อยอดจากฐานที่ SCIB ทำไว้ 3.ขยาย Corporate Loans 4.ขยายฐานสินเชื่อ SME วงเงินสินเชื่อต่ำกว่า 10 ล้านบาท 5.เพิ่ม Fee Incomes 6.ลดค่าใช้จ่ายบริหาร ให้เป็น 0% growth เราคาด TCAP มี Cost to Income ที่ 59% (ผบห ตั้งไว้ 55%) Credit Cost เราคาดว่าตั้ง provision 45 bps ( ผบห คาดตั้ง 20-50 bps) 
 PTT: Preview เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 38.66 พันล้านบาท (Recorded High) เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 1/54 ที่ 34.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเดิม ทั้งนี้คาดเป็นกำไรจากการดำเนินงานของ PTT เอง (กำไรหักส่วนของdividend รับจาก บ.ลูก) เท่ากับ 14.2 พันล้านบาท (ใกล้เคียงกับ 1Q54 ที่ 14.16 พันล้านบาท) บวกด้วยกำไรจาก บ.ในเครือ นำโดย PTTEP contribute มากที่สุด กว่า 12 พันล้านบาท โรงกลั่น TOP, BCP จะมีกำไรดีสุดในไตรมาส 1/55 
PTTGC กำไรปานกลาง แต่คาดว่าจะ contribute มากขึ้นในไตรมาสถัดไป ส่วน IRPC กำไรไตรมาส 1/55 ยังน่าผิดหวัง รวมด้วยไตรมาสนี้คาดมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.1 พันล้านบาท และกำไร stock gain อีก 2.6 พันล้านบาท ราคาหุ้น PTT ยัง Laggard เมื่อเทียบกับกำไรไตรมาส 1/55 ที่ทำได้ดี และเทียบกับ SET ปี 2555 คาดกำไรสุทธิ 111 พันล้านบาท (ยังไม่รวมถ้าต้อง write off โครงการอียิปต์ ที่ยังเหลือต้องทำอีก 7.5 พันล้านบาทปีนี้ แต่ไม่ใช่ในไตรมาส 1/55) เราแนะนำซื้อต่อไป ราคาเป้าหมาย 394 บาท 
Vajiralux Sanglerdsillapachai 
 
 
 
 
          
      
 
  
 
 
 
 
  
0 comments:
Post a Comment