Thursday, April 12, 2012

Stock Tomorrow,NOBLE,TTCL,TFD,12.Apr.2012


SupportResistanceNow
NOBLE                 5.75                5.95-6.15               5.85
TTCL 14.7-14.915.5-16.315.1
TFD1.97-1.952.16-2.242.04

จงหัวเราะเท่าที่ยังมีลมหายใจ และรักให้ได้เท่าที่ยังมีชีวิต

Comment: ตลาดวันนี้ปิดที่ 1169.45 จุด บวก 14.96 จุด ด้วยปริมาณซื้อขาย 20599 ล้านบาท ค่อนข้างน้องเนื่องจาก มีวันหยุดยาวครั้บ ส่วนหุ้นที่ให้ สามารถซื้อขายได้ตามแนวรับแนวต้านคร้บ TTCL เพิ่งเริ่มมี volume เพิ่มขึ้น ราคาเริ่มขยับ TFD ตัวนี้ขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว NOBLE ตัวนี้ การซื้อขายยังไม่มากราคาก็ ขยับเพียงเล็กน้อย




Read more »

Wednesday, April 11, 2012

Gold Price, 11.Apr.2012., 17.05


SupportResistanceNow
Gold Spot                 1636-1642-1651         1662-1670               1654
US$ / TH฿ 30.76-30.8731.05-31.130.9
Gold Future24000-2414024460-2460024390
Gold Price ทองแท่งปิด24250

จงหัวเราะเท่าที่ยังมีลมหายใจ และรักให้ได้เท่าที่ยังมีชีวิต

Comment: ราคาทองคืนนี้ น่าจะวิ่งในกรอบ 1642-1661 ซึ่งในคืน วันก่อน gold spot ได้ปรับตัวลงไป แล้วจึงค่อยมาขึ้น หลังเที่ยงคืน และมาย่อตัวลงในช่วงเช้า ส่วนค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นระหว่างวัน 0.06 บาท ดังนั้นสรุป คิดว่าราคาทองยังคงเป็นทางขึ้นแต่ อาจจะมีการปรับฐานระหว่างวัน (ปรับเพื่อขึ้นต่อครับ) *** กรณีผมคาดผิด จุดสังเกต gold spot หลุด 1636 หรือ จุดสังเกต เพื่อเตือนให้ระวังคือ 1640-1642 กลยุทธ รอซื้อแถวแนวรับครับ

**** วันนี้ ไม่มีหุ้นต่อ เนื่องจากแผ่นดินไหว ผมคงต้องรีบกลับก่อนครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย




Read more »

Stock Focus,HEMRAJ11.Apr.2012.,

 

บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ)

ยอดขายที่ดินนิคมฯไตรมาสแรกสูง928ไร่(+197%)

ยอดขายที่ดินนิคมฯไตรมาสแรกสูงถึง 928ไร่(+197%yoy) คิดเป็น 55% ของเป้าขายที่ดินทั้งปี 1,700 ไร่ บวกกับ Backlog ในมือ 900 ไร่ กระจายฐานรายได้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้ สร้างโรงงานสำเร็จรูปและ
คลังสินค้าให้เช่า ขยายสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะ Gheco-One (HEMRAJ ถืออยู่ 35%) คาดจะเริ่มรับรู้รายได้เดือน พ.ค. สร้างกำไรต่อ HEMRAJ ปีละ 1,400 ล้านบาท ปรับประมาณการขึ้น เราประเมินรายได้ปี 2555 จะเติบโต33% สู่ระดับ 5,500 ล้านบาท และ จะมีกำไรสุทธิสูงถึง 2,193 ล้านบาท โต 309% ดังนั้น เราคงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 3.3 บาท
ยอดขายที่ดินนิคมฯไตรมาสแรกสูง 928ไร่(+197%yoy) : บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/55 มียอดขายที่ดินจำนวน 928 ไร่ เพิ่มขึ้น 197%จากช่วงเดียวกันของปี 2554 โดยมีจำนวนสัญญารวม 39 สัญญา แบ่งเป็นลูกค้าใหม่ 32ราย และเป็นการขยายโครงการของลูกค้าที่มีอยู่เดิม 7 ราย โดยในจำนวนนี้กว่า 60% มาจากนักลงทุนญี่ปุ่น และกว่า 33% มาจากกลุ่มยานยนต์
สร้างโรงานสำเร็จรูป และ คลังสินค้าให้เช่าเพิ่ม : พื้นที่การให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป ในไตรมาสที่ 1/55 เพิ่มขึ้น 13,694 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้น 9% จากยอดสะสมเมื่อสิ้นปี 2554 นอกจากนี้ ยังมียอดรวมพื้นที่จากการเช่าล่วงหน้าในปี 2555 อีก 14,000 ตารางเมตร และความต้องการด้านบริการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเปรียบเทียบกับ ไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 นอกจากนี้ การก่อสร้างเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 1 เฟสที่ 1 จะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการได้ในไตรมาสที่ 2/55 บริษัทจึงประมาณการว่าพื้นที่จากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปและโลจิสติกส์พาร์คจะเพิ่มขึ้น 60% จากยอดสะสมเดิม
Backlog 900 ไร่ และ ขายเพิ่มอีก 1,700 ไร่: ณ สิ้นปี 2554 HEMRAJ มี Backlog ที่ยกมาจากปีก่อนอีก 900 ไร่ มีมูลค่าสัญญาอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณ 70% และ ปีนี้ได้ปรับเป้าขายที่ดินเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 ไร่ จากเป้าเดิม 1,500 ไร่ โดยส่วนใหญ่จะขายในครึ่งปีแรกประมาณ 60-70% และ คาดจะใช้เวลาในการโอนประมาณ 4-6 เดือน
ปรับประมาณการและราคาเป้าหมายขึ้น และ คงคำแนะนำ ซื้อ: ประมาณการเดิมของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม และ ยอดขายที่ดินไตรมาสแรกที่สูงถึง 928 ไร่ คิดเป็น 55% ของเป้าทั้งปี ดังนั้น เราจึงปรับประมาณการเพิ่มขึ้น โดยเราประเมินยอดขายในปี 2555จะเติบโตโดดเด่น 33% สู่ระดับ 5,500 ล้านบาท (ต่ำกว่าที่ผู้บริหารประเมินจะมียอด รายได้ในปีนี้ 5,800 ล้านบาท) และ คาดจะทำให้มีกำไรสุทธิสูงถึง 2,193 ล้านบาท (กำไร ต่อหุ้น 0.23 บาท) เติบโต 309% โดยจะเป็นส่วนแบ่งกำไรจาก Gheco-One ประมาณ 830 ล้านบาท และ เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 3.3 บาท บนฐาน Forward P/E ปี 2555 เท่ากับ 14.50 เท่า ซึ่งเท่ากับ Forward P/E ของ AMATA เราคงคำแนะนำ ซื้อ
สุรชัย ประมวลเจริญกิจ

Read more »

Stock Focus,11.Apr.2012., 11.20

 

KBANK, SCB, TCAP, JAS, HMPRO

ตลาดต่างประเทศยังไม่ฟื้น รอดูวันนี้ไทยอาจฟื้นก่อน เลือกลงทุนแบงก์ก่อน

ตลาดหุ้นไทยทรุดตัวต่อเนื่องรวมกว่า 50 จุด ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา โดยทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,213 จุด และต่ำสุด 1,156 จุด วันนี้คาดว่าแนวรับสำคัญจะอยู่ที่ระดับของโลว์วานนี้ได้ และต้องพิจารณาสถานการณ์โดยรวมในต่างประเทศว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นได้หรือไม่ ตลาดยุโรปปรับตัวลง 2-3% หุ้นอิตาลีและสเปนดิ่งหนัก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของทั้งสองประเทศยังคงพุ่งขึ้น จากความวิตกเกี่ยวกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง 1.6%-1.8% ตลาดเอเชียเปิดทำการลบต่อในระดับที่แตกต่างกันไป ตลาดไทยเรายังมีลุ้นลบตามไม่มาก ให้แนวรับใกล้กับระดับวานนี้ที่ 1,156 บวก/ลบ หากเลือกการลงทุน เราเลือกลุ่มแบงก์มาก่อน สื่อสาร และพลังงานฯ เนื่องจากเรายังเห็นภาพใหญ่ของประเทศว่าจะมี Mega Trend ในหลาย Sector เช่น ICT, Energy รวมถึงภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชน เชื่อว่าแบงก์คือผู้ได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมมากที่สุด เราชอบ KBANK, SCB, TCAP ที่ปรับตัวลงวานนี้เป็นโอกาสซื้อ อีกทั้ง TCAP จะ XD 17 เม.ย.นี้ 0.70 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อรับปันผล ส่วนสื่อสาร เราแนะนำขายทำกำไรกลุ่ม Mobile Phone Operator ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาสูง และต้องลงทุนในภายหน้าอย่างมากเพื่อทำ 3G และ 4G โดยเราชอบ JAS, THCOM ในกลุ่มสื่อสารมากกว่า ADVANC, DTAC ส่วน INTUCH ยัง Undervalued ราคาปิดของ ADVANC และ THCOM วานนี้สะท้อนราคาหุ้น INTUCH เท่ากับ 66 บาท ส่วนหุ้นใหญ่ทั้ง PTT และ SCC รอดูก่อน PTT แข็งแกร่งด้าน Earnings ไตรมาส 1/55 กว่า SCC เพราะ PTTEP มีกำไรแข็งแกร่ง แต่มีประเด็นเรื่องการ Write-off การลงทุนในอียิปต์ เข้ามาเป็น Overhang ทำให้ยังไม่เลือกเข้าทั้ง PTT และ SCC แต่จะเลือก BANPU เพราะได้อ่อนตัวลงมาหนักจากหลายเรื่องแล้ว ราคา 580 บาท ลงมาเป็นระดับที่เข้าทยอยเก็บได้

ปัจจัยวันนี้

ยุโรป: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสเปนอายุครบกำหนดไถ่ถอน 10 ปี เพิ่มขึ้น สู่ระดับ 5.92% ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 5.94% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.54 ทั้งนี้ รัฐบาลสเปนได้ออกมาย้ำในคำมั่นที่จะปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณลง โดยย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการลดการใช้จ่ายราว 1 หมื่นล้านยูโร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 10 ปียังคงปรับขึ้น โดยทะยานขึ้นอีก 0.31% สู่ระดับ 5.67% ในขณะที่นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรเยอรมนี โดยราคาพันธบัตรเยอรมนีทะยานขึ้นเมื่อวานนี้ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปีร่วงลง 0.10% สู่ 1.637% ซึ่งใกล้กับจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.635%ซึ่งทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 อยู่ใกล้สถิติต่ำสุด
ครม.ขยายเวลาพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ออกไปอีก 4 เดือน กระทบด้านลบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ปิคอัพ และขยายเวลาการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ป.ตรี ขั้นต่ำ 15,000 บาท ออกไปเป็นปี 2557 นอกจากนี้ ครม.อนุมัติจัดซื้อแท็ปเล็ตให้กับนักเรียน ป.1 เพิ่มเติมให้กับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้อยู่ในโครงการ โดยการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มจำนวน 1 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นนักเรียนป. 1 จำนวน 8.5 แสนเครื่อง ครู 7 หมื่นเครื่อง ทั้งนี้จะมีการจัดหาเครื่องสำรองให้กับโรงเรียนทั้ง 3,600 แห่ง แห่งละ 2 เครื่อง ปัจจัยดังกล่าวจะเกื้อหนุนในทางอ้อมต่อผู้ประกอบการธุรกิจ Broadband Internet คือ JAS และ TRUE
วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

Read more »

Stock Focus,SCC,10.Apr.2012., 13.00


SCC 

Key Takeaway จากการพบผู้บริหาร

สรุป คาดผลประกอบการไตรมาส 1/55 จะยังอยู่ในระดับต่ำ และ ไม่ฟื้นตัวดีหนัก โดยประเมินจะมีกำไรสุทธิเพียงประมาณ 5,500 ล้านบาท เทียบกับ 3,201 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน และ 9,207 ล้านบาท ในปีก่อน เนื่องจาก ถูกกระทบจาก สเปรดในธุรกิจปิโตรเคมีที่ตกต่ำหนัก และ ธุรกิจกระดาษ ที่ถูกกระทบจากภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติ ในขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ และ วัสดุก่อสร้างเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดี ผลประกอบการไตรมาสแรกที่น่าผิดหวังดังกล่าว จะเป็นแรงกดดันในด้านลบต่อราคาหุ้น เราจึงแนะนำ ซื้อ ในช่วงอ่อนตัว โดยเรายังมอง SCC มีศักยภาพที่จะเติบโตในระยะยาว จากมีเงินสดและกระแสเงินสดสูง มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่ผู้นำในภูมิภาคอาเซียน
ธุรกิจปิโตรเคมี สเปรด PE-Naphtha ในไตรมาส 1/55 ลดลงเหลือเพียง $376/ton เทียบกับ $441/ton ในไตรมาสก่อน และ PP-Naphtha ลดลงเหลือเพียง $412/ton เทียบกับ $535/ton ในไตรมาสก่อน ส่วนบริษัทร่วมทุนซึ่งทำธุรกิจ PTA, MMA ก็มีสเปรดที่ทรุดลงหลัก ยกเว้น Butadiene ที่มีสเปรดดี โดยธุรกิจปิโตรเคมีมีสัดส่วนกำไรประมาณ 38% จึงเป็นธุรกิจสำคัญที่ฉุดผลประกอบการในไตรมาสแรก
ธุรกิจปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง จะมีผลการดำเนินงานที่ดี จากความต้องการปูนซีเมนต์ในไตรมาสแรกที่เติบโตประมาณ 5% และ ราคาขายเฉลี่ยปูนซีเมนต์ที่ปรับขึ้นเล็กน้อยประมาณ 30-50 บาท/ตัน โดยธุรกิจปูนซีเมนต์ และ วัสดุก่อสร้างปกติไตรมาสแรกจะเป็นช่วงไฮซีซั่น
ธุรกิจกระดาษ กระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆยังถูกกระทบจากภาคการผลิตที่ยังไม่กลับมาผลิตเต็มที่ ทำให้ผลประกอบการ จะยังยังไม่ฟื้นตัวโดดเด่นจากไตรมาสสี่ และจะทรุดลงจากปีก่อนหนัก แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีคาดจะปรับตัวดีขึ้น โดยสเปรดปิโตรเคมีที่ตำกว่าจุดคุ้มทุนของหลายโรงงาน ในไตรมาสแรก ทำให้บางโรงงานมีการลดกำลังการผลิตลง ทำให้ปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น คือ PE-Naphtha ขึ้นมาที่ 417 เหรียญ/ตัน และ PP-Naphtha ขึ้นมาเป็น 452 เหรียญ/ตัน ซึ่งคาดจะทำให้ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีปรับตัวดีขึ้น ธุรกิจกระดาษ โดยเฉพาะกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในช่วงที่เหลือของปี คาดจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากโรงงานต่างๆได้กลับมาผลิตในระดับปกติมากขึ้น จึงทำให้มีความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์มากขึ้น
ยังตั้งเป้าจะลงทุน 150,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีนี้ จากปัจจุบันมีเงินสดในมือ และกระแสเงินสดสูง เน้นการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน คาดจะช่วยหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
By Surachai Pramualcharoenkit

Read more »

Tuesday, April 10, 2012

Stock Focus,PTTEP,10.Apr.2012., 17.00

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิต (มหาชน) (PTTEP)

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ดีต่อเนื่อง 1.5 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 1/55 ปริมาณขายก๊าซธรรมชาติยังทรงตัวระดับ 255,000 บาร์เรลต่อวัน มีการผลิตออกจากแหล่งผลิตใหม่ ในขณะเดียวกันก็มีการลดกำลังการผลิตของ แหล่งผลิตเดิม เนื่องจากมีช่วงเวลาในการซ่อมบำรุง แต่ส่วนที่โดดเด่นมากสำหรับไตรมาสนี้ คือราคาขายก๊าซธรรมชาติทำสถิติสูงสุดขึ้นมาถึง 7 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู และยังคงปรับตัวขึ้นต่อในไตรมาส 2/55 มาอยู่ราว 7.1 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียูได้อีก ซึ่งสวนทางกับราคาก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ที่ราคาร่วงไปอยู่ราว 2.5-3.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นผลจากการมี Shale Gas มากในแหล่งสหรัฐฯ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับในประเทศไทย เราเชื่อว่า 2-3 ปีข้างหน้าเป็นช่วงที่กำไรของ PTTEP ยังเติบโต และกลยุทธ์การดำ เนินธุรกิจกำ ลังรุกคืบไปสู่การทำ Unconventional มากขึ้น เราจึงยังคงแนะนำซื้อ PTTEP ราคาเป้าหมาย 209 บาท
  • คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 15,235 ล้านบาท: +38.8% YoY และ +0.6% QoQ คาดการณ์กำลังการผลิตในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 2% QoQ เป็น 255,865 บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่284,000 บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ แต่ที่ดีมากสำหรับไตรมาสนี้ คือราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน เราคาดการณ์ค่าเฉลี่ยราคาก๊าซ ไตรมาสนี้ที่ 7 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู และคาดการณ์ราคาปิโตรเลียมเฉลี่ยเท่ากับ 64.58 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล +30.8% YoY หรือ +5.4% QoQ เป็นราคาที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยเป็นราคาที่ดีกว่าในช่วงน้ำมันดิบมีค่าเฉลี่ยที่ 116 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/51 ราคาผลิตภัณฑ์ช่วงนั้นก็ยังสูงเพียง 54 เหรียญฯ เท่านั้น
  • ปริมาณการผลิตในปี 2555 คาดการณ์ไว้ 284,000 บาร์เรลต่อวัน: แม้ว่าในไตรมาส 1/55 จะมีการหยุดผลิตที่แหล่งอาทิตย์เหนือไปแล้ว 120 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน และมีหยุดซ่อมบำรุงในบางแหล่งผลิตเป็นระยะสัปดาห์ แต่เราเชื่อว่าแหล่งผลิตที่จะทำให้ปริมาณการผลิตของ PTTEP เพิ่มขึ้นมาได้จะมาจากแหล่ง KKD ในคานาดา ซึ่งยังคงเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่องนับจากสิ้นปี 2554 ผลิตได้ 15,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นได้เป็น 20,000 บาร์เรลต่อวัน แหล่งบงกชใต้ ที่เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นได้รวม 320 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน ในปี 2555 แหล่งเวียดนาม 16-1 ผลิตได้เพิ่มเป็น 32,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่ไตรมาส 4/54
  • ประเมินมูลค่าเหมาะสม 209 บาท: เราใช้สมมติฐานราคาน้ำมันปี 2555 ที่ 100 เหรียญฯ และค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 30.7 บาทต่อเหรียญ ฯ กำไรสุทธิปี 2555-2557 คาดว่าเพิ่มขึ้น 12%, 21% และ 13% YoY แสดงให้เห็นว่าสามปีข้างหน้านี้ PTTEP เข้าสูงGrowth Stage อีกครั้ง หลังจากกำไรย่ำฐานที่ไตรมาสละ 10,000 ล้านบาทติดต่อกัน 4-5 ปี (ยกเว้นปีที่มีอุบัติเหตุที่มอนทารา) เราเชื่อว่า PTTEP เป็นหุ้นที่เหมาะสมจะซื้อลงทุนรับกับกระแสที่บริษัทพลังงานทั่วโลกหันเหจากการทำธุรกิจดาวน์สตรีมไปสู่อัพสตรีม เรากำหนดราคาเป้าหมาย PTTEP ที่ 209 บาท (วิธี DCF ถึงปี 2562 ค่า WACC ที่ 7.5% Long-term Growth 1%)ธุรกิจ Conventional ที่ PTTEP ดำเนินการอยู่ยังให้ภาพรวมในการสร้าง EBITDA Margin ได้ราว 70% ทั้งนี้เราเชื่อว่าปี 2555 เป็นต้นไป PTTEP จะมีส่วนผสมของธุรกิจ Unconventional เข้ามาเพิ่ม ได้แก่ Oil Sands และ LNG ซึ่งในส่วนเหล่านี้ EBITDA Margin คงน้อยกว่าธุรกิจเดิมเป็น ธรรมชาติอยู่แล้ว อย่างเช่นกรณีของ Oil Sands ก็จะมี EBITDA Margin ราว 35% แม้จะน้อยกว่าเดิมแต่ก็ยังมากกว่าธุรกิจที่ไม่ใช่ E&P ซึ่งมักมี IRR ต่ำกว่า 20% เป็นปกติ ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าแนวทางที่ PTTEP กำลังเดินทางหาธุรกิจใหม่ที่เป็น Unconventional มาเพิ่ม น่าจะเป็น Direction ที่ถูกต้องแล้ว แม้จะทำให้ EBITDA Margin ในอนาคตลดลง แต่จะทำให้ฐาน EBITDA และกำไรสุทธิใน Bottom Line เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง ExxonMobil ของสหรัฐฯ ก็พยายามขายเงินการลงทุนในธุรกิจดาวน์สตรีม เพื่อเตรียมเข้าอัพสตรีมเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่แนวโน้ม ของโลกธุรกิจ Unconventional ก้าวเข้ามากินสัดส่วนของ Conventional เพิ่มมากขึ้นเป็น 29% ในปี 2554 เราจึงมองว่าแนวโน้มธุรกิจพลังงาน ประเภท E&P กำลังก้าวจาก Conventional เข้าไป Unconventional และเกิดการบูมก่อนเห็นการบูมอย่างชัดเจนของ Renewable Energy
  • by วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

    Read more »

    Stock Tomorrw,10.Apr.2012.,17.35


    SupportResistance           Now
    SIMAT                2.52                 2.72               2.6
    TIES 0.60.64-0.680.62
    EMC1.72-1.751.85-1.941.78

    Comment: ตลาดวันนี้ปิดที่ 1165.61 ลบ 16.80 ปริมาณซื้อขาย 25012.52 ล้านบาท หุ้นที่ให้หลบตัวใหญ่ ก็ สามารถเล่นตามแนวรับแนวต้านครับ



    Read more »

    Stock Trend,10-12. Apr.55.

     

    แนวโน้มตลาดในสัปดาห์นี้ (10-12 เม.ย.)

    ซึ่งมีวันทำการเพียง 3 วัน และ จะหยุดยาวอีก 4 วัน ในเทศกาลสงกรานต์ คาดจะทำให้นักลงทุนชะลอ ตัวการซื้อขาย คาดจะทำให้ตลาดเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางลง เรามีมุมมองตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของเดือน เม.ย. มีแนวโน้มจะเข้าสู่ช่วงของการแกว่งตัวปรับฐาน โดยบริเวณ Forward P/BV เท่ากับ 2.01x ซึ่ง
    เป็นกลุ่ม Peak ของ P/BV ในอดีต หรือ SET บริเวณ 1200-1229 จะผ่านค่อนข้างลำบาก ทำให้ตลาดมีความผันผวนเมื่อขึ้นไปทดสอบบริเวณดังกล่าว โดยมีตัวแปรที่จะทำให้ตลาดในช่วงที่เหลือของเดือน เม.ย. เข้าสู่ช่วงของการแกว่งตัวปรับฐานคือ 1.) การเลือกตั้งในฝรั่งเศส สองรอบ คือ วันที่ 22 เม.ย. และ วันที่ 6 พ.ค. ปัจจุบันนาย ฮอลลองด์ มีคะแนนนำ ซาร์โกซี ซึ่งจะมีผลในแง่ การควบคุมงบประมาณของฝรั่งเศส เพื่อให้เป็นตามข้อกำหนด และ การที่นายฮอลลองด์ มีคะแนนนำทำให้ตลาดกังวลที่ฝรั่งเศสจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และ อาจจะมีผลต่อการใส่เงินของเยอรมนีที่จะเข้ากองทุนในอนาคต 2.) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐวันที่ 24-25 เม.ย. มีแนวโน้มจะต่อ Operation Twist และ หรือมี Mortgage Back Securities Buying กรณีนี้จะทำให้เงินออกจากหุ้นไปสู่พันธบัตร และ ตัวแปรที่สำคัญ อีกประการคือ การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของจีน ในวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งตลาดคาดจะชะลอตัวลงเหลือ 8.4% จากไตรมาสสี่ 8.9% ถ้าลงไปต่ำกว่าคาดมากอาจจะเกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ คาดการณ์กรอบดัชนีสัปดาห์นี้: 1,160-1,200 จุด SET Index ณ ,182.41 จุด สัปดาห์นี้เราจึงเลือกหุ้น AMATA, CPF, TOP
    AMATA (ซื้อ : ราคาเป้าหมาย 21 บาท): ผู้บริหาร AMATA ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 6-7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 4 พันล้านบาท โดยไตรมาสแรก บริษัทมียอดขายที่ดินเกือบ 1 พันไร่ ทำให้มั่นใจว่า ยอดขายปีนี้จะได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 3 พันไร่ สำหรับยอดขาย นิคมฯ ไทย-จีน หรือบริษัท ไทยจีนอุตสาหกรรมระยองเซอร์วิส ที่บริษัทได้ร่วมทุน กับบริษัทโฮลลี (HOLLY) ของจีนพัฒนาในพื้นที่ของนิคมฯ อมตะซิตี้จำนวน 1 พันไร่ ในสัดส่วน 51% : 49% ก็มีโอกาสที่จะขยายพื้นที่พัฒนาเป็น 2 พันไร่ ทำให้แนวโน้มปีนี้มีโอกาสจะปรับเป้าเพิ่มขึ้น นอกจากนนี้ AMATA ยังสนใจที่จะเข้าลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศพม่า โดยโอกาสการลงทุนอยู่ที่ทวายแต่จะศึกษาข้อมูลก่อน 3-4 ปี ซึ่งในการลงทุนเบื้องต้นนั้น คาดใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 200 ล้านดอลลาร์ แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้และปีหน้า คาดจะเติบโตโดดเด่น ดังนั้น เราคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 21 บาท
    CPF (ซื้อ : ราคาเป้าหมาย 45 บาท): ธุรกิจในจีนและเวียดนามของ CPP Hong Kong ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับต้น ๆ ในธุรกิจอาหาร สัตว์และฟาร์มเลี้ยง โดยเราคาดว่า CPF จะใช้เป็นฐานในการต่อยอดไปยังธุรกิจอาหารพร้อมรับประทานที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะ ช่วยให้ Gross Margin ปรับตัวดีขึ้นมาใกล้เคียงกับ CPF นอกจากนี้ สหภาพยุโรปอนุมัตินำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งจากไทย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 2 ก.ค.55 เป็นต้นไป จะส่งผลบวกต่อ CPF เราชอบ CPF ที่สุดในกลุ่มอาหาร เพราะมีค่า PEG ต่ำที่สุด จึงยังแนะนำซื้อ กำหนดราคาเหมาะสม เท่ากับ 45 บาท
    TOP (ซื้อ : ราคาเป้าหมาย 85 บาท): ปี 2555 คาดว่า TOP มี Upside มากในส่วนของธุรกิจการกลั่น เราคาดการณ์ค่าการกลั่นเฉลี่ยใน ปี 2555 เท่ากับ 7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เฉพาะธุรกิจการกลั่นในไตรมาส 1/55 ถือว่าทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยคือ Real GRM+Stock Gain ทำได้ แล้ว 8 เหรียญฯ เราคาดว่าสเปรดพาราไซลีนทรงตัวในระดับที่ดีจะหนุนกำไรช่วง 1H55 ดี แนะนำซื้อ TOP ให้มูลค่าเหมาะสม 84 บาท อิงค่าPER ในปี 2555 ที่ 10 เท่า เลือกใช้วิธีนี้แทนที่จะใช้วิธี DCF ซึ่งได้มูลค่า 91 บาท เนื่องจากลักษณะของกำไรเข้าในแต่ละปี และแต่ละไตรมาสยังไม่สม่ำเสมอ มีความเป็นคอมมอดิตี้สูง (ทำให้กำไรผันผวน) แต่ปันผลจูงใจ ในระดับ 5% ต่อปี

    Read more »