BANPU, PTT, TOP, PTTGC
Super Concern ภาพ Macroeconomics
แม้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาวิกฤติหนี้สินของประเทศกรีซหลังรัฐบาลกรีซประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นภาคเอกชน ส่งผลให้กรีซจะได้รับเงินจากแผนช่วยเหลือกรีซฉบับ 2 มูลค่า 130 พันล้านยูโร จากสหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟ ก่อนที่จะครบกำหนดชำระหนี้ได้อาจจะในวันที่ 20 มี.ค.นี้ซึ่งถือเป็นข่าวบวกทาง Sentiment แต่ขณะนี้ทั่วโลกน่าจะเริ่มจับตามองปัญหาการขาดดุลการค้าของจีน และอีกหลายประเทศที่อาจจะได้รับผลกระทบหากเศรษฐกิจจีนเริ่มเติบโตไม่สูงเหมือนอดีต ไทยก็เป็นประเทศสำคัญที่จะได้รับผลกระทบนี้ค่อนข้างมากในหลายสินค้า โดยเฉพาะที่เป็นคอมมอดิตี้ อีกทั้งข่าวการขาดดุลงบประมาณในประเทศสำคัญในยุโรป ระยะใกล้นี้คาดว่าจะเป็นสเปน โดยอาจไม่สามารถปรับลดการขาดดุลงบประมาณลงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในปี 2555 ณ ระดับ 4.4% GDP (ล่าสุดคาดว่าได้เพียง 5.8% จากปี 2554 ที่สูง 8.5%) นอกจากนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 13 มี.ค.ซึ่งเราเชื่อว่ารอบนี้ก็ยังเร็วไปที่สหรัฐฯ จะพิจารณาให้มี QE3 ส่วนการประชุมของ ธปท.วันที่ 21 มี.ค.คาดว่าน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3% ตลาดรวมคาดว่าเชื่อว่ายังแข็งแกร่งทางด้านพื้นฐานของตัวบริษัท หรือภาพ Microeconomics แต่ภาพ Macroeconomics จะเป็นปัจจัยลบที่ถ่วง กลยุทธ์การลงทุน ยังอาจต้องใช้วิธีหุ้นดีราคาตกตั้งรับการเข้าซื้อ เช่น TOP, PTTGC ที่ต่ำกว่า 68 บาท BANPU ถึงแนวรับ 608-620 บาท ที่ให้แล้ว ควรทยอยซื้อกลับในโซนดังกล่าว วันนี้จึงเน้นซื้อเพื่อรอการดีดกลับขึ้นได้เนื่องจากพื้นฐานหุ้นเหล่านี้ไม่ได้เสียไปแต่อย่างใด
(0) STA: อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2554 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 640 ล้านบาท โดย 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสุทธิของบริษัทที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคล (BOI) และ 0.44 บาทต่อหุ้น เป็นเงินปันผลที่จ่ายจากกาไรของกิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 30% ของกำไรสุทธิ คิดเป็น Payout Ratio 48% เป็นการจ่ายพิจารณาตามหน้างบกำไรขาดทุนร่วมกับการพิจารณากระแสเงินสด แต่ถือว่าบริษัทยังเก็บกระแสเงินสดไว้(เพราะเราประเมินว่าแม้งบกำไรขาดทุนแย่แต่กระแสเงินสดดีมาก) อย่างไรก็ตามถือว่าจ่ายมากกว่านโยบายปันผลของบริษัทที่ 30% กำไรสุทธิ ในปี 2555 หากใช้มาตรฐานเดียวกันคาดว่าจ่ายในระดับ 0.75-1.00 บาท เรายังเชื่อว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/55 จะพลิกกลับเป็นบวก ประมาณ 1,600-1,800 ล้านบาท (เป็นกำไรพิเศษบวกกลับรายการทันที 870 ล้านบาท) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท
(-)พลังงาน-ปิโตรเคมี: ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับลดลง 1.06 เหรียญฯ มาปิดที่ 106.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับลดลง 0.64 เหรียญฯ ปิดที่ 125.34 เหรียญฯ มีแรงขายทำกำไรในตลาดน้ำมัน หลังนักลงทุนกังวลตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีทั้งจีนและอิตาลี โดยจีน รายงานตัวเลขดุลการค้าประจำเดือน ก.พ. ขาดดุลการค้ากว่า 31,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจีนจะขาดดุลการค้าที่ 4,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยตัวเลขการนำเข้าพุ่งขึ้นกว่า 39.6% YoY ขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นเพียง 18.4% YoY ผลดังกล่าวเพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่มีแนวโน้มชะลอความร้อนแรงลง อิตาลี ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4/54 หดตัวกว่า 0.7% ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง หลังจากในไตรมาส 3/54 เศรษฐกิจอิตาลีติดลบไปกว่า 0.2% ผลจากการที่ GDP ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจอิตาลีเข้าข่ายภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ (Economic Recession) เหตุดังกล่าวคาดว่าเป็นปัจจัยที่ตอกย้ำสิ่งที่เราเตือนไว้ก่อนหน้านี้ให้ระมัดระวัง Commodity และให้ปรับเปลี่ยนหุ้นลงทุนในกลุ่ม จากที่มีความเป็น Commodity และอิงกับสเปรดค่อนข้างสูง เช่นโรงกลั่น TOP, BCP, PTTGC, IRPC รวมถึงกลุ่มถ่านหินเช่น BANPU
by Vajiralux Sanglerdsillapachai