Wednesday, February 8, 2012

Stock Focus,STA,8,FEB,2005., 9.41

STA ประเด็นสำคัญที่เราได้รับจากการพบผู้บริหาร คือคาดว่าไตรมาส 4/54 ผลประกอบการที่ออกมาอาจจะแย่กว่าที่เราคาดไว้เดิมว่าจะยังคงเหลือกำไร 39 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผลขาดทุนในไตรมาสนี้ แต่ไตรมาส 1/55 เราพบว่ากำลังการผลิตที่เตรียมรองรับรวมประมาณ 1.00-1.15 ล้านตันเริ่มผลิตได้เกือบเต็มที่เต็มกำลังการผลิต อีกทั้งราคายางปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจาก 3 เดือนก่อนสิ้นปี 2555 แม้จะยังไม่มั่นใจว่านโยบายที่ภาครัฐออกมาประกันและชี้นำราคายางพาราที่ 120 บาท ต่อ กก. จะทำให้ราคายางยืนสูงได้จริง แต่ดีมานด์โดยรวมเริ่มกลับมา มีเพียงในจีน ซึ่งยังคงมีสต๊อกยางเก่าราคาราว 4 เหรียญฯ ต่อ กก.ค้างอยู่จำนวนหนึ่ง คาดว่าจะหมดไปได้ราว 1-2 เดือนข้างหน้า และอาจเริ่มซื้อสต็อกเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้อุตสาหกรรมยางรถยนต์ ก็จะดีขึ้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์ STA มีเป้าหมายการปลูกยางให้ได้ 50,000 ไร่ในปี 2014 แต่ปัจจุบันเริ่มปลูกไปราว 10,000 ไร่ แต่ยังไม่ได้ผลผลิตต้องรออีกราว 5 ปี (จะกรีดยางได้ต้องรออายุ 7 ปี) ซึ่งเราเชื่อว่า Gross Margin ของ Plantation สูงในระดับราว 30% ขึ้นไป (ต้นทุนรวมการจ้างกรีดยาง 80 บาท กก.) การบันทึกบัญชีของสวนยาง จะสร้างมูลค่าเพิ่มต่อ Book Value ในอนาคตของ STA อย่างมีอัตราการเติบโต เราจึงเห็นควรให้มองข้ามผลประกอบการรายไตรมาส โดยเฉพาะไตรมาส 4/54 ที่ไม่สดใส และคาดว่าพ้นปี 2555 เป็นต้นไป แผนของบริษัทในการเพิ่มกำลังการผลิต และการก้าวสู่ธุรกิจ Plantation (ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่นอินโดนีเซีย และพม่า) จะสร้างมูลค่าเพิ่มแก่กิจการ เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายคงเดิม 28 บาท โดยเรายังยึดสมมติฐานราคายางพาราเฉลี่ยปี 2555 ที่ 112 บาท ต่อ กก.(ยางแท่ง 120 บาท ต่อ กก.)

By  Vajiralux Sanglerdsillapachai

0 comments:

Post a Comment