Tuesday, February 21, 2012

Investment strategy,ลงทุนอย่างเซียน

    บทความนี้ได้มาจากน้องท่านหนึ่งที่ใจดีให้มาต้องขอขอบคุณที่แบ่งบันสิ่งที่ได้อ่านมาจากหนังสือ บัญเอิญ ผมได้มีโอกาสเข้าไปฝังจึงขออนุญาตินำมาลงใน blog เพื่อให้เพื่อนๆ ใช้ในการปรับปรุงการลงทุนขอ เพื่อน ให้ชนะ บ่อยขึ้น และ รวยๆ กันทุกๆ คน *** หนทางยังยาวไกล สำหรับการหาความรู้เพื่อเผชิญกับ ตลาดทุกรูปแบบ


    สำหรับโซรอสเขากล่าวว่า ‘การขาดทุนไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินถอยหลังกลับไปสู่จุดต่าสุดของชีวิตอีกครั้ง’ Buffet–1. Never lose money 2. Never forgot rule no.1 Soros –survive first and make money afterward.
  • เป้าหมายของพวกเขา คือ ต้องให้แน่ใจเท่านั้นจึงจะลงทุน เค้าจะไม่ลงทุนในสิ่งที่เขาไม่รู้ ดังคากล่าวของคุณปู่ที่ว่า “Risk comes from not knowing what you’re doing
  • 1.) จงรักษาเงินต้นไว้ให้ได้เสมอ ข้อนี้สาคัญที่สุด
  • 2) มุ่งมั่นที่จะลดความเสี่ยง
  • 3) สร้างปรัชญาการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ปรัชญาในการลงทุนของบัฟเฟตต์ คือ ประเมินคุณค่าให้ได้ และมองให้ออกว่า กิจการไหนมีลักษณะที่น่าลงทุน
  • 4)รู้ว่าจะซื้อจะขายตอนไหน ในการเลือกหุ้น หาจังหวะเข้าซื้อและขาย ตัวอย่างเกณฑ์ในการลงทุนของบัฟเฟตต์ ยิ่งคุณมีหุ้นกระจัดกระจายมากเท่าไร เราก็ยิ่งทุ่มเทกับหุ้นที่เรามีได้น้อยลงเท่านั้น
  • 5-6)วิธีที่จะทำให้เงินทวีคูณขึ้น คือ ขจัดภาระเรื่องภาษีและค่าใช้จ่ายในการทาธุรกรรมออกไปให้ได้
  • 7) จงลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจเท่านั้น บัฟเฟตต์พูดไว้ว่า “สิ่งสาคัญที่สุดของขอบข่ายแห่งความชานาญไม่ได้อยู่ที่ว่ากว้างขวางขนาดไหน แต่อยู่ที่ว่าคุณขีดวงล้อมของมันได้ชัดเจนเพียงใดต่างหาก”  มันก็เหมือนกับการที่คุณเข้าใจและสร้างผลตอบแทนได้ดีจากอสังหาริมทรัพย์ แต่พอเห็นว่าสินค้าโภคภัณฑ์บูม ก็เอาเงินไปลงทุนตามคนอื่นแล้วขาดทุนนั่นแหละ
  • 8) จงปฏิเสธที่จะลงทุนในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์ในการลงทุนของคุณ บัฟเฟตต์และโซรอสสร้างขอบข่ายแห่งความชานาญของตัวเอง ด้วยการตอบคาถามเหล่านี้ คือ ฉันสนใจอะไร, ฉันรู้อะไรในตอนนี้, และ อะไรที่ฉันอยากรู้แต่ยังไม่รู้คุณต้องตอบคาถามนี้ให้ได้ก่อน จึงจะหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการลงทุนของตัวเองได้
  • 9) จงทาวิจัยด้วยตัวเอง มองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆให้สอดคล้องกับเกณฑ์ในการลงทุนของตัวเองอยู่เสมอ และเอาจริงเอาจังกับการวิจัยหาข้อมูลด้วยตัวเอง แล้วชอบที่จะฟังเฉพาะนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ผู้มีเหตุผลอันลึกซึ้งควรค่า แก่การนับถือ บัฟเฟตต์ บอกว่า เคยใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือนเพื่อนับจานวนรถจักรที่วิ่งไปมาบนทางรถไฟใน แคนซัส O_o แต่เขากลับไม่ได้ซื้อหุ้นบริษัทรถไฟ กลายเป็นว่าไปสนใจหุ้นของบริษัทที่ผลิตแก๊สโซลีนเพื่อใช้กับหัวรถจักรแทน และซื้อหุ้นของบริษัทแก๊สแทนรถไฟ ในกรณีนี้บัฟเฟตต์ลงทุนลงแรงทาภาคสนามด้วยตัวเองเลย เขาจึงลงทุนได้ด้วยความมั่นใจ และรู้ข้อมูลที่นักลงทุนคนอื่นๆนอกบริษัทไม่รู้อีกด้วยยย
  • 10) จงอดทนอย่างไม่สิ้นสุด
  • 11) จงทาทันที ลงมือทันที เมื่อตัดสินใจดีแล้ว เมื่อเขายังไม่เจอการลงทุนที่สอดคล้องกับเกณฑ์ของตัวเอง เขาก็มีความอดทนพอที่จะรอไปอย่างไม่มีกาหนดจนกว่าจะเจอ “คุณไม่ได้เงินจากการทาโน่นทานี่หรอกครับ คุณได้เงินจากการทาสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก” บัฟเฟตต์กล่าวในการประชุมประจาปีกับผู้ถือหุ้น
  • 12) อยู่กับการลงทุนที่ทาให้ได้รับชัยชนะ
    • กลยุทธ์ในการออก :

      1) ออก เมื่อโดนแหกกฎ
    • 2) ออก เมื่อเหตุการณ์ที่คาดไว้ได้เกิดขึ้นแล้ว
    • 3) ออก เมื่อบรรลุเป้าหมายตามระบบแล้วหรือราคาไปถึงเป้าหมายแล้ว 4) ออก เมื่อระบบส่งสัญญาณมา นิยมในหมู่นักเทคนิค
    • 5) ออก ตามกฎที่ตั้งไว้ เช่น พอราคาถึงจุดหนึ่งก็จะขาย หรือขายทันทีเมื่อขาดทุน 10 เปอร์เซ็นต์ หรือจุดที่เราตั้งไว้
    • 6) ออก เมื่อรู้ตัวว่าได้ทาผิดพลาดไปแล้ว จนกว่าเหตุผลสมควรให้ขายที่คิดไว้ล่วงหน้าจะอุบัติขึ้น
  • 13) จงทาตามระบบของคุณด้วยความศรัทธา ไม่มีการเปลี่ยนเกณฑ์การลงทุน หรือลดเป้า เพื่อปลอบใจตัวเองว่าฉันทาถูกแล้ว
  • 14) ยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขทันที เมื่อความผิดพลาดนั้นปรากฏชัด ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็แค่ขาดทุนเล็กน้อย
  • 15) เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นประสบการณ์ ฟิชเชอร์ กล่าวว่า “การทบทวนความผิดพลาด อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการระลึกถึงแต่ความสาเร็จซะอีก”
  • 16) ลงทุนลงแรง เมื่อประสบการณ์เพิ่มขึ้น ผลตอบแทนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทาให้ใช้เวลาน้อยลงเพื่อทาเงินได้มากขึ้น เพราะได้ลงทุนลงแรงไปแล้ว
  • 17) ไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทา เช่นเดียวกับ โซรอส ที่ไ่่ม่เคยเปิดเผยความเคลื่อนไหวของตัวเองให้ใครรู้ เพราะถ้าคนอื่นรู้ว่าเขาทาอะไรอยู่ก็จะแห่กันเข้าไปซื้อหุ้นตัวนั้น และราคาก็จะสูงขึ้น ทาให้ต้นทุนของเขาสูงขึ้นไปน่ะสิ แทบจะไม่บอกใครเลยว่าตัวเองทาอะไรอยู่ ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับการลงทุนของเขา จะบอกทาไม ในเมื่อบัฟเฟตต์รู้ตัวดีว่าตัวเองทาอะไรอยู่ ไม่จาเป็นต้องให้ใครมาช่วยยืนยันการตัดสินใจแต่อย่างใด
  • 18) รู้วิธีเป็นผู้นา
  • 19) จงใช้ชีวิตต่ากว่าฐานะของคุณ ถ้าคุณไม่รู้คุณค่าของเงิน คุณย่อมไม่รู้จักเก็บออมเงินทองที่หามาได้
  • 20) ก้าวให้พ้นเรื่องเงิน นักลงทุนชั้นเซียนทางานที่ทาอยู่ เพราะงานนั้นทาให้กระชุ่มกระชวยและเติมเต็มชีวิตของเขา ไม่ใช่ทางานเพื่อเงิน ถ้าคุณมีแรงบันดาลใจในการทาสิ่งนั้น เงินทองที่คุณทาได้ในระหว่างไล่ล่าเป้าหมาย จะเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นเอง นักลงทุนชั้นเซียนจะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบบางส่วนหรือทั้งหมดให้กับคนอื่น สาหรับบัฟเฟตต์แล้ว ทุกๆการลงทุน คือ การกระจายงาน เขาจะระลึกเสมอว่า เขากาลังเอาอนาคตของเงินของตัวเองไปให้คนอื่นดูแล และเขาจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับคนที่เขาไว้ใจและนับถือเท่านั้น การใช้เงินนั้นง่ายมากๆ ใครก็ทาได้ แต่หาเงินสิยากกว่านี่คือเหตุผลที่ว่าทาไมการใช้ชีวิตต่ากว่าฐานะของตัวเองจึงเป็นทัศนคติที่เป็นรากฐานของความสาเร็จของบัฟเฟตต์และโซรอส
  • 21) กระบวนการ นักลงทุนชั้นเซียน จะผูกพันกับกระบวนการในการลงทุน
  • 22) หายใจเข้า-ออก เป็นการลงทุนตลอดเวลา เรื่องเล่าของบัฟเฟตต์ : เย็นวันหนึ่ง บัฟเฟตต์และซูซาน ไปกินอาหารเย็นที่บ้านเพื่อน ที่เพิ่งจะกลับมาจากอียิปต์ หลังจากทานข้าวเสร็จ เพื่อนก็เตรียมสไลด์รูปภาพไว้ให้ดู แต่บัฟเฟตต์กลับบอกว่า “เอางี้ไหม คุณเปิดสไลด์ให้ซูซานดู ส่วนผมขอเข้าไปในห้องนอนของคุณ เพื่ออ่านรายงานประจาปีแล้วกัน” สามารถปฏิเสธหรือล้มเลิกการลงทุนใดๆได้ง่ายๆ // สิ่งที่เหมือนกันในบรรดาที่เป็นคนสุดยอดในแนวทางของตัวเองก็คือ พวกเขาถูกผลักดันจาก กระบวนการกระทา // การลงทุนสาหรับนักลงทุนชั้นเซียนก็เหมือนการวาดภาพของจิตรกร ซึ่งบางคนอาจชอบวาดภาพด้วยสีน้ามัน สิ่งที่เขารักคือ การ ‘วาดภาพด้วยสีน้ามัน’ แต่เข้าไม่ได้รัก ‘สีน้ามัน’
  • 23) เอาเงินของคุณใส่ลงไปด้วย ทั้งบัฟเฟตต์และโซรอส ต่างก็เอาเงินใส่ลงไปในการลงทุนที่ตัวเองบริหารจัดการอยู่ ด้วยเหตุผลเดียวกับที่นักธุรกิจที่ประสบความสาเร็จทุกคน ต่างก็มีสินทรัพย์ผูกติดอยู่ในธุรกิจที่ตัวเองทา การลงทุนของพวกเขา คือ ลงทุนในสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าจะทาเงินได้ และนั่นคือ สิ่งที่เขารักนั่นเอง
  • 24) พัฒนาระบบที่มีความเหมาะสมเข้ากับนิสัยของตัวเอง - ผมเข้าใจธุรกิจนี้หรือไม่ - ธุรกิจนี้มีสถานะทางเศรษฐกิจที่น่าดึงดูดใจหรือไม่ - สถานะทางเศรษฐกิจที่น่าดึงดูดใจนั้นมีความยั่งยืนหรือไม่ - ผู้บริหารจัดสรรเงินทุนอย่างเป็นเหตุผลหรือไม่ - ผมอยากเป็นเจ้าของธุรกิจนี้หรือไม่ หากมีทีมผู้บริหารชุดนี้ - บริษัทให้ผลตอบแทนต่อผู้เป็นเจ้าของสูงกว่าค่าเฉลี่ยหรือไม่ - ผมชอบราคานี้หรือไม่ :วัดจากกาไรที่คาดว่าบริษัทจะสามารถทาได้ในอนาคต
  • 25) การกระจายการลงทุนเป็นเรื่องของพวกกระจิบกระจอกเท่านั้น
  • 26) ให้ความสาคัญกับผลตอบแทนหลังหักภาษี
By Wattanachai Keawrue

อ่านต่อ กด ลิงค์ด้านล่างครับ....>




แนวคิด สู่อิสระภาพทางการเงิน

Plan To Success. 1
Plan To Success. 2
Plan To Success. 3
Secret Of The Millionaire Mind
Investment Method
Investment Strategy
กูรูหุ้น 1000 ล้าน
เซียนหุ้น100 ล้าน
ข้อผิดพลาดในการลงทุน
Why most people to invest Unsuccessful

KEEP YOUR MONEY FORM TAX

เก็บเงินคืนจากภาษี LTF และ RMF
เก็บเงินคืนจากประกัน Insurance
เก็บเงินคืน ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน Interest Lone
เก็บเงินคืน เงินปันผล Stock Dividend
เก็บเงินคืน จากการทำบุญ Merit
ทางเลือกการชำระภาษี Alternative tax

อื่นๆ

การเลือกคบคน

0 comments:

Post a Comment