Tuesday, March 20, 2012

Stock Focus,PTTGC,20.Mar.2012., 14.30


Our greatest glory is not in never falling, but in rising every time we fall.

เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)

ซัพพลายปีนี้ผ่อนคลายไม่น่ากังวล ว่ากันใหม่ปีหน้า

เราสำรวจสเปรดปิโตรเคมี YTD แล้วพบว่าสเปรดปิโตรเคมีต้นน้ำของทั้งสายโอเลฟินส์ และสายอะโรเมติกส์ ปรับตัวดีขึ้นมาก น่าจะส่งผลกระทบทำให้กำไรสุทธิงวด 1H55 ดีมาก โดยส่วนที่โดดเด่นคือ เอทีลีน MEG และพาราไซลีน เชื่อว่าผลิตภัณฑ์หลักที่จะผลักดันให้กำไรสุทธิในปี 2555 ของ PTTGC เติบโตขึ้นจะมีอิทธิพลจาก MEG, และพาราไซลีน มากที่สุด และยังคงแนะนำซื้อต่อไป เนื่องจากเป็นกิจการที่เพิ่งทำการควบรวม เรามีข้อมูลเฉพาะงบเสมือนของ PTTGC จากการควบรวมของ PTTCH และPTTAR ดังนั้นเราจึงยังไม่สามารถทำ DCF ได้ เราใช้ราคาเหมาะสมอิงตามค่า PER 10เท่าในปี 2555 ได้เป้าหมาย 89 บาท

􀂃 กำไรสุทธิในไตรมาส 4/54 เท่ากับ 4,074 ล้านบาท คิดเป็น EPS เท่ากับ 0.91 บาท: -34% QoQ และ -38% YoY ฝั่งโรงกลั่น ค่า Market GRM ปรับตัวลดลงไม่ มากอยู่ ที่ 6.28 เหรียญฯต่อบาร์เรล (Market GRM ปี 2554 อยู่ที่ 6.37 เหรียญฯต่อบาร์เรล) โดย ถึงแม้ว่า ค่าการกลั่นของ น้ำมันเบนซินจะปรับตัวลดลงมากในไตรมาส 4/54 แต่ค่าการกลั่นน้ำมันเตาได้ปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการใช้น้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้าของญี่ปุ่นที่ เพิ่มขึ้น สำหรับ Hedging Loss และ Inventory Loss ในไตรมาสนี้อยู่ที่ -2.1 เหรียญฯต่อบาร์เรล และฝั่งอะโรเมติกส์ได้รับผลกระทบจาก สเปรดพาราไซลีนปรับตัวลดลงจาก 638 เหรียญฯต่อตันมาอยู่ที่ 531 เหรียญฯต่อตัน ส่วนสเปรดเบนซินปรับตัวลดลงจาก 165 เหรียญฯต่อตันมาอยู่ที่ 49 เหรียญฯต่อตัน สำหรับในสายโอเลฟินส์ถึงแม้สเปรดจะปรับตัวลดลงไม่มากแต่กำลังการผลิตลดลงเนื่องจากในช่วงน้ำท่วมความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ปรับตัวลดลงทำให้มีการส่งก๊าซธรรมชาติเข้าโรงแยกก๊าซลดลง รวมถึง Unplanned shutdown ของ I4-2 ประมาณ 2 สัปดาห์

􀂃 กำไรสุทธิงวดปี 2554 +84%YoY: PTTGC มียอดขายรวม 500,305 ล้านบาท +33% YoY และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 30,033 ล้านบาท EPS เท่ากับ 6.66 บาทต่อหุ้น +84% YoY โดยภาพรวมส่วนที่ดีขึ้นมาจากธุรกิจปิโตรเคมี เนื่องจากกำลังการผลิตสายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นในปี 2553 และมีการรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตใหม่เต็มปี ส่วนของสเปรดผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นอย่างโดดเด่นคือ MEG ซึ่งสเปรดสูงถึง 450 เหรียญฯ ต่อตัน และพาราไซลีนที่สเปรดสูงเฉลี่ยที่ 525 เหรียญฯ ต่อตัน

􀂃 แนวโน้มธุรกิจในปี 2555: เราคาดการณ์กำไรสุทธิของ PTTGC ในปี 2554 เท่ากับ 40,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% YoY จากสเปรดปิโตรในช่วงต้นน้ำที่ค่อนข้างแข็งแกร่งโดยในสายโอเลฟินส์ สเปรดของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นคือเอทีลีนและ MEG ส่วนฝั่งอะโรเมติกส์จะมีพาราไซลีนที่เป็นดาวเด่น คาดว่าสเปรดทรงตัวในระดับที่ดีใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ที่ 525 เหรียญฯ ต่อตัน ส่วนค่าการกลั่นโดยเฉลี่ยในปี 2554 นี้ คาดว่าอยู่ที่ 7 เหรียญฯต่อบาร์เรล โดยเชื่อว่ามาจาก EURO IV ซึ่งจะช่วยผลักดันค่าการกลั่นได้ประมาณ 1.2-1.4 เหรียญฯต่อบาร์เรล เทียบกับปีก่อนที่ค่าการกลั่นรวมอยู่ราว 6.37 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล

BY  Vajiralux

Read more »

Stock Focus,TICON,19.Mar.2012., 10.15

 

Our greatest glory is not in never falling, but in rising every time we fall.

เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

บมจ. บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON)

ขาย TFUND+TLOGIS จะหนุนปี 2555 โตสูง
ผู้บริหาร TICON ตั้งเป้ารายได้ปี 2555 จะสูงถึง 5,300 ล้านบาท เติบโต 149% ได้แรงหนุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์เข้า TFUND และ TLOGIS 4,200 ล้าน บาท รวมถึงก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเพิ่ม 250,000 ตรม. จะเพิ่มรายได้ค่าเช่า โดยเราประเมินรายได้จะพุ่งขึ้น 115% สู่ระดับ 4,295 ล้านบาท และ จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,072 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.35 บาท) เพิ่มขึ้น 146% ทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งยอดขายและกำไร ตีค่ามูลค่าตามราคาตลาดทำให้สินทรัพย์เพิ่ม 67% จะทำให้มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 16.8 บาท แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 15 บาท
􀂃 ปี 2555 ตั้งเป้ายอดรายได้ 5,300 ล้านบาท โต 149% : บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียลคอนเน็คชั่น (TICON) ได้จัดงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนเมื่อวันศุกร์ (16 มี..) ที่ ผ่านมา ผู้บริหารตั้งเป้าจะมียอดรายได้รวมเท่ากับ 5,300 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนสูงถึง 149% โดยจะมาจาก ขายอสังหาริมทรัพย์เข้า TFUND และ TLOGIS 4,200 ล้านบาท ค่าเช่าและค่าบริหาร 900-1,000 ล้านบาท ค่าบริหาร TFUND+TLOGIS 100 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจาก TFUND+TLOGIS 200 ล้านบาท โดยยังไม่รวมรายได้จะ เพิ่มขึ้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ให้ผู้เช่าโดยตรง
􀂃 TFUND ขายล็อตแรก 762 ล้านบาท 19-22 มี.. นี้: เป้าขาย TFUND และ TLOGISในปี 2555 รวม 4,200 ล้านบาท แบ่งเป็นดังนี้ 1.) วันที่ 19-22 มี.. จะขายอาคารโรงงาน 11 แห่ง พื้นที่ด้านตะวันออก พื้นที่ใช้สอย 35,725 ตรม. มูลค่าประมาณ 762 เข้า TFUND 2.) ประมาณเดือน .. จะขายคลังสินค้าเข้า TLOGIS ประมาณ 2,000 ล้าน บาท และ 3.) ประมาณไตรมาสสี่ จะขายโรงงานพื้นที่ภาคกลางเข้า TFUND ประมาณ1,500 ล้านบาท
􀂃 จะสร้างโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าอีก 250,000 ตรม.: จากสถานการณ์ปัจจุบันพื้นที่ด้านตะวันออก พื้นที่โรงงาน และ คลังสินค้าให้เช่า เต็มหมดแล้ว ทำให้ทาง TICON วางแผนที่จะสร้างโรงานและคลังสินค้าเพิ่มเติมทางด้านตะวันออกคือ ก่อสร้างโรงงานให้เช่า 100,000 ตรม. และ คลังสินค้าให้เช่า 150,000 ตรม. รวมเป็นพื้นที่ให้เช่าเพิ่มในปี 2555 เท่ากับ 250,000 ตรม. เทียบกับพื้นที่ให้เช่ารวม สิ้นปี 2554 เท่ากับ 592,867 ตรม. จะช่วยเพิ่มรายได้ค่าเช่าให้ TICON
􀂃 ใช้งบลงทุนในปี 2555 รวม 3,500 ล้านบาท: ในปี 2555 ทาง TICON ตั้งเป้าจะลงทุนรวมเท่ากับ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท และ ค่าก่อสร้างโรงงาน และคลังสินค้าให้เช่า 250,000 ตรม. เป็นเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยจะใช้เงินจากการขาย TFUND และ TLOGIS จำนวน 4,200 ล้านบาท เป็นแหล่งเงินทุน โดยเงินที่เหลือจากการขาย TFUND และ TLOGIS จะนำไปลดหนี้
สุรชัย ประมวลเจริญกิจ

Read more »

Stock Focus,AH,19.Mar.2012.,10.15

 

Our greatest glory is not in never falling, but in rising every time we fall.
เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

Comment: บมจ. อาปิโก ไฮเทค (AH)
โรงงานที่ไฮเทคเริ่มผลิต100% ปีนี้จะฟื้นตัวโดดเด่น
โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ซึ่งถูกน้ำท่วมเสียหายหนัก สามารถกลับมาเดินเครื่องได้เต็มที่ 100% ในเดือน มีนาคม 2555 ทำ ให้ผลประกอบการในไตรมาส 1/55 จะเริ่มพลิกฟื้น แนวโน้มปี 2555 คาดค่ายรถยนต์ต่างๆจะกลับมาผลิตสูงกว่าระดับปกติเนื่องจากมีคำสั่งซื้อที่ค้างจากปี 2554 ผู้บริหารประเมินยอดผลิตรถยนต์ 2 ล้านคัน เติบโต 37% และ ยอดขายAH จะฟื้นตัว 10-20% เราประเมินยอดขายของ AH จะเติบโต 18% และ มี กำไรที่ปรับตัวดีขึ้นเป็น 346 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.53 บาท) เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 390 ล้านบาท แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 15 บาท แต่ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาแรง รอจังหวะช่วงอ่อนตัว
􀂃 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายปี 2555 จะเติบโต 10-20%: บมจ. อาปิโก ไฮเทค (AH) ได้จัดงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนเมื่อวันศุกร์ (16 มี..) ที่ผ่านมา ผู้บริหารมีมุมมองในด้านบวกต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย โดยประเมินยอดผลิตรถยนต์ในปี 2555 จะพลิกกลับมาสูงถึง 2 ล้านคัน เติบโตถึง 37% แรงหนุนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และ ที่ค้างมาจากปีก่อน เช่น Honda Brio Eco-Car, Ford Ranger Pick up, Nissan Eco-Car 4 ประตู, Mazda Thunder Pick up, Isuzu the new D-Max, Ford Focus, Honda Brio Sedan และ Suzuki New Swift Eco-Car และ AH ก็ได้คำสั่งซื้อจากรุ่นใหม่ดังกล่าว ทำให้ ผู้บริหารของ AH ประเมินยอดขายในปี 2555 จะเติบโตประมาณ 10-20%
􀂃 โรงงานที่นิคมฯไฮเทคเดือน มี.ค. กลับมาผลิตได้เต็มที่ 100% : โรงงานของ AH มีทั้งหมด 5 แห่ง โดยที่นิคมไฮเทคซึ่งถูกน้ำท่วม มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 23% เริ่ม กลับมาผลิตได้ตั้งแต่วันที่ 19 .. 2554 ซึ่งเริ่มเดินเครื่องผลิต 20-30% และ เดินเครื่องได้ 50% ในปลายเดือน มกราคม 2555 และ คาดจะกลับมาผลิตได้เต็ม 100% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เป็นต้นไป ดังนั้น แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/55 คาดจะเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้น และ จะโดดเด่นอย่างมากในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ AH มีประกันภัยที่ครอบคุมถึงความเสียหายทางสินทรัพย์และธุรกิจที่หยุดชะงัก
􀂃 แนวโน้มปี 2555 คาดจะฟื้นตัว และ มีกำไรโดดเด่นขึ้น: เราประเมินยอดขายของ AH ในปี 2555 เท่ากับ 12,176 ล้านบาท เติบโต 18% และจะทำให้มีกำไรสุทธิที่โดดเด่นขึ้นเป็น 346 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.53 บาท) เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 390 ล้านบาท
􀂃 ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาแรง รอจังหวะซื้อช่วงอ่อนตัว: อุตสาหกรรมยานยนต์มีการฟื้นตัวอย่างโดดเดน นับตั้งแต่เดือน .. ที่ผ่านมา ทำให้ ไตรมาส 1/55 จะโตแบบก้าวกระโดดภายใต้ฐาน P/E ปี 2555 เท่ากับ 10 เท่า ซึ่งเป็นบริเวณ Median Forward PER ของ AH เราประเมินราคาเป้าหมายในปี 2555 เท่ากับ 15 บาท เราคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ราคาหุ้น AH ได้ฟื้นตัวขึ้นมาแรงถึง 76% จากจุดต่ำสุดในเดือน .. และ 30% นับจากต้นปี รับข่าวการฟื้นตัวอย่างมาก ดังนั้น จึงควรรอจังหวะซื้อในช่วงอ่อนตัว
สุรชัย ประมวลเจริญกิจ

Read more »

Stock Focus,KSL,19.Mar.2012.,

Our greatest glory is not in never falling, but in rising every time we fall.
เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

บมจ. น้ำตาลขอนแก่น (KSL)

KSL มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 (สิ้นสุด 31 ม.ค. 55) เท่ากับ 416 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นถึง 188% YoY เนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโครงการบ่อพลอยทั้ง 2 เฟส ทำให้ปริมาณขายน้ำตาลทราย เอทานอลและไฟฟ้า เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯจากปีที่แล้ว โดยแนวโน้มกำไรยังดีต่อเนื่องถึง 3Q55 เพราะมีจะอ้อยเข้าหีบและส่งออกน้ำตาลทรายจำนวนมาก

􀂃 กำไรสุทธิ 1Q55 ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรายไตรมาส 1 จากโครงการบ่อพลอยเดินเครื่องผลิตเต็มที่ : KSL ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 (สิ้นสุด 31 .. 55) เท่ากับ 416 ล้านบาท ทรงตัวใกล้เคียงกับ 4Q54 แต่ปรับตัวสูงขึ้นถึงเกือบ 2 เท่าตัวจาก 1Q54 เนื่องจากการเดินเครื่องผลิตของโครงการบ่อพลอยทั้ง 2 เฟส ทำให้ปริมาณขายน้ำตาลทรายในงวดนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาสู่ระดับ 1.63 แสนตัน ส่วนปริมาณขายเอทานอลปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจาก 1Q54 มาสู่ระดับ 20.7 ล้านลิตร โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกเอทานอลไปในตลาดภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ปริมาณขายไฟฟ้าให้แก่กฟผ. เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว สู่ระดับ 8.5 เมกะวัตต์-ชั่วโมงในงวดนี้ส่งผลให้ยอดขายรวมใน 1Q55 เติบโตสูงถึง 88% YoY ด้าน Gross Margin อยู่ที่ 28.3% ปรับตัวดีขึ้นจาก 26% ใน 1Q54 โดยรวมแล้ว กำไรสุทธิ 1Q55 คิดเป็นสัดส่วนราว 19.1% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2554/55

􀂃 ทิศทางกำไรสุทธิเป็นขาขึ้นต่อเนื่องถึงไตรมาส 3/55 : เนื่องจากช่วงไตรมาส 2-3 เป็นช่วงที่มีผลผลิตอ้อยเข้าหีบจำนวนมาก และมีรอบการส่งออกน้ำตาลทรายใน 2 งวดดังกล่าวมากที่สุดของปี จึงทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปีใน 2Q-3Q55 ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2554/55-56 ไว้ที่ 2,177 ล้านบาท และ 2,458 ล้านบาท หรือเติบโตในระดับสูง 15% YoY และ 13% YoY ตามลำดับ ซึ่งได้รับผลบวกจากการเดินเครื่องผลิตเต็มที่ของโรงงานบ่อพลอย ซึ่งทำให้คาดการณ์ปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 2554/55 เพิ่มขึ้น 14.7% YoY สู่ระดับ 7 ล้านตัน (ปัจจุบัน วันที่ 15 มี.. 55 มีผลผลิตอ้อยเข้าหีบแล้ว 6.56 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 93.7% ของที่ KSL คาดไว้) ส่วนธุรกิจเอทานอลคาดว่าปริมาณขายทั้งปี 2554/55 จะปรับตัวสูงขึ้นถึง 2 เท่าตัวสู่ระดับ 90 ล้านลิตร ในขณะที่ธุรกิจน้ำตาลทรายในลาวและกัมพูชาคาดว่าจะสามารถสร้างกำไรได้ในปีนี้เป็นต้นไป เนื่องจากผลผลิตต่อไร่ในการปลูกอ้อยเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง ด้านโครงการลงทุนโรงงานน้ำตาลทรายที่จ.เลย ซึ่งคาดว่าจะทดลองเดินเครื่องผลิตได้ในม.. 2556 จะเป็นการต่อยอดฐานรายได้และกำไรของ KSL ให้สูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

􀂃 โดดเด่นกว่าคู่แข่ง : แม้ว่า KSL มี Valuation ที่แพงกว่า แต่เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจที่หลากหลาย บวกกับการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างการเติบโตของกำไรในระยะยาวได้ต่อเนื่อง (เราคาดว่ากำไรสุทธิในช่วง 2 ปีข้างหน้าของบริษัทฯจะเติบโตราว 11.7% CAGR) ทั้งนี้เราคงคำแนะนำซื้อ KSL โดยกำหนดราคาเหมาะสมปี 2554/55เท่ากับ 17.60 บาท อิงวิธี DCF

วีรพัฒน์ วงศ์อุไร

Read more »