Monday, February 6, 2012

Gold Price, 1.Feb.2012., 17.40




SupportResistanceNow
Gold Spot             1700-1709     1725-1739        1717
US$ / TH฿ 30.7931.0630.92
Gold Future24850-25240    25520-2592025340
Gold Price ทองแท่งปิด25150

Comment: ราคาทองคือนี้ มองว่าอาจจะปรับตัวลงต่อได้ เนื่องมาจาก gold spot หลุด เส้น 10 วันลงมา (1725) แม้นว่าในระหว่างวัน ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงมาช่วยแล้วแต่ช่วยไม่ไหว ดังนั้น สรุปโดยรวม มองว่า ลงมากกว่าขึ้น ครับ กรณี ผมคาดผิด จุดสังเกต gold spot ทะลุผ่านเส้น 10 วันขึ้นไป 1725 อย่างแข็งแรง รวมทั้งค่าเงินบาท อ่อนค่าทะลุ 31.06 ** ขออภัยที่ช่วงเช้านี้ คาดผิด ว่าขึ้นเพราะคิดว่า gold spot ไม่หลุด 1725  



Read more »

Stock Tomorrow,SUSCO,RS,LVT, 6.Feb.2012., 17.30




SupportResistanceNow
SUSCO                1.22-1.24        1.28-1.3           1.25
RS 2.76-2.82.94-3.042.88
LVT1.631.71-1.751.68

Comment: หุ้นที่ให้เล่นคราวนี้ เป็นหุ้นที่ขึ้นมาแล้วดังนั้นต้องเล่นเร็ว ถ้าจะเล่นต้องมี 2 แผนการที่เคยบอกไว้ และมีวินัยมากๆด้วย ไม่เช่นนั้น ไม่ควรเล่น โดยเฉพาะ LVT ต้องเร็วเป็นพิเศษครับ ผิดทางต้องมอบตัว



Read more »

Gold Price, 6.Feb.2012., 9.40


SupportResistanceNow
Gold Spot                 1725            1739-1751           1733
US$ / TH฿ 30.7930.9330.89
Gold Future2557025910-2622025650
Gold Price 254502590025700

Comment: ราคาทองเช้านี้มองว่าน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจาก คืนวันศุกร์ ได้ปรับลงไปมาก จาก gold spot เข้าใกล้ เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน และ ค่าเงิน ก็ เริ่มดีดกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย ดังนั้นสรุป มองราคาทองช่วงเช้านี้ ปรับขึ้น ครับ



Read more »

Friday, February 3, 2012

Stock Focus,NEWS ,ธปท.,3,FEB,2005., 18.15

ธปท.เพิ่มคาดการณ์ศก.ปีนี้โต 4.9%,พร้อมยืดหยุ่นนโยบายตามสถานการณ์

(เพิ่มรายละเอียด)
กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--รอยเตอร์
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดประมาณการ การเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 54 ลงเหลือ 1.0% จากเดิมที่คาดไว้โต 1.8% เนื่องจากผลกระทบ ของอุทกภัยในไตรมาสสุดท้ายปีก่อนมีมากกว่าที่คาด รวมถึงเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะเดียวกัน ธปท.ได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปี 55 เป็นเติบโต 4.9% จากเดิมคาดไว้โต 4.8% เนื่องจากผลของฐานในปี 54 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ประเมิน ไว้ ส่วนในปี 56 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ในอัตรา 5.6% "ปัจจัยที่ทำให้มีการปรับ(จีดีพี ปี 54) ค่อนข้างเยอะ ก็คือ ผลกระทบของ อุทกภัย ซึ่งกระทบต่อไตรมาส 4 มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และปัจจัยที่สอง คือ เศรษฐกิจ ภายนอก มีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน โดยเฉพาะเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยุโรป ที่มีแนวโน้ม เข้าสู่ภาวะถดถอย" นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. สายนโยบาย การเงิน กล่าวแถลงข่าว เขา กล่าวว่า ผลกระทบของอุทกภัย คิดเป็น 3.1% ของจีดีพี หรือคิดเป็นมูลค่า ความเสียหายราว 3.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะกระทบเพียง 2.1% ของ จีดีพี ซึ่งนับว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตที่ รุนแรงกว่าคาด และมีความล่าช้าของบริษัทประกัน ในการประเมินความเสียหาย และ
การจ่ายสินไหมทดแทน ผลกระทบของอุทกภัยดังกล่าว ทำให้ ธปท.คาดว่า จีดีพีในไตรมาส 4/54 เมื่อ เทียบรายไตรมาส หดตัว 7.4% และหดตัวลง 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า โดยเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสแล้ว การหดตัวของจีดีพีไตรมาส 4 ถือว่าหดตัวมากกว่า เมื่อครั้งได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในเอเชีย และผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มใน สหรัฐฯ แต่ธปท.คาดว่า การหดตัวดังกล่าว จะเป็นการหดตัวเพียง 1 ไตรมาส เพราะ เกิดจากปัญหาทางด้านซัพพลาย โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ ในไตรมาส 1 ปีนี้ นายไพบูลย์ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 55 ซึ่งเป็นช่วงของการฟื้นตัว จากอุทกภัยนั้น จะมีอุปสงค์ภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญทั้งจากภาคเอกชนและ ภาครัฐ โดยธปท.คาดว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับเป็นปกติได้ในไตรมาส 3 ซึ่งจะ ช้ากว่าที่ประเมินไว้เดิม 1-2 เดือน ทั้งนี้ เนื่องจากเครื่องจักรบางส่วนเสียหายมาก จนต้องนำเข้าใหม่ แทนการ ซ่อมแซม และผู้ประกบการบางรายยังรอความชัดเจน เรื่องแผนบริหารจัดการน้ำจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี ประเมินว่า การบริโภคภาคเอกชนจะฟื้นตัวได้เร็ว ตั้งแต่ในไตรมาส 1/55 จากความจำเป็นต้องใช้จ่าย เพื่อซื้อสินค้าทดแทนทรัพย์สินที่เสียหาย และความ ต้องการบริโภคที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้า รวมถึงผลของมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและภาคการผลิต ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าการบริโภค ซึ่งจะทยอยฟื้นตัวกลับเป็นปกติได้ในไตรมาส 3 เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าและบริการ ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อน และจะกลับเข้าสู่แนวโน้มเดิมได้ใน ไตรมาส 3 เช่นกัน ตามการฟื้นตัวของภาคการผลิตที่ล่าช้า และเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว **พร้อมยืดหยุ่นนโยบายการเงิน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในส่วนแรงกดดันเงินเฟ้อในปี 55 มีแนวโน้มลดลง จาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งช้ากว่าที่คาด แต่การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ ไม่ได้ ลดลงมากนัก เนื่องจากยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อจากมาตรการของภาครัฐ ทั้งการขึ้นค่าจ้าง ขั้นต่ำ การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงนโยบายราคาสินค้าเกษตรและพลังงาน ขณะที่เอกสารประกอบการแถลงข่าวของธปท. ระบุว่า แรงกดดันเงินเฟ้อ มี แนวโน้มแผ่วลงในครึ่งแรกปี 55 โดยชะลอตัวตามการฟื้นตัวของภาคเอกชนที่ล่าช้า และ ราคาอาหารสดเริ่มชะลอตัว หลังจากอุทกภัยคลี่คลาย อีกทั้ง ผลของโครงการรับจำนำข้าวต่อราคาข้าวและอาหาร มีไม่มากนัก เนื่องจากปริมาณข้าวที่เข้าร่วมโครงการ น้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ในครึ่งหลังของปี แรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งกลับขึ้นมา จนอาจจะ ใกล้เคียงกับแนวโน้มเดิม ตามการฟื้นตัวของภาคเอกชน ขณะที่ต้นทุนการผลิตจะได้รับผล จากมาตรการภาครัฐชัดเจนขึ้น ทั้งการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน และนโยบายของราคาน้ำมัน รวมถึงแรงกระตุ้นจากแผนบริหารจัดการน้ำ ที่จะเริ่มทยอยลงทุนในครึ่งหลังปีนี้ นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 3.0% ถือว่าเป็น อัตราดอกเบี้ย ที่สอดคล้องกับการประมาณการเศรษฐกิจในครั้งนี้ แต่หากมีปัจจัยบวกหรือ ลบ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดการณ์ไว้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ก็พร้อมจะ
ปรับนโยบายการเงิน ให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป "การทำดอกเบี้ยนโยบาย ได้มองไปข้างหน้าแล้ว ดอกเบี้ยที่ 3% สอดคล้องกับ เศรษฐกิจที่ได้ประมาณการไปแล้ว ทั้งเงินเฟ้อที่ลดลง และเศรษฐกิจที่ขยายตัว 4.9% แต่ อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ถ้ามีปัจจัยที่แตกต่างไปจากที่ได้คิดไว้ นโยบายการเงิน ก็พร้อมจะยืดหยุ่นกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป" นายไพบูลย์ กล่าว
รายละเอียดของประมาณการเศรษฐกิจปี 55-56 
ปี 55 ปี 56
จีดีพีปี(%) +4.9 +5.6
เงินเฟ้อพื้นฐาน(%) +2.2 +1.7
เงินเฟ้อทั่วไป(%) +3.2 +2.9
ส่งออก(%) +7.8 +16.4
นำเข้า(%) +16.2 +16.6
ดุลการค้า ($ พันล้าน) +8.4 +9.2
ดุลบัญชีเดินสะพัด ($ พันล้าน) -4.9 -3.1
การบริโภคภาคเอกชน(%) +4.0 +5.2
การลงทุนภาคเอกชน(%) +11.5 +12.9
-จบ--
(โดย กิติพงศ์ ไทยเจริญ รายงาน; สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง)
 

Read more »

เซียนหุ้นจาก 1.2 ล้าน เป็น 100 ล้าน ภายใน 8 ปี

เซียนหุ้นจาก 1.2 ล้าน เป็น 100 ล้าน ภายใน 8 ปี

ความรู้จากกระทู้ อยากแชร์วิธีเล่นหุ้นของผม
ผมในที่นี้หมายถึงคุณ chinn ผู้ตีแตกหุ้น JAS 10 เด้ง ซึ่งกระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้ใบหุ้น แต่เป็นกระทู้ที่แชร์ไอเดีย ให้ความรู้ในการลงทุน และจะมีการตอบคำถามของนักลงทุนท่านอื่นๆด้วยครับ แถมด้วยเส้นทางสร้าง Port ของคุณ chinn จากกระทู้ใน www.thaivi.orgเส้นทาง สร้าง Port ของคุณ chinn ( จากกระทู้ตั้งเป้าหมาย retire ที่อายุเท่าไหร่ และ พอร์ตใหญ่แค่ไหนจาก www.thaivi.org )เริ่มทำงานที่ธนชาติ 18 กุมภาพันธ์ 2546ได้ค่าคอมช่วงตลาด Boom เดือน 7-8-9 เดือนละเกือบแสนเอาเงินทั้งหมดไป ซื้อ Psl 10บาท ขาย 48บาท ต้นปี 2547 ทำให้Port เป็น 1.2 ล้าน หลังจากนั้น พ่อแม่ เติมเงินให้ 2 ล้าน เป็น 3.2 ล้าน Port นิ่ง อยู่หลาย2-3ปี เพราะถือ JAS ได้กำไรนิดหน่อย เดือน8 ปี 51 ทำ Pair Trade JAS กับ ACLไปจนถึงเดือน 7 ปี 2551 มูลค่า Port เป็น 5.8 ล้านบาท เดือน7 ปี 2551 ซื้อACL 4 บาท แต่หุ้นลงจึง Short ทุกราคาจนถึง2 บาท (บังเอิญรู้จัก DSM เลยขายตอนACL หลุด Low)หลังจากนั้น ซื้อคืนหุ้น และกู้ Margin ซื้อ แบบราคา ขึ้นก็ซื้อ เพิ่ม ทุกราคาตั้งแต่ 1.24 จนถึง 5 บาท โดยกันความเสี่ยงทุก STEPเดือน 7 ปี 2552 เอาหุ้นทั้งหมดขายที่ 7 บาท ได้เงิน 28 ล้านบาท จึงลาออกจากงานประจำ เพื่อมาพักผ่อนและ ลงทุนอย่างเดียว ตอนนี้ ถือ JAS เพื่อรอปันผลในอนาคต และทำ Port แบบสร้างกระแสเงินสด หารายได้ชดเชย ส่วนเหลือจาก กิน ใช้ ก็เอามาสะสมหุ้นเพิ่ม ชีวิต อิสระมากขึ้น ตื่นสายก็ได้ นอนทั้งวันก็ได้ มีเวลาออกกำลังกาย เที่ยวศูนย์การค้า ช่วงที่คนทำงานได้เต็มที่ เดินสบาย แต่มีเรื่องให้คิดให้วางแผนเหมือนเดิม เพราะลงทุนในหุ้นเป็นอาชีพหลัก ตั้งแต่แรก ส่วน งานหลักก็เป็นแค่อาชีพเสริมมาหลายปีแล้ว ปัญหาใหญ่ประจำวันคือ เที่ยงนี้กินไรดีว้า ? !!!วิธีเล่นหุ้นของผม ( คุณ chin )

1. การเลือกหุ้นผมจะคิดถึงว่าในอนาคตจะเกิดอะไรบ้าง โดยวันๆผมจะนั่ง มองไปรอบๆตัว ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามหาเหตุ ของผล ที่จะตามมาแหง ๆ เช่น ปีนี้ ตัวเลขผู้ใช้ Smart Phone และ Tablet สูงขึ้นจากปีที่แล้วมากๆ
(
เพราะ อุปกรณ์มันถูกลงไปเยอะ และตรงกับ Life Style)หรือ คนหันมาอยู่เรียบรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น (เพราะคอนโดมันขึ้นเยอะแถวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจาก Demand ที่เยอะ ซึ่งเป็นผลของวิถีชีวิตการทำงานใน Office)ฟังดูอาจเหมือนยาก ที่จะคิดว่า อะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้า แต่จริงๆมันก็เหมือนกับที่ ทุกคนพอจะเดาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อคืนเรา นอนดึก วันนี้จึงตื่นสาย ซึ่งไปทำงานสายแบบนี้ หัวหน้าคงจะต่อว่า ซึ่ง มันเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ หรือถ้านักเทคนิคก็ เช่น หุ้นวันนี้ขึ้นแรง พรุ่งนี้จะขึ้นต่อ และต่อไปเรื่อยๆ จนมันไม่ขึ้น ก็จะนิ่ง พอนิ่งแล้วก็จะลง แล้วก็ลงไปเรื่อยๆ พอลงไปเรื่อยๆ จนไม่ลงก็จะนิ่ง แล้วก็จะเริ่มขึ้น คือผมว่า มันก็เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยาก บ่อยครั้ง ที่ผมจะพบกับคนที่บอกว่าหุ้นตัวนั้นดี ตัวนี้ถูก เพราะ P/E ต่ำ P/B ต่ำ หรือ PEG ต่ำ สำหรับผมมันไม่ใช่ เหตุผลที่หุ้นจะขึ้น เนื่องจาก P/E ต่ำใครๆก็เห็น อะไรที่คนอื่นเขายังไม่เห็น แต่เราเห็นได้ สิ่งนั้นก็คืออนาคต อีกทั้งบางครั้ง ภาพลางๆ คนจะไม่ค่อยเชื่อ กว่าจะเชื่อก็ต้องเห็นชัดๆแล้ว

2.
ผมดูว่าหุ้นตัวไหน ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ 1และ ดูว่า ยังคุ้มค่าลงทุนหรือไม่ โดยวัดจาก EV/EBITDA เป็นหลัก ในความคิดผม ผมว่า ตัวเลขนี้สะท้อนความคุ้มค่าแบบ นักธุรกิจ หรือพ่อค้า เปรียบเหมือนกับ เวลาลงทุนเป็นเงินสด จะวัดผลตอบแทนก็ต้องวัดเป็น เงินสด ที่กลับมา ไม่ใช่ กำไร ซึ่ง ตรงนี้เป็นข้อแตกต่างที่ทำให้บ่อยครั้งผมเจอหุ้นที่ถูกในสายตาผม และแพงในสายตาคนอื่น เพราะ P/E >10 เท่าหรือ NA (คือมันขาดทุนทางบัญชี) แต่EV/EBITDA ต่ำกว่า10เท่า โดยนโยบายการลงทุนผม ผมคาดหวังกำไร 100% ขึ้นไป ใน 5 ปี ถึงคุ้ม จึงพยายามหาEV/EBITDA ที่ต่ำกว่า 5 เท่า เช่น JAS ตอนราคาต่ำๆ มีแต่คนมองว่าเป็นหุ้นเน่า P/E สูง แต่EV/EBITDA เขาอยู่แค่ 4 เท่าเอง ปรับแต่งทางบัญชี ขั้นตอนต่างๆ หากเราเข้าใจ จะรู้ได้ทันที ว่าหุ้นจะขึ้นเดือนไหน เพราะเหตุใด Write off หุ้น TT&T ทำให้กำไรน้อย ปีต่อมา พอไม่มีเหตุการณ์นี้ ยังไงนสพ. ก็พาดหัวว่ากำไรโตอยู่แล้ว ทั้งๆที่จริงกำไรมันดีอยู่แล้ว หากเราหยิบตัวเลข EV/EBITDA มาวัด ไม่ใช่ว่าใช้ P/E วัด

3. หากคิดผิดต้องไม่ขาดทุนในระยะยาว เนื่องจาก ผมต้องการ Port ที่โตเรื่อยๆ ไม่ใช่ หวือหวา เช่น เริ่ม 100 ได้ 50% ได้ 150พอเสีย 50% เหลือ 75 แบบนี้ต้องมานั่งแก้ ให้ได้ 33% ให้กลับเป็น 100% อีก แบบนี้ Port ไม่ไปไหนสักที เสียเวลา และโอกาส โดย ต้องมองว่า เหตุการณ์แย่สุดๆ ต่อกิจการ ที่มีโอกาสเกิดขึ้น เป็นอย่างไร หากแย่ขนาดนั้นผลประกอบการก็ยังคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่เราซื้อซึ่งกิจการที่ไม่ผันผวนนัก EV/EBITDA ต่ำกว่า 5 เท่า ก็ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้มากแล้ว แต่หากกิจการผันผวนได้มาก ก็แค่ไม่ลงทุนครับ หาตัวอื่นแทน นอกจากนี้ ผมจะดูโครงสร้างการเงินว่าและอื่นๆ ว่ามันเสี่ยงล้มได้ไหม ถ้าเสี่ยง ก็ไม่ยุ่งดีกว่า หวังว่า พอจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ พอดีเห็นกระทู้เถียงกันเรื่อง VI กับ VS หรือถือยาวกับถือสั้นผม ก็นั่งคิด เราเป็น VI หรือ VS กันแน่ในนิยามคนอื่น แต่ผมว่าจริงๆผมก็แค่นักลงทุนที่คิดแบบพ่อค้าครับ ตอนนี้ port ถึงเป้าหมายที่อยากได้แล้ว อยู่ 9 หลัก โดยเป็นเงินเริ่มต้นจากเงินเดือนประมาณ 3 แสน และมาบวกกับเงินลงทุนของที่บ้านภายหลังอีก 2ล้าน โดยใช้แนวทางนี้ และมีการบริหาร Leverage และ Riskใช้ เวลา 8ปีครับ ทำกำไรหุ้นแค่ 3 ตัว ได้แก่ PSL, ACL, JASปล. 1,2,3 มันเกี่ยวโยงกัน ไม่ได้เป็นลำดับขั้น บางครั้ง ดู 2 ก่อน ค่อยพิจารณา 1 กับ 3

*** Touch : ในความเห็นของผมเองแล้ววิธีการดู EV/EBITDA มันไม่ได้บ่งบอกถึงสถาณะเงินสด หรือ สินทรัพย์เสมือนเงินสด แต่ด้วยการคัดหาหุ้นของคุณชินมี อีก 2 ขั้นตอนซึ่งสามารถปิดช่วงว่างตรงนี้ได้ สุดยอดจริง ครับ ขอแสดงควารนับถือ

Read more »

Gold Price, 3.Feb.2012., 17.35




SupportResistanceNow
Gold Spot                 1744-1751     1761-1783         1759
US$ / TH฿ 30.7830.98-31.0530.84
Gold Future2570026030-2618025890
Gold Price ทองคำแท่งปิด25700

Comment: ราคาทองคืนนี้ ดูค่อนข้างยาก เนื่องจาก gold spot ขึ้นไม่มาก เคลื่อนตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นทำให้ทองขึ้นไปได้ไม่ไกล สรุปโดยรวมแล้วมองว่าขึ้นครับ กรณีผมคาดผิด จุดสังเกต goldspot หลุด 1754 หรือ ค่าเงิน หลุด 31.78 อาจจะกลับเป็นลงได้ ดังนั้นคืนนี้ ควรเฝ้าทั้ง 2 นี้ เป็นสำคัญ

 


Read more »

Stock Tomorrow, CPF,SCCC,BJC,DTAC,3.Feb.2012., 17.20




SupportResistanceNow
CPF                 36.25             38-39                36.75
SCCC 273289278
BJC31.2534.5032S
DTAC 68.57269.75

Comment: หุ้นที่ให้เล่นวันถัดไปมี 4 ตัว มีตัวเก่ามา 1 คือ SCCC รับสูงกว่า 273 ได้เล็กน้อย ผิดทางมอบตัวที่ 272 , BJC เล่นสู่กว่า 31.25 นิดหน่อย แล้วผิดทางมอบตัวที่ 31.25 , DTAC วันนี้ขึ้นมา 2 บาทกว่า ตามแนวรับแนวต้าน, CPF ตามแนวรับแนวต้าน





 

Read more »

Stock Focus,NEWS,SCC,SCCC,SVI,GRAMMY,3.FEB.2012., 11.56

Free Stock Photo - Chess set

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด : แนะนำ"ซื้อ" SCCC โดยแนวโน้มปี 2555 ประเมินยอดขายมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อเนื่อง ในทุกธุรกิจคือ ปูนซีเมนต์คอนกรีตผสมเสร็จ หิน ทราย และผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้คอนวูด โดยคาดว่าปริมาณขายในประเทศจะขยายตัว 5% การส่งออกจะเติบโต 30% ราคาขายจะปรับขึ้นเล็กน้อยประมาณ 50 บาทต่อตัน ทำให้รวมแล้วคาดว่ามูลค่ายอดขายจะเติบโตประมาณ 10% แม้แนวโน้มราคาถ่านหินและพลังงานจะปรับขึ้น แต่ราคาขายที่ปรับขึ้นและโครงการ Waste Heat Recover y รวมถึงภาษีจ่ายที่ลดลงจาก 30% เหลือ 23%จะช่วยให้กำไรสุทธิในปี 2555 ยังเติบโตโดดเด่นถึง 25% สู่ระดับ4,110 ล้านบาท นอกจากนี้ SCCC เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่โดดเด่น คิดเป็นประมาณ 80-90% ของกำไร ซึ่ง SCCC ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2554 เท่ากับ 6.00 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลสำหรับกำไรปี 2554 เท่ากับ 13.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2555 จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 16.00 บาท

ซื้อ SVI เป้าหมาย 3.84 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน):แนะนำ"ซื้อ"SVI แม้แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2554 และทั้งปี2554 จะขาดทุนหนักจากความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม ทำให้ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษจากความเสียหายของโรงงานและเครื่องจักรสูงถึง 2พันล้านบาท แต่ SVI จะทยอยได้รับเงินประกันชดเชยครอบคลุมทั้งจำนวนกลับมาในปี 2555 ซึ่งแนวโน้มผลการดำเนินงานรายไตรมาสของ SVI ในปีนี้ จะเป็นไปในทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/2555 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/2555 โดยอัตรากำลังการผลิตในปัจจุบันสูงถึง 70% ของกำลังการผลิตก่อนช่วงเกิดวิกฤติน้ำท่วมแล้ว โดยคาดการณ์ยอดขายรวมในไตรมาส 1/2555 เท่ากับ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าSVI จะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตเต็มที่อีกครั้งในไตรมาส 3/2555 และภายหลังจากผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ไปแล้วจะเห็นได้จากการเพิ่มฐานการผลิตไปสู่โรงงาน SVI ที่แจ้งวัฒนะส่งผลให้ SVI มีโรงงานเพิ่มเป็น 2 แห่ง และจะทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าเดิมถึง 50% ซึ่งถือเป็นอัพไซด์ของผลการดำเนินงานในอนาคต

ถือ GRAMMY เป้าหมาย 17.30 บาท
บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด : แนะนำ"ถือ"GRAMMY โดยผู้บริหารของ GRAMMY คาดว่าไม่เกินเดือนมี.ค.นี้จะได้ข้อสรุปเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเข้ามาถือหุ้นในบริษัท จีเอ็มเอ็ม วันสกายเพื่อเข้ามาสนับสนุนทั้งเงินทุนและคอนเทนต์ รวมทั้งเตรียมเข้าประมูลถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเพื่อที่จะนำมาขายในราคาถูกผ่านกล่องรับสัญญาณ 1-Sky หลังจากที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลเยอรมนี บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2555-2558 และรายการกีฬาดังๆ อีกมากมาย เช่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ EURO 2012, ช่อง ASN กีฬาอเมริกันเกมส์ อาทิอเมริกันฟุตบอล NFL ช่องยูโร สปอร์ต รวมกีฬาระดับโลกกว่า60 ประเภท นับว่าการหาพันธมิตรร่วมธุรกิจ "วัน สกาย" เป็นแนวทางที่ดี ในการช่วยลดความเสี่ยง เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง ทั้งเรื่องต้นทุนและคู่แข่งอย่างทรูวิชั่นส์ คาดว่าการทำธุรกิจนี้ต้องมีเงินลงทุนทางด้านคอนเทนต์ปีละไม่ต่ำกว่า1 พันล้านบาท นอกจากนี้พันธมิตรอาจยังช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันให้กับ "วัน สกาย" ในส่วนที่ GRAMMY ไม่ถนัดซึ่งน่าติดตามว่าพันธมิตรรายดังกล่าวจะเป็นใคร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น

ซื้อ SCC เป้าหมาย 450.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด :แนะนำ"ซื้อ" SCC เนื่องจากแผนการเข้าซื้อหุ้น 100% ของBoral Indonesia (BI) ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปโดยมีโรงงาน 40 แห่งในJava และ Sumatra โดยมีกำลังการผลิต 2.2 mcu.m โดยใช้เงินลงทุน 4.3 พันล้านบาท โดย BI มีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงหลายรายการเช่น ท่อคอนกรีต, พรีคาสท์คอนกรีต, เหมืองและหินปูนจำนวนมาก คาดว่าสิ่งนี้เป็นการขยายฐานการผลิตในอินโดนีเซีย เมื่อรวมโรงงานคอนกรีตกับเครือข่ายการกระจายสินค้าของ PT Kokoh Inti Arebama ในปี 2554 จะเป็นช่องทางกระจายสินค้าสำคัญสำหรับปูนซีเมนต์ เชื่อว่า SCC จะประกาศแผนการลงทุนในโรงงานปูนเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ SCC มีแผนการลงทุนมูลค่า 1.5 แสนล้านบาทสำหรับช่วง5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีการทำM&A อีกในปีนี้ และจะรายงานผลประกอบการที่เติบโตขึ้นสำหรับปี 2555-2556 ซึ่งมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประสิทธิภาพของโรงงานปิโตรเคมี รวมทั้งส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ดีขึ้น และยอดขายสินค้า HVA
ซื้อ SCCC เป้าหมาย 305.00 บาท

Read more »