
ธปท.เพิ่มคาดการณ์ศก.ปีนี้โต 4.9%,พร้อมยืดหยุ่นนโยบายตามสถานการณ์
(เพิ่มรายละเอียด)
กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--รอยเตอร์
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดประมาณการ การเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 54 ลงเหลือ 1.0% จากเดิมที่คาดไว้โต 1.8% เนื่องจากผลกระทบ ของอุทกภัยในไตรมาสสุดท้ายปีก่อนมีมากกว่าที่คาด รวมถึงเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะเดียวกัน ธปท.ได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปี 55 เป็นเติบโต 4.9% จากเดิมคาดไว้โต 4.8% เนื่องจากผลของฐานในปี 54 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ประเมิน ไว้ ส่วนในปี 56 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ในอัตรา 5.6% "ปัจจัยที่ทำให้มีการปรับ(จีดีพี ปี 54) ค่อนข้างเยอะ ก็คือ ผลกระทบของ อุทกภัย ซึ่งกระทบต่อไตรมาส 4 มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และปัจจัยที่สอง คือ เศรษฐกิจ ภายนอก มีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน โดยเฉพาะเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยุโรป ที่มีแนวโน้ม เข้าสู่ภาวะถดถอย" นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. สายนโยบาย การเงิน กล่าวแถลงข่าว เขา กล่าวว่า ผลกระทบของอุทกภัย คิดเป็น 3.1% ของจีดีพี หรือคิดเป็นมูลค่า ความเสียหายราว 3.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะกระทบเพียง 2.1% ของ จีดีพี ซึ่งนับว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตที่ รุนแรงกว่าคาด และมีความล่าช้าของบริษัทประกัน ในการประเมินความเสียหาย และ
การจ่ายสินไหมทดแทน ผลกระทบของอุทกภัยดังกล่าว ทำให้ ธปท.คาดว่า จีดีพีในไตรมาส 4/54 เมื่อ เทียบรายไตรมาส หดตัว 7.4% และหดตัวลง 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า โดยเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสแล้ว การหดตัวของจีดีพีไตรมาส 4 ถือว่าหดตัวมากกว่า เมื่อครั้งได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในเอเชีย และผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มใน สหรัฐฯ แต่ธปท.คาดว่า การหดตัวดังกล่าว จะเป็นการหดตัวเพียง 1 ไตรมาส เพราะ เกิดจากปัญหาทางด้านซัพพลาย โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ ในไตรมาส 1 ปีนี้ นายไพบูลย์ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 55 ซึ่งเป็นช่วงของการฟื้นตัว จากอุทกภัยนั้น จะมีอุปสงค์ภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญทั้งจากภาคเอกชนและ ภาครัฐ โดยธปท.คาดว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับเป็นปกติได้ในไตรมาส 3 ซึ่งจะ ช้ากว่าที่ประเมินไว้เดิม 1-2 เดือน ทั้งนี้ เนื่องจากเครื่องจักรบางส่วนเสียหายมาก จนต้องนำเข้าใหม่ แทนการ ซ่อมแซม และผู้ประกบการบางรายยังรอความชัดเจน เรื่องแผนบริหารจัดการน้ำจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี ประเมินว่า การบริโภคภาคเอกชนจะฟื้นตัวได้เร็ว ตั้งแต่ในไตรมาส 1/55 จากความจำเป็นต้องใช้จ่าย เพื่อซื้อสินค้าทดแทนทรัพย์สินที่เสียหาย และความ ต้องการบริโภคที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้า รวมถึงผลของมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและภาคการผลิต ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าการบริโภค ซึ่งจะทยอยฟื้นตัวกลับเป็นปกติได้ในไตรมาส 3 เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าและบริการ ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อน และจะกลับเข้าสู่แนวโน้มเดิมได้ใน ไตรมาส 3 เช่นกัน ตามการฟื้นตัวของภาคการผลิตที่ล่าช้า และเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว **พร้อมยืดหยุ่นนโยบายการเงิน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในส่วนแรงกดดันเงินเฟ้อในปี 55 มีแนวโน้มลดลง จาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งช้ากว่าที่คาด แต่การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ ไม่ได้ ลดลงมากนัก เนื่องจากยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อจากมาตรการของภาครัฐ ทั้งการขึ้นค่าจ้าง ขั้นต่ำ การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงนโยบายราคาสินค้าเกษตรและพลังงาน ขณะที่เอกสารประกอบการแถลงข่าวของธปท. ระบุว่า แรงกดดันเงินเฟ้อ มี แนวโน้มแผ่วลงในครึ่งแรกปี 55 โดยชะลอตัวตามการฟื้นตัวของภาคเอกชนที่ล่าช้า และ ราคาอาหารสดเริ่มชะลอตัว หลังจากอุทกภัยคลี่คลาย อีกทั้ง ผลของโครงการรับจำนำข้าวต่อราคาข้าวและอาหาร มีไม่มากนัก เนื่องจากปริมาณข้าวที่เข้าร่วมโครงการ น้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ในครึ่งหลังของปี แรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งกลับขึ้นมา จนอาจจะ ใกล้เคียงกับแนวโน้มเดิม ตามการฟื้นตัวของภาคเอกชน ขณะที่ต้นทุนการผลิตจะได้รับผล จากมาตรการภาครัฐชัดเจนขึ้น ทั้งการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน และนโยบายของราคาน้ำมัน รวมถึงแรงกระตุ้นจากแผนบริหารจัดการน้ำ ที่จะเริ่มทยอยลงทุนในครึ่งหลังปีนี้ นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 3.0% ถือว่าเป็น อัตราดอกเบี้ย ที่สอดคล้องกับการประมาณการเศรษฐกิจในครั้งนี้ แต่หากมีปัจจัยบวกหรือ ลบ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดการณ์ไว้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ก็พร้อมจะ
ปรับนโยบายการเงิน ให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป "การทำดอกเบี้ยนโยบาย ได้มองไปข้างหน้าแล้ว ดอกเบี้ยที่ 3% สอดคล้องกับ เศรษฐกิจที่ได้ประมาณการไปแล้ว ทั้งเงินเฟ้อที่ลดลง และเศรษฐกิจที่ขยายตัว 4.9% แต่ อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ถ้ามีปัจจัยที่แตกต่างไปจากที่ได้คิดไว้ นโยบายการเงิน ก็พร้อมจะยืดหยุ่นกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป" นายไพบูลย์ กล่าว
รายละเอียดของประมาณการเศรษฐกิจปี 55-56
ปี 55 ปี 56
จีดีพีปี(%) +4.9 +5.6
เงินเฟ้อพื้นฐาน(%) +2.2 +1.7
เงินเฟ้อทั่วไป(%) +3.2 +2.9
ส่งออก(%) +7.8 +16.4
นำเข้า(%) +16.2 +16.6
ดุลการค้า ($ พันล้าน) +8.4 +9.2
ดุลบัญชีเดินสะพัด ($ พันล้าน) -4.9 -3.1
การบริโภคภาคเอกชน(%) +4.0 +5.2
การลงทุนภาคเอกชน(%) +11.5 +12.9
-จบ--
(โดย กิติพงศ์ ไทยเจริญ รายงาน; สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง)
0 comments:
Post a Comment