Friday, February 3, 2012

Stock Focus,NEWS, ESSO, 2.FEB.2055., 11.55

Free Stock Photography - Water balls

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัดประเมินว่าในปี 2555 ผลประกอบการของ ESSO จะฟื้นตัวชัดเจนขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิโตขึ้น 20% จากปีก่อนเป็น 4,033 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นฐานกำไรระดับปกติของ ESSO ถ้าไม่มีเหตุการณ์ผิดคาด โดยกำไรที่ดีขึ้นคาดว่ามาจากคาดค่าการกลั่นดีขึ้นจากเฉลี่ย 5.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี2554 เพิ่มเป็น 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาสเปรดพาราไซลีนคาดทรงตัว 550 ดอลลาร์ต่อตันในปี2555 รวมทั้งคาดมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยปี 2554 ที่ 124,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มเป็น 160,000 บาร์เรลต่อวัน และไม่มีหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ บวกกับ Effective Tax Rate ลดลงจาก 30% เหลือ 23%ตามนโยบายรัฐo ลุ้นขายโรงกลั่น ทั้งนี้ยังคงมีประเด็นที่น่าจับตา คือการขายโรงกลั่น หากเทียบกับราคาที่มีการซื้อขายโรงกลั่นในต่างประเทศ โดยเฉพาะกิจการที่เพิ่งมีดีล การขายไปเมื่อเร็วนี้คือ Exxon Malaysia พบว่าซื้อขายกันที่สูงถึง 13,636 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และการขายโรงกลั่นแห่งหนึ่งใน UK ซื้อขายที่ 8,205 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากเทียบกับมาร์เก็ตแคปของ ESSO พบว่าเท่ากับมูลค่าการซื้อขายเพียง 7,090 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลESSO จึงความน่าสนใจมากขึ้นนอกจากนี้ประเมินมูลค่าเหมาะสม 16.50 บาทคงเดิม แม้ว่าการประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี DCF ได้ราคาเป้าหมาย เท่ากับ 25 บาทเกิดจาก PV ที่ Discount Rate 10%ถึงปี 2563 เท่ากับ 14 บาท และDebt ที่สูงราว 14 บาท แต่กิจการมีTerminal Value เท่ากับ 25 บาท ณGrowth Rate 0% แต่เนื่องจาก ESSO มีการสร้างผลกำไรที่ไม่สม่ำเสมอ และมูลค่าดังกล่าวเหมาะจะเกิดเมื่อเกิดการซื้อขายกิจการกัน ซึ่งขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายหรือเงื่อนไขอื่นร่วมด้วยจึงกำหนดราคาคิดลดประมาณ 35% จาก DCF ทำให้ได้ราคาเหมาะสมเป็น 16.50 บาทo TOP อัดงบ 5 ปี 1 พันล.ดอลล์
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือTOP เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี (55-59) จำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ซึ่งโครงการหลักเป็นโครงการขยายท่าเรือขนส่งสินค้าให้รับเรือขนาด 5 หมื่นเดตเวตตัน จากเดิมรับเรือขนาด 5 พันเดตเวตตันรวมทั้งโครงการต่อเนื่องในการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนเพิ่มอีก 1 แสนตัน เป็น 5 แสนตัน และโครงการโรงไฟฟ้า SPP 2 แห่งขนาดโรงละ 120 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าจะใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทสนใจลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนาม ประเภทสารทำละลายตั้งต้น (Solvent) แต่อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุนว่าจะเข้าลงทุนเอง โดยการเข้าซื้อกิจการ หรือจะเริ่มเข้าไปทำการตลาดก่อนแผนการลงทุนในเวียดนามสอดคล้องกับการลงทุนของกลุ่ม ปตท. ส่วนโครงการอื่นๆ จะไปพร้อมกับ ปตท.เช่นประเทศพม่า กัมพูชา และอินโดนีเซีย ซึ่งปตท.จะเป็นแกนหลักในการเข้าไปลงทุน แล้วให้TOP จะเข้าดูแลธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายและการกลั่น โดยบริษัทจะทำแผน Strategic Planning ที่เป็นแผนงานของกลุ่มปตท.ในการลงทุนต่างประเทศ เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ซึ่งTOP จะเสนอแผนในช่วง มิถุนายน-กรกฎาคมส่วน PTT น่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อสรุปแผนงานของกลุ่มในเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ นายสุรงค์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื่อทำให้น้ำหนักเงินสกุลดอลลาร์และเงินบาทมีความเหมาะสม รวมถึงการลดภาระอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งจัดทำแผนการระดมทุนทั้งการออกหุ้นกู้และกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อลงทุนและปรับโครงสร้างหนี้เพราะปัจจุบัน TOP มีสีดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ในระดับต่ำมากแค่ 0.4 เท่า--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
ESSOเนื้อหอมไทย-เทศเจรจาซื้อกิจการโรงกลั่น
Source - ทันหุ้น (Th)
Friday, February 03, 2012 09:16
ทันหุ้น - จับตาดีลซื้อกิจการโรงกลั่น ESSO วงในแย้มบริษัทต่างชาติร่วมเจรจาซื้อกิจการ นอกเหนือTOP ที่ศึกษาแผนการอยู่เช่นกัน ด้าน TOP ตั้งงบลงทุน5 ปี 1 พันล้านดอลลาร์ ลุยธุรกิจในประเทศพม่ากัมพูชา และอินโดนีเซีย ทั้งซื้อกิจการ และร่วมทุนฟากโบรกประเมินปีนี้ ESSO กำไรโต 20% รับอานิสงส์ยูโร 4 และค่าการกลั่นฟื้นตัว แนะ"ซื้อ"เป้า 16.50 บาท ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ESSO วานนี้ (2 ก.พ.) ปิดตลาดที่ระดับ 12.90 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 2.27% มูลค่าซื้อขายรวม491.26 ล้านบาท ส่วนหุ้น TOP ปิดตลาดทรงตัวที่ระดับ 64 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 361.26 ล้านบาท แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ เปิดเผยว่ากระแสข่าวการขายกิจการของ ESSO นั้น มีมูลมากขึ้น และทาง ESSO เองก็แสดงท่าทีว่าต้องการขายเพิ่มขึ้น เพราะเริ่มเป็นสาวเนื้อหอมมีบริษัทต่างชาติให้ความสนใจที่จะซื้อกิจการดังกล่าวเข้ามา นอกเหนือจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) หรือ TOP ที่สนใจเช่นกัน เพราะด้วยทำเลของโรงกลั่น และความต้องการเพิ่มขนาดของโรงกลั่นให้กลับมาใหญ่สุดของกลุ่มปทต.เหมือนอย่างเคย แต่ด้วยกระบวนการ และการเจรจาที่อาจจะต้องใช้เวลาศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบเพราะ TOP หากซื้อ ESSO ไปแล้วอาจจะเจอข้อกล่าวหากลายเป็นผู้ผูกขาดธุรกิจโรงกลั่น จากการเป็นผู้กุมมาร์เก็ตแชร์ถึง 100% ในตลาด แม้ว่าโรงกลั่น ESSO จะเป็นทำเลที่เหมาะสมในการซื้อกิจการก็ตาม ดังนั้นจึงต้องจับตากันต่อไปว่าระหว่างบริษัทคนไทยอย่าง TOP และบริษัทจากต่างประเทศจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ แต่ทั้งนี้การจะขายกิจการโรงกลั่นของ ESSO นั้น อำนาจการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างExxon Mobil International Holdings Inc. ซึ่งถือหุ้นทั้งหมด 2,264,500,000 หุ้น หรือคิดเป็น65.43% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนแล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสเป็นไปได้นั้นก็ยังคงมีให้เห็น เพราะช่วงที่ผ่านทาง Exxon ในมาเลเซียและใน UK ไปแล้วo จุดเด่นของ ESSO
by vajiralux

Read more »

Stock Focus,NEWS ,OIL,PTT,PTTEP,BANPU,1,FEB,2005


นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวสัมมนาในหัวข้อปีนี้มองว่าราคน้ำมันน่าจะมีเสถียรภาพมากกว่าปีที่แล้วที่มีความผันผวนสูงถึงส่วนปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อราคาน้ำมันนอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรป คือ ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก รวมถึงความรุนแรงทางการเมืองและการก่อการร้ายในประเทศไนจีเรียที่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันด้วยความเห็นทิศทางราคาน้ำมันและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในปี 2012" ว่า ทิศทางราคาน้ำมันในปี 55 น่าจะอยู่ในระดับปกติ โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่เฉลี่ย 108 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรป หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคาดว่าอาจจะทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะลดลงไปอยู่ที่ 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบจะลดลงไปที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล30% โดยขึ้นลงระหว่าง 75-115 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปหากสถานการณ์สามารถรอดพ้นครึ่งปีแรกไปได้ เชื่อว่าครึ่งปีหลังสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะดี และทำให้ราคาน้ำมันดิบดี ไม่ได้รับผลกระทบ"นายมนูญ กล่าว: เราเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันรายนี้ยังมองราคาน้ำมันในเชิงบวก โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 100 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล เป็นระดับที่เท่ากับที่เราคาดการณ์ แต่ระยะสั้นมีการมองในเชิงเลวร้ายสุดก็ลงเพียง 75-85 เหรียญฯ เท่านั้น ยังถือว่าโดยรวมราคาน้ำมันปีนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าปีก่อน ดังนั้นในช่วงที่ราคาหุ้นน้ำมันปรับตัวลง เราถือเป็นโอกาสทยอยเข้าซื้อ PTTEP, PTT, TOP, BANPU

Vajiralux Sanglerdsillapachai"

Read more »

Gold Price, 3.Feb.2012., 9.30




SupportResistanceNow
Gold Spot                 1744-1751       1761-1783       1756
US$ / TH฿ 30.7830.98-31.0530.94
Gold Future25540-2570026030-2618025790
Gold Price 255502590025550

Comment: ราคาทองช่วงเช้านี้ยังคงมองขึ้นต่อเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจาก goldspot เคลื่อนตัวขึ้นต่อ รวมทั้ง ค่าเงินบาท ก็อ่อนค่ามาสมทบด้วย ดังนั้นสรุปโดยรวม ผมมองว่าขึ้นต่อ กรณีผมคาดผิด จุดสังเกต gold spot 1750 ลงมาต้องระวัง 1754 อาจจะเปลี่ยนทาง ส่วนค่าเงินบาท หลุด 30.83



Read more »

Thursday, February 2, 2012

Gold Price, 2.Feb.2012., 17.40




SupportResistanceNow
Gold Spot                 1720-1739        1751-1762          1749
US$ / TH฿ 30.7831-31.0430.9
Gold Future25550-256502602025750
Gold Price ทองคำปิด25550
Comment: ราคาทองคืนนี้ยังคงมีมุมมองทางขึ้นมากกว่าลง มาจาก gold spot ที่ยังอยู่ในแนวโน้มขึ้นและ ค่าเงินบาทแม้นว่าจะยังอยู่ในทางลงอยู่แต่ก็ใกล้จุดต่ำสุดวันก่อนที่ 30.83 ซึ่งระหว่างวันยังไม่ลงไป หรือ หลุดลงไป ผมจึงมีความหวังว่า จุดนี้น่าจะเอาอยู่ สรุปโดยรวม มองว่าขึ้นมากกว่าลง กรณีผมคาดผิด goldspot หลุด 1739 หรือ ค่าเงินบาท หลุด 30.83

** เร็วๆ นี้ ผมจะเอาเรื่องของคนที่ลงทุน แล้วประสบความสำเร็จมาลงให้ เพื่อเป็นแนวทางให้สมาชิกทุกๆ ท่านเอาไปปรับปรุงกลยุทธ ในการลงทุนต่อไป  เรื่องขอ เซียนหุ้นจาก 1.2 ล้าน เป็น 100 ล้าน ภายใน 8 ปี




 

Read more »

Stock Tomorrow,GENCO,BAY,SCCC, 2.Feb.2012., 17.30




SupportResistanceNow
GENCO      0.68-0.70      0.77                0.71
BAY 23.424.723.7
SCCC262-264272-288267

Comment: หุ้นที่ให้วันนี้ ก็ควรเล่นเข้าออกเร็วเหมือนกัน เพราะขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว อย่างที่เมื่อวานบอกไว้ ว่า ควรมี 2 แผนก่อนเข้าเล่น และ เร็วๆ นี้ ผมจะเอาเรื่องของคนที่ลงทุน แล้วประสบความสำเร็จมาลงให้ เพื่อเป็นแนวทางให้สมาชิกทุกๆ ท่านเอาไปปรับปรุงกลยุทธ ในการลงทุนต่อไป  เรื่องขอ เซียนหุ้นจาก 1.2 ล้าน เป็น 100 ล้าน ภายใน 8 ปี



Read more »

Stock Focus,NEWS ,SCCC-2,2,FEB,2005

SCCC บุกกัมพูชา-พม่าตั้งรง.ปูน

ดีมานด์รัฐดันรายได้ปีนี้โต10%

Source - ทันหุ้น (Th)

Thursday, February 02, 2012 09:27

39428 XTHAI XECON XFINSEC ZSTOCK DAS V%PAPERL P%THD

ทันหุ้น - บิ๊กSCCCนำทีมเปิดโผปี2555 ผลงานแรง คาดรัฐหนุนเมกะโปรเจ็กต์เพียบ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าดันยอดขายปูนในประเทศพุ่งต่ออีก5% ส่งผลรายได้ปีนี้โตมากกว่า 10%ได้ดีกำลังการผลิตใหม่มอร์ต้าหนุนแย้มอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนกัมพูชาพม่าคาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้

นายฟิลิป อาร์โต้ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงจำกัด (มหาชน)หรือ SCCCเปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงาน ปี 2555 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้เติบโตกว่า 10%จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ2.3หมื่นล้านบาทโดยเติบโตจากปริมาณการใช้ปูนภายในประเทศที่มีทิศทางการใช้เพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในประเทศ

ขณะเดียวกันในปี 2555 บริษัทเพิ่งเปิดกำลังการผลิตเพิ่มภายใต้แบรนด์"มอร์ต้า"ซึ่งมีกำลังการผลิตที่ 250,000 ตัน ซึ่งถือเป็นสายการผลิตแหล่งที่ 2 ของปูนสำเร็จที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างต่างๆ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ปูนในประเทศปีนี้ จะเพิ่มขึ้นราว 5%หรือที่ 29 ล้านตันต่อปี จากปีก่อนที่มีกำลังการผลิตที่ 27.90 ล้านตัน

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาในการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศกัมพูชาซึ่งมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกัน กับโรงงานของเครือซีเมนต์ไทย โดยคาดว่าจะใช้งบการลงทุนที่ราว 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดมีกำลังการผลิตที่2,500-3,200 ตันต่อวัน โดยคาดมีข้อสรุปภายในปีนี้ หากได้ข้อสรุปการลงทุนดังกล่าว จะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2558

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการลงทุนเกี่ยวกับโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศพม่าเช่นกัน ซึ่งบริษัทคาดว่ามีโอกาสที่จะซื้อโรงงานที่มีอยู่แล้วในประเทศพม่าเพื่อมาทำเอง เนื่องจากการลงทุนต่างๆในประเทศดังกล่าวมีหลายขั้นตอนซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลประเทศพม่า ซึ่งการลงทุนดังกล่าว เชื่อว่าเป็นลักษณะจอยเวนเจอร์หรือมีผู้ร่วมทุนรายอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในปีนี้

ด้านนางสาวจันทนา สุขุมานนท์รองประธานกรรมบริหารฝ่ายการตลาดและงานขาย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ SCCC กล่าวว่า ทิศทางการบริโภคปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ บริษัทเชื่อว่าปัจจัยหลักมาจากรัฐบาลเป็นส่วนสำคัญเนื่องจากปัจจุบันมีแผนการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะสายสีม่วงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งส่งผลให้เกิดการใช้ปูนมากขึ้น

สำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศในปีนี้ รัฐบาลจะมีสัดส่วนการใช้อยู่ที่ 40%จากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 30% เนื่องจากปีก่อนการก่อสร้างต่างๆ ค่อนข้างเงียบ ขณะที่อีก 30%คือการใช้สำหรับซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำท่วมต่างๆ และโครงการอสังหาริมทรัพย์

สำหรับงบลงทุนปี 2555 บริษัทตั้งเป้าลงทุนใหม่ราว 1,000 ล้านบาทเพื่อใช้ซ่อมแซมเครื่องจักรต่างๆและซ่อมบำรุง แต่ยังไม่รวมการเข้าซื้อกิจการปีนี้

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด คาดว่า แนวโน้มปี 2555-2556 จะเติบโตต่อเนื่อง จากแรงหนุนความต้องการปูนซีเมนต์ที่เติบโต 5-10%ราคาขายคาดจะปรับขึ้น 100-200 บาทต่อตัน และโครงการ Waste Heat Recovery ช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มนอกจากนี้ SCCC เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล คิดเป็นประมาณ 80-90%ของกำไร โดย SCCC ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังเท่ากับ 6 บาทรวมเป็นเงินปันผล สำหรับกำไรปี 2554 เท่ากับ 13 บาท (เงินปันผลระหว่างกาลสำหรับกำไรครึ่งปีแรกเท่ากับ7 บาท) แนะนำ"ซื้อ" ประเมินราคาเป้าหมาย เท่ากับ 295 บาท--จบ--ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น

Read more »

Stock Focus,NEWS ,MCS,2,FEB,2005

'MCS'ปีนี้เห็นสัญญาณฟื้นตัว

กูรูชี้กำไรแตะ600ล.-เป้า 12 บ.

Source - ทันหุ้น (Th)
Thursday, February 02, 2012 09:18
59155 XTHAI XFRONT XECON XFINSEC ZSTOCK DAS V%PAPERL P%THD
ทันหุ้น - MCS ประกาศเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 80% จากเดิม 19.78% ในโรงงานXiamen China โบรกส่องส่งผลดีแน่พร้อมคาดยอดขายปี 2555 โตมากกว่า 5 หมื่นตัน ส่วนกำไรเติบโตดีขึ้นปีนี้กำไรทะยานแตะ600 ล้านบาทแนะ "ซื้อ" ให้เป้า 12.00 บาท ด้านผู้บริหาร"สมพงษ์ เมธาสถิตย์สุข" ลั่นปีนี้รับทรัพย์เต็มที่สัญญาณการใช้เหล็กฟื้นตัวระยะยาว
บริษัท เอ็ม ซี เอส สตีล จำกัด (มหาชน)หรือ MCS แจ้งว่าบริษัทได้ดำเนินการเข้าถือหุ้นในโรงงาน Xiamen, China จำนวน 80%ซึ่งเป็นผลให้โรงงาน Xiamen, China มีฐานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท จากเดิมที่ถือหุ้น 19.78%
โดยการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของ Hua Yi n H o l di n g C o ., L t d นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท และย้ายหุ้นเดิมจำนวน 19.78%ใน Hua Yin Holding Co.,Ltd ไปที่โรงงานXiamen, China โดยใช้เงินลงทุนเพิ่ม 1.90 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 59.20 ล้านบาท ทั้งนี้โรงงาน Xiamen, China มีทุนจดทะเบียนโรงงานใหม่ 7.8 ล้านดอลลาร์ โดยชำระเต็มจำนวน
นายสุรชัย ประมวลกิจเจริญ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า จากกรณีข้างต้น ฝ่ายวิจัยมองว่า MCS จะดำเนินการบริหารในโรงงานดังกล่าวเองและจะส่งผลดีต่อผลงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งน่าจะช่วยให้โอกาสในการรับงานนั้นมีมากขึ้นด้วย
ยอดขายปี 55 แตะ 5 หมื่นตัน
ทั้งนี้มองว่ายอดขายในปี 2555 ประเมินว่าMCS น่าจะทำยอดขายได้มากกว่า 5 หมื่นตันเนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวได้เริ่มเห็นในปีนี้หลังจากไตรมาส 4/2554 ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมหนัก แต่อย่างไรก็ดี ยอดขายในงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 MCS ทำไว้ที่ 4.4 หมื่นตัน ดังนั้นเบื้องต้นคาดว่าทั้งปี 2554 MCS น่าจะทำยอดขายได้ถึง 5 หมื่นล้านบาท
ในขณะที่ปี 2555 คาดว่าผลประกอบการปกติเติบโตดีขึ้น เพราะจบเรื่องน้ำท่วมแล้ว โรงงานกลับมาผลิตและส่งมอบสินค้าได้ตามปกติ ขณะเดียวกันบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการที่มีใบอนุญาต S-Grade ที่ทำให้มีโอกาสได้รับงานที่มีมาร์จิ้นสูง(เพราะงานซับซ้อนขึ้นแต่แข่งขันน้อยลง) มากขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกาศเพียง10 รายในญี่ปุ่นที่มีใบอนุญาตประเภทนี้
ขณะที่ใบอนุญาตเดิม คือH-Grade มีผู้ได้รับกว่า 200 รายนอกจากนั้นมีโอกาสขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดญี่ปุ่นด้วย เช่น เวียดนาม, ชิลี,ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
สำหรับเงินปันผลงวดปี 2554 คาดว่าจะจ่ายในอัตรา 0.60 บาทต่อหุ้น จากครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้ว 0.30 บาทต่อหุ้น
กำไรปีนี้พุ่ง 600 ล. ทั้งนี้จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2555 จะเติบโต สูงขึ้นจากปี 2554 ที่คาดว่ากำไรอยู่ที่ประมาณกว่า 500 ล้านบาท เป็น550-600 ล้านบาทในปี 2555 เนื่องจากธุรกิจฟื้นตัวดังกล่าวข้างต้นให้ราคาเป้าหมายที่ 12.00 บาท
ด้านนายสมพงษ์ เมธาสถิตย์สุขกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเอ็ม.ซี.เอส. สตีล จำกัด (มหาชน)หรือ MCS เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าทิศทางธุรกิจ ในช่วงไตรมาส 4/2554 อยู่ในทิศทางที่ดีมาก โดยบริษัทได้อานิสงส์จากผลกระทบน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทำให้ล่าสุดบริษัทได้รับงานโครงสร้างพื้นฐานเข้ามาเป็นจำนวนมากแล้ว เช่นการซ่อมแซมถนนสะพาน และโครงสร้างเหล็กในโรงงานต่างๆ
สำหรับการขยายตลาดใหม่ๆนั้นปัจจุบัน MCS ได้รับงานบางส่วนจากตลาดใหม่ อย่าง ชิลีเวียดนาม และฟิลิปปินส์ เข้ามาบ้างแล้ว และปัจจัยเชิงบวกนี้จะส่งผลดีงบไตรมาส 4/2554 และทั้งปี2555 อย่างมากทั้งนี้การที่บริษัทได้รับใบรับรอง S-GRADE จากทางการญี่ปุ่นทำให้ปัจจุบันบริษัทได้รับงานจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสูงมากด้วย
ดังนั้นผลประกอบการปี 2554 จะออกมาเติบโตได้ค่อนข้างดี ทั้งในส่วนของกำไรสุทธิและรายได้รวมโดยคาดว่ารายได้รวมทั้งปี2554 จะเติบโตสูงกว่าเป้าที่วางไว้กว่า 20% จากปี 2553 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3.07 พันล้านบาทขณะที่กำไรสุทธิปี 2553 อยู่ที่ 810.97 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MCS (1 ก.พ. 55)ปิดซื้อขายที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 75.98 ล้านบาท--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น

Read more »

Gold Price, 2.Feb.2012., 9.30




SupportResistanceNow
Gold Spot        1739             1751-1762          1749
US$ / TH฿ 30.7831-31.0430.87
Gold Future256402602025730
Gold Price 254502580025550

Comment: ราคาทองเช้านี้มองว่าทองขึ้นเป็นต่อเพียงเล็กน้อย แม้นว่า gold spot จะเคลื่อนตัวขึ้นไป แต่ค่าเงินบาท กลับแข็งค่าลงมาที่ 30.87  สรุปโดยรวมผมจึงมองว่า side way แต่ถ้าจำเป็นต้องเลือกคือมองว่า ขึ้นแต่ไม่มากนัก



Read more »