Friday, February 3, 2012

Stock Focus,NEWS, ESSO, 2.FEB.2055., 11.55

Free Stock Photography - Water balls

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัดประเมินว่าในปี 2555 ผลประกอบการของ ESSO จะฟื้นตัวชัดเจนขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิโตขึ้น 20% จากปีก่อนเป็น 4,033 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นฐานกำไรระดับปกติของ ESSO ถ้าไม่มีเหตุการณ์ผิดคาด โดยกำไรที่ดีขึ้นคาดว่ามาจากคาดค่าการกลั่นดีขึ้นจากเฉลี่ย 5.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี2554 เพิ่มเป็น 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาสเปรดพาราไซลีนคาดทรงตัว 550 ดอลลาร์ต่อตันในปี2555 รวมทั้งคาดมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยปี 2554 ที่ 124,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มเป็น 160,000 บาร์เรลต่อวัน และไม่มีหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ บวกกับ Effective Tax Rate ลดลงจาก 30% เหลือ 23%ตามนโยบายรัฐo ลุ้นขายโรงกลั่น ทั้งนี้ยังคงมีประเด็นที่น่าจับตา คือการขายโรงกลั่น หากเทียบกับราคาที่มีการซื้อขายโรงกลั่นในต่างประเทศ โดยเฉพาะกิจการที่เพิ่งมีดีล การขายไปเมื่อเร็วนี้คือ Exxon Malaysia พบว่าซื้อขายกันที่สูงถึง 13,636 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และการขายโรงกลั่นแห่งหนึ่งใน UK ซื้อขายที่ 8,205 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากเทียบกับมาร์เก็ตแคปของ ESSO พบว่าเท่ากับมูลค่าการซื้อขายเพียง 7,090 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลESSO จึงความน่าสนใจมากขึ้นนอกจากนี้ประเมินมูลค่าเหมาะสม 16.50 บาทคงเดิม แม้ว่าการประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี DCF ได้ราคาเป้าหมาย เท่ากับ 25 บาทเกิดจาก PV ที่ Discount Rate 10%ถึงปี 2563 เท่ากับ 14 บาท และDebt ที่สูงราว 14 บาท แต่กิจการมีTerminal Value เท่ากับ 25 บาท ณGrowth Rate 0% แต่เนื่องจาก ESSO มีการสร้างผลกำไรที่ไม่สม่ำเสมอ และมูลค่าดังกล่าวเหมาะจะเกิดเมื่อเกิดการซื้อขายกิจการกัน ซึ่งขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายหรือเงื่อนไขอื่นร่วมด้วยจึงกำหนดราคาคิดลดประมาณ 35% จาก DCF ทำให้ได้ราคาเหมาะสมเป็น 16.50 บาทo TOP อัดงบ 5 ปี 1 พันล.ดอลล์
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือTOP เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี (55-59) จำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ซึ่งโครงการหลักเป็นโครงการขยายท่าเรือขนส่งสินค้าให้รับเรือขนาด 5 หมื่นเดตเวตตัน จากเดิมรับเรือขนาด 5 พันเดตเวตตันรวมทั้งโครงการต่อเนื่องในการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนเพิ่มอีก 1 แสนตัน เป็น 5 แสนตัน และโครงการโรงไฟฟ้า SPP 2 แห่งขนาดโรงละ 120 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าจะใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทสนใจลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนาม ประเภทสารทำละลายตั้งต้น (Solvent) แต่อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุนว่าจะเข้าลงทุนเอง โดยการเข้าซื้อกิจการ หรือจะเริ่มเข้าไปทำการตลาดก่อนแผนการลงทุนในเวียดนามสอดคล้องกับการลงทุนของกลุ่ม ปตท. ส่วนโครงการอื่นๆ จะไปพร้อมกับ ปตท.เช่นประเทศพม่า กัมพูชา และอินโดนีเซีย ซึ่งปตท.จะเป็นแกนหลักในการเข้าไปลงทุน แล้วให้TOP จะเข้าดูแลธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายและการกลั่น โดยบริษัทจะทำแผน Strategic Planning ที่เป็นแผนงานของกลุ่มปตท.ในการลงทุนต่างประเทศ เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ซึ่งTOP จะเสนอแผนในช่วง มิถุนายน-กรกฎาคมส่วน PTT น่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อสรุปแผนงานของกลุ่มในเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ นายสุรงค์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื่อทำให้น้ำหนักเงินสกุลดอลลาร์และเงินบาทมีความเหมาะสม รวมถึงการลดภาระอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งจัดทำแผนการระดมทุนทั้งการออกหุ้นกู้และกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อลงทุนและปรับโครงสร้างหนี้เพราะปัจจุบัน TOP มีสีดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ในระดับต่ำมากแค่ 0.4 เท่า--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
ESSOเนื้อหอมไทย-เทศเจรจาซื้อกิจการโรงกลั่น
Source - ทันหุ้น (Th)
Friday, February 03, 2012 09:16
ทันหุ้น - จับตาดีลซื้อกิจการโรงกลั่น ESSO วงในแย้มบริษัทต่างชาติร่วมเจรจาซื้อกิจการ นอกเหนือTOP ที่ศึกษาแผนการอยู่เช่นกัน ด้าน TOP ตั้งงบลงทุน5 ปี 1 พันล้านดอลลาร์ ลุยธุรกิจในประเทศพม่ากัมพูชา และอินโดนีเซีย ทั้งซื้อกิจการ และร่วมทุนฟากโบรกประเมินปีนี้ ESSO กำไรโต 20% รับอานิสงส์ยูโร 4 และค่าการกลั่นฟื้นตัว แนะ"ซื้อ"เป้า 16.50 บาท ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ESSO วานนี้ (2 ก.พ.) ปิดตลาดที่ระดับ 12.90 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 2.27% มูลค่าซื้อขายรวม491.26 ล้านบาท ส่วนหุ้น TOP ปิดตลาดทรงตัวที่ระดับ 64 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 361.26 ล้านบาท แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ เปิดเผยว่ากระแสข่าวการขายกิจการของ ESSO นั้น มีมูลมากขึ้น และทาง ESSO เองก็แสดงท่าทีว่าต้องการขายเพิ่มขึ้น เพราะเริ่มเป็นสาวเนื้อหอมมีบริษัทต่างชาติให้ความสนใจที่จะซื้อกิจการดังกล่าวเข้ามา นอกเหนือจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) หรือ TOP ที่สนใจเช่นกัน เพราะด้วยทำเลของโรงกลั่น และความต้องการเพิ่มขนาดของโรงกลั่นให้กลับมาใหญ่สุดของกลุ่มปทต.เหมือนอย่างเคย แต่ด้วยกระบวนการ และการเจรจาที่อาจจะต้องใช้เวลาศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบเพราะ TOP หากซื้อ ESSO ไปแล้วอาจจะเจอข้อกล่าวหากลายเป็นผู้ผูกขาดธุรกิจโรงกลั่น จากการเป็นผู้กุมมาร์เก็ตแชร์ถึง 100% ในตลาด แม้ว่าโรงกลั่น ESSO จะเป็นทำเลที่เหมาะสมในการซื้อกิจการก็ตาม ดังนั้นจึงต้องจับตากันต่อไปว่าระหว่างบริษัทคนไทยอย่าง TOP และบริษัทจากต่างประเทศจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ แต่ทั้งนี้การจะขายกิจการโรงกลั่นของ ESSO นั้น อำนาจการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างExxon Mobil International Holdings Inc. ซึ่งถือหุ้นทั้งหมด 2,264,500,000 หุ้น หรือคิดเป็น65.43% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนแล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสเป็นไปได้นั้นก็ยังคงมีให้เห็น เพราะช่วงที่ผ่านทาง Exxon ในมาเลเซียและใน UK ไปแล้วo จุดเด่นของ ESSO
by vajiralux

0 comments:

Post a Comment