Showing posts with label NEWS. Show all posts
Showing posts with label NEWS. Show all posts

Friday, May 11, 2012

NEWS,ESSO,20.FEB.2012.,11.48

 

เอ็กซอนฯแอบขายปั๊ม ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ประเมินว่า บริษัท TonenGeneral Sekiyu (TG) ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ ของ ExxonMobil ในญี่ปุ่นได้ประกาศว่ามีแผนจะเข้าซื้อหุ้นจำนวน 99% ของ ExxonMobil Yugen Kaisha (EMYK) และยังรวมการซื้อคืนหุ้นของ TonenGeneral Sekiyu (TG) ซึ่ง ExxonMobil ถือครองอยู่กว่า 50% คืนจำนวน 28%

โดยขณะนี้ TonenGeneral Sekiyu (TG) มีกำลังการกลั่นโดยเฉลี่ยที่ 661,000 บาร์เรลต่อวัน โดย TG จะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 3.94 พันล้านเหรียญฯ ทั้งนี้ในปัจจุบัน EMYK (ExxonMobil ถือครองอยู่ 50%) และ TonenGeneral Sekiyu (TG) (กำลังการผลิตในส่วน 28%) มีกำลังการผลิตโดยรวมจากโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมี อยู่ที่ 287,000 บาร์เรลต่อวัน (แบ่งเป็นโรงกลั่น 272,000 บาร์เรลต่อวัน และพาราไซลีนที่ 15,000 บาร์เรลต่อวัน) บริษัทคาดว่าดีลจะสามารถจบได้ในเดือน มิ.ย. 55

สำหรับดีลการซื้อล่าสุด ซื้อขายโรงกลั่นด้วยมูลค่าสูงราว 13,000เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งถ้าเทียบเป็นหุ้น ESSO ถือว่าสูงถึง 21.77 บาทต่อหุ้น ดังนั้นเชื่อว่าดีลการขาย ESSO น่าจะได้ราคาดี--จบ--

Source - ข่าวหุ้น (Th)
Monday, February 20, 2012 04:07
กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--ข่าวหุ้น
ESSO แวลูพุ่ง 21 บ. ExxonMobil International Holdings Inc. แอบเจรจาขายปั๊มเอสโซ่ทั่วประเทศ 570 แห่ง ระบุฝรั่งอุบเงียบไม่รับไม่ปฏิเสธ คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ดีลขายโรงกลั่น ExxonMobil ในญี่ปุ่นและมาเลเซีย เทียบเท่าราคา ESSO ที่ระดับ 21 บาท แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจน้ำมัน เผยว่า ExxonMobil International Holdings Inc. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO สัดส่วน 65.43% ได้เจรจาขายปั๊มน้ำมันของเอสโซ่ในเขตอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และสถานีบริการน้ำมันทุกแห่งของบริษัททั่วประเทศ จำนวน 570 แห่งทั้งที่เป็นของบริษัทและที่ร่วมลงทุน โดยแบ่งขายเป็นโซนๆ ไป “เอ็กซอนได้แสดงเจตจำนงกับผู้ประกอบการธุรกิจน้ำมันที่จะขายปั๊มน้ำมันทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการทำธุรกิจนี้อีกต่อไป และยังส่งสัญญาณว่าจะขายโรงกลั่นเอสโซ่ต่อไป”แหล่งข่าว กล่าว ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวของบริษัทคาดว่าจะแยกขายกิจการระหว่างสถานีบริการ และโรงกลั่น ซึ่งในส่วนของโรงกลั่น บริษัทไทยออยล์สนใจที่จะซื้ออยู่แล้วโดยที่ผ่านมาหลังจากที่มีกระแสข่าวว่าจะขายโรงกลั่นเอสโซ่ให้กับบมจ.ไทยออยล์ ทาง ExxonMobil International Holdings ก็ได้แจ้งตลาดว่าไม่ขอออกความเห็นในประเด็นดังกล่าว ขณะที่ไทยออยล์เองก็รอความชัดเจนจากทางเอ็กซอนฯ ซึ่งคาดว่าดีลนี้จะรู้ผลในไม่ช้านี้ขณะที่ราคาที่ซื้อขายโรงกลั่นน้ำมันในปัจจุบันค่อนข้างสูง จากการขายโรงกลั่นของญี่ปุ่นก็สูงกว่า 2 เท่าของมูลค่าทางบัญชี ดังนั้นราคาโรงกลั่นเอสโซ่จึงไม่ควรจะต่ำกว่านี้นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กล่าวว่า ภายในปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในการซื้อโรงกลั่นเอสโซ่ ส่วนจะเป็นช่วงไหนก็คงต้องขึ้นกับทาง Exxon รวมทั้งยังมีอีกหลายประเด็นที่จะต้องเจรจานักวิเคราะห์มองว่า สำหรับประเด็นแผนการซื้อ ESSO หากเกิดขึ้นจริงก็จะทำให้ TOP มี upside ขึ้น จากกำลังการผลิตของ ESSO ที่ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตแค่ 70% ของทั้งหมด เป็นไปตามนโยบายของบริษัทแม่ ดังนั้น หาก TOP เข้ามาก็จะสามารถปรับแผนการผลิตใหม่ได้ และเติมเต็มซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกัน ESSO ก็มี Px ด้วย ซึ่งก็น่าจะมี outlook ที่ดีเช่นกัน จึงมองว่าธุรกิจน่าจะเกื้อหนุนกันได้ดี

Read more »

Monday, April 23, 2012

STOCK NEWS,TRUE,24.Apr.2012


วันนี้จับตาคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการ เปิดเผยผลตรวจสอบสัญญาทำธุรกิจมือถือรูปแบบใหม่ เพื่อให้บริการ3จี ระหว่างบมจ. กสท โทรคมนาคม กับบริษัท ทรูมูฟ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TRUE เราเห็นว่า การตรวจสอบดังกล่าวมีประเด็นมุ่งหวังทางการเมืองเป็นหลัก โดยหากคณะอนุฯ ตรวจสอบว่าผิดจริง อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาหุ้น TRUE แต่ยังไม่กระทบต่อการดำเนินงาน เพราะ TRUE ยังคงสามารถให้บริการได้ตามปกติภายใต้สัญญาเป็นตัวแทนจำหน่าย (reseller) จนกว่าศาลจะตัดสิน ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนการตัดสินทั้งจากศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคาดยังต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะได้คำตัดสินสิ้นสุดออกมา

Read more »

Friday, April 20, 2012

Stock News,ยอดการผลิตรถ,20.Apr.2012.,


ผลิตและขายรถเดือนมี.ค.ทำสถิติสูงสุดใหม่

เดือน มี.ค. มียอดผลิตรถยนต์พุ่งสูงถึง 190,935 คัน และ มียอดขายในประเทศ 110,928 คัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าค่ายรถยนต์ Honda จะยังไม่กลับมาผลิต แนวโน้มปี 2555 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประเมินยอดผลิตรถยนต์จะสูงถึง 2.1-2.3 ล้านคัน หรือ เติบโต 44-47% สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศค่ายโตโยต้าประเมินจะสูงถึง 1.1 ล้านคัน เติบโต 38.5% คาดกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์จะได้ประโยชน์ จากการเติบโตสูงในอุตสาหกรรมรถยนต์ แนะนำ หุ้น AH (เป้าหมาย 15 บาท) , SAT (เป้าหมาย 30 บาท), STANLY (เป้าหมาย 200 บาท)

  • ยอดผลิตรถยนต์ทำสถิติสูงสุดใหม่ 190,935 คัน: กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมีนาคม 2555 มีทั้งสิ้น 190,935 คัน สูงสุดนับตั้งแต่มีการผลิตรถยนต์ปี พ.ศ.2504 เป็นต้นมา โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.01% และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 13.5% สำหรับไตรมาส1/55 จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ มีจำนวนทั้งสิ้น 499,560 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.52%
  • แนวโน้มไตรมาส 2/55 จะชะลอตัว : ส.อ.ท. ได้ประมาณการผลิตรถยนต์ในไตรมาส
    2/55 มีจำนวน 477,777 คัน เปรียบเทียบกับยอดผลิตจริง ไตรมาส 1/55 จะลดลง 4.36% และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะพุ่งขึ้นถึง 39.85% เนื่องจากปีก่อนมีปัญหาสึนามิในญี่ปุ่น สำหรับแนวโน้มปี 2555 ประเมินยอดผลิตรถยนต์เท่ากับ 2.1-2.3 ล้านคันเติบโตสูงจากปีก่อนที่มียอดผลิตรถยนต์เพียง 1.46 ล้านคัน เนื่องจากปีก่อนถูกกระทบทั้งสึนามิในญี่ปุ่น และ ปัญหาน้ำท่วมในไทย

  • ตลาดรถยนต์ในประเทศทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 110,928 คัน โต 19.3% :
    สถิติการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ประจำเดือน มีนาคม 2555 มีปริมาณการขาย110,928 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 19.3% และ มากกว่าเดือนก่อน 21.48% ค่ายรถโตโยต้าประเมินตลาดรถยนต์ในเมืองไทยยังคงมีความต้องการอยู่อย่างมาก และ มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ด้วยการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ตลอดจนนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้ คาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์ในเมืองไทย จะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.1 ล้าน คัน เติบโตสูงถึง 38.5% ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยจะมียอดขายรถยนต์เกิน 1 ล้านคันต่อปี
  • คงมุมมองในด้านบวกต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีนี้ :
    ตัวเลขยอดผลิตปัจจุบันค่ายรถยนต์ต่างๆได้กลับมาผลิตเต็ม 100% และ ยังบวกด้วยโอที เนื่องจากยังมียอดรถจองที่ค้างส่งอยู่เป็นจำนวนมาก โดยค่ายรถยนต์ฮอนด้าที่เริ่มกลับมาผลิตปลายเดือน มีนาคม หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมในไตรมาสสี่ปีก่อน โดยแนวโน้มปี 2555 คาดค่ายรถยนต์ต่างๆจะกลับมาผลิตสูงกว่าระดับปกติ ทำให้คาดจะเติบโตโดดเด่น

  • นอกจากนี้เราคาดอุตสาหกรรมรถยนต์จะยังได้แรงหนุนจาก นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อ และ ค่ายรถต่างๆมีการเปิดตัวรถอีโค-คาร์มากขึ้น รวมถึงค่ายรถยนต์ต่างๆยังยืนยันที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตในการส่งออก ทำให้แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีนี้จะเติบสูง โดยสถาบันยานยนต์ และ สภาอุตสาหกรรมประเมินยอดผลิตรถยนต์จะสูงถึง 2.1-2.3 ล้านคัน เติบโตสูงจากปีก่อนที่มียอดผลิตรถยนต์เท่ากับ 1.46 ล้านคัน และ ค่ายโตโยต้าประเมินตลาดรถยนต์ในนี้จะพุ่งขึ้นถึง 1.1 ล้านคัน เติบโตถึง 38.5% สำหรับหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่เราศึกษา และ แนะนำ ซื้อ ได้แก่ AH(ราคาเป้าหมาย 15 บาท), SAT (ราคาเป้าหมาย 30 บาท) และ STANLY (ราคา เป้าหมาย 200 บาท) แต่ราคาหุ้นก็ได้ปรับขึ้นมารับข่าวด้านบวกค่อนข้างมาก นับตั้งแต่ต้นปี พุ่งขึ้นมา 23-37%

    สุรชัย ประมวลเจริญกิจ

    Read more »

    Thursday, March 15, 2012

    Stock,News,เลิกแปรรูปตลาดหุ้น


    Every day may not be good,
    but there is something good in every day.
    ทุก ๆ วันอาจจะไม่ใช่วันที่ดี แต่มันก็มีสิ่งดี ๆ บางสิ่งเกิดขึ้นในทุก ๆ วัน


    เลิกแปรรูปตลาดหุ้น
    Source - เว็บไซต์ไทยรัฐ (Th)
    Thursday, March 15, 2012 05:14
    
    คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ จะเดินทางไปประชุมร่วมกับ บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ เป็นครั้งแรกในวันพุธหน้า เพื่อมอบนโยบายให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ และหนึ่งในนโยบายที่จะมอบในวันนั้นก็คือ นโยบายการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ ที่ตลาดหลักทรัพย์กำลังดำเนินการอยู่วันนี้ผมมีข้อมูลจากวารสาร “การเงินธนาคาร” มาเล่าสู่กันฟังล่วงหน้ารองนายกฯกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “การเงินธนาคาร” ฉบับล่าสุดเดือนมีนาคมอย่างชัดเจนว่า “ผมจะไม่แปรรูปตลาดหลักทรัพย์ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องแปรรูปเลย มุมมองเกี่ยวกับนโยบายตลาดทุนของผมก็คือ เลิกคิดแปรรูปเสียเถอะ” ถือเป็นนโยบายตลาดทุนที่ชัดเจนยิ่งเหตุผลที่ รองนายกฯกิตติรัตน์ ไม่เห็นด้วยกับการแปรรูปตลาด หลักทรัพย์ ก็เป็นเหตุผลที่น่ารับฟังอย่างยิ่งเหมือนกันการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Demutualization เพื่อแก้ไขการถูกครอบงำ ตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งในโลกที่ Demutualization ก็เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์เหล่านั้น ก่อตั้งขึ้นมาจากความร่วมมือของโบรกเกอร์นายหน้า หรือกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ร่วมมือกันก่อตั้งเป็น “ตลาดหลักทรัพย์” ขึ้นมา และดำเนินธุรกิจเพื่อประโยชน์ของผู้ก่อตั้งเป็นสำคัญ เมื่อใดที่ตลาดหลักทรัพย์มีกำไร ก็จะจ่ายผลตอบแทนให้กับโบรกเกอร์ตลาดหลักทรัพย์บางแห่งก็ไม่แข็งแรง เพราะมีทุนไม่มาก และดำเนินนโยบายที่เน้นประโยชน์ของบริษัทนายหน้าผู้ก่อตั้งเพียงอย่างเดียว ทั้งที่มีผู้ได้รับประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์หลายกลุ่ม เช่น บริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุนรายย่อยและสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้ประกอบอาชีพวานิชธนกิจ รวมทั้งรัฐบาลด้วย ดังนั้น ถ้าไม่มีการแก้ไขด้วยการทำ Demutualization ก็จะทำให้ตลาดหลักทรัพย์นั้นอ่อนแอแต่กรณีของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่มีความจำเป็นต้องดีมิว เพราะตลาดหลักทรัพย์ไทยไม่เคยถูกครอบงำเลย แม้บริษัทนายหน้าหรือโบรกเกอร์จะมีสิทธิ์เสนอตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการใน บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ ได้ 5 คน จากกรรมการทั้งหมด 11 คน แต่การทำงานของตัวแทนโบรกเกอร์ 5 คน ก็ไม่สามารถครอบงำหรือทำอะไรที่เป็นผลเสียในลักษณะเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเพียงอย่างเดียวได้ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ไทยก็มีทุนที่แข็งแรงจากการสะสมมา 30 ปี และก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสามารถครอบงำตลาดหลักทรัพย์ได้รองนายกฯกิตติรัตน์ จึงฟันธงว่า ไม่ควรแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ เพื่อแก้ปัญหาการครอบงำเหมือนประเทศอื่น ถ้าแปรรูปเมื่อไรก็จะเกิดกลุ่มคนที่ต้องการกำไรสูงสุด จากการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์เป็นเป้าหมายหลัก แทนที่จะให้ตลาดหลักทรัพย์ทำงานเพื่อพัฒนาตลาดทุนของไทยทั้งหมด เมื่อไม่แปรรูปแล้ว การพัฒนาตลาดทุนต่อไป รองนายกฯกิตติรัตน์ บอกว่าจะเสนอให้ตั้ง “คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน” ขึ้นมาใหม่ เพื่อทำหน้าที่พัฒนาตลาดทุนต่อไป กรรมการชุดนี้จะไม่มีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นชื่อคนเลย จะคัดเข้ามาโดยตำแหน่ง เช่น กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เลขาธิการ ก.ล.ต. นายกสมาคมตลาดทุนทั้ง 5 สมาคม ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และจะเชิญแบงก์ชาติมาร่วมด้วยก็เป็นนโยบายที่ดีครับ ผมเห็นด้วยกับ รองนายกฯกิตติรัตน์ ว่า ตลาดหลักทรัพย์ ต้องเป็นแกนหลักในการ พัฒนาตลาดทุน เพื่อให้ตลาดทุนไทยแข็งแรงแข่งกับเพื่อนบ้านได้ ตลาดหลักทรัพย์ ไม่ควรเป็น องค์กรธุรกิจ ที่มุ่ง ทำกำไรสูงสุด เช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผิดเจตนารมณ์การก่อตั้งที่ต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์นำรายได้ไปพัฒนาตลาดทุนต่อ โดยรัฐบาล “ยกเว้นภาษีเงินได้ร้อยละ 30” เพื่อให้มีเงินทุนที่แข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่หากำไรเพื่อแบ่งกัน.
    “ลม เปลี่ยนทิศ”

    Read more »

    Tuesday, March 6, 2012

    NEWS,HOT NEWS,6.Mar.2012.,14.25

    TUF ประกาศเพิ่มทุน 199 ล้านหุ้น โดยจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1หุ้นเพิ่มทุนใหม่ ราคาเพิ่มทุน 50 บาท/หุ้น
    วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน คือนำเงินไปชำระภาระหนี้สิน ที่เหลือจะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้เราได้ปรับปรุงประมาณการปี 55-56 ใหม่ โดยลดคาดการณ์ดอกเบี้ยจ่ายลงจากการชำระหนี้สินคืน จึงทำให้คาดว่าแนวโน้มกำไรปี 55 จะเพิ่มขึ้นเป็น 6 พันล้านบาท (จากเดิม 5,575 ล้านบาท) แต่ผลจาก Dilution effect ของการเพิ่มทุนราว 20% จึงทำให้คาดการณ์ EPS ปี 55 ลดลงเหลือ 5.02 บาท (จากเดิม 5.58 บาท) ซึ่งทรงตัวใกล้เคียงกับ EPS ปี 54 เราประเมินราคาเหมาะสมใหม่ปี 55 (Fully diluted) ของ TUF เท่ากับ 75 บาท อิง PER 15 เท่า เราคาดว่าราคาหุ้น TUF น่าจะสนองข่าวลบการเพิ่มทุนในวันนี้ แนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง

    Read more »

    Wednesday, February 22, 2012

    Stock Focus,NEWS,22.Feb.2012.,15.05



    ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติว่า พรก. 2  ฉบับ คือ 1) พรก.บริหารหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 1.14 ล้านล้านบาท และ 2) พรก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทแก้นํ้าท่วม  ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ


    --------------------------
    CPF รายงานกำไรสุทธิ 4Q54 เท่ากับ 2,403 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 51% QoQ และน้อยกว่าที่เราคาดไว้ 4.5% โดย Gross Margin ปรับตัวลดลงมากสู่ระดับ 13% จาก 17.9% ใน 3Q54 ซึ่งลดลงมากกว่าที่เราคาด ในขณะที่กำไรสุทธิทั้งปี 2554 ของ CPF เท่ากับ 15,837 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 17% YoY และใกล้เคียงกับประมาณการของเรา เรายังแนะนำซื้อ CPF กำหนดราคาเหมาะสมปี 2555 เท่ากับ 45 บาท อิง PER 15 เท่า โดยคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวด 2H54 เท่ากับ 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield เท่ากับ 1.7% p.a. (จ่ายไปแล้ว 0.60 บาท/หุ้นในงวด 1H54) กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พ.ค. 2555 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พ.ค. 55

    Read more »