SCC, PTT, BANPU, STA, AMATA
วันนี้เลือก Pure Commodity
และหุ้นกำไรเปลี่ยนชีวิตอย่าง AMATA
เรายังมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเดือน ก.พ.นี้ โดยวานนี้จากการถูกซักถามในที่ประชุมวุฒิสภา เกี่ยวกับกรณีกระทรวงการคลังจะขายหุ้นบางส่วนหรือโอนหุ้นใน PTT ไปให้กองทุนวายุภักษ์ จาก 51.5% เหลือ 49% ผลการซักถาม รัฐบาลเปิดเผยว่าเป็นเพียงแนวคิดของแกนนำความคิดเรื่องนี้ต่อนักข่าวเท่านั้น ไม่ได้จะกระทำการขายหุ้นเพื่อลดสัดส่วนออกไปจริง ซึ่งผลการตอบเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่ากระทรวงการคลังจะไม่หยิบยกเรื่องนี้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นแต่อย่างใด ส่วนกรณี พ.ร.ก. 2 ฉบับ ยังต้องรอการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ต่อไป เชื่อว่ายังมีอีกหลายข่าวเข้ามาสร้างความ Overhang ให้กลุ่ม PTT แต่ปีนี้ถือเป็นปีของการลงทุนที่ดีในหุ้นขนาดใหญ่ เน้นไปที่ PTT group และ SCC รวมถึง BANPU, STA เราจัดเป็น Pure Commodity ส่วน AMATA กำไรสุทธิไตรมาส 4/54 โดดเด่นมาก ลุ้นปี 2555 กำไรทำ New High ต่อไป
(-/+)STA: ยังคาดการณ์งบไตรมาส 4/54 ออกมาเป็นขาดทุน แต่เชื่อว่ามีกำไรคืนกลับในไตรมาส 1/55 ได้ โดยราคายางพาราตลาด TOCOM ขณะนี้ปรับตัวอยู่ที่ 119 บาทต่อ กก.เทียบเป็นเงินไทยแล้วอ่อนแอกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และเงินไทย แต่ทั้งนี้จะสร้างผลดีให้กับดีมานด์การขาย เชื่อว่าราคายางจะมีทิศทางการปรับตัวตามตลาดหุ้นและราคาน้ำมันที่ขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน อีกทั้งเงินเยนอ่อนค่าต่ำสุดรอบ 6 เดือน เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และอ่อนเมื่อเทียบกับเงินไทยด้วย เป็นการสร้างความมั่นใจ และสร้างดีมานด์ให้กับผู้ส่งออกของญี่ปุ่น โดยขณะนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตยางลดลง เพราะเข้าสู่ฤดูผลัดใบ ผลผลิตแถบภาคเหนือและอิสานค่อนข้างน้อยมาก และผลผลิตทางใต้น้อยลง รัฐบาลคาดว่าเริ่มโครงการแทรกแซงราคายางพาราได้ในราว มี.ค.55 ในขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจยางรถยนต์ในประเทศจีนยังคงมีสต๊อกยางสูงอยู่ราว 32,000 ตัน คาดใช้เวลาราว 1-2 เดือนจะต้องเริ่มทำการสต๊อกใหม่ คาดว่า Commodity จะได้ผลดีหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จะลดสัดส่วนการกันสำรองลงเป็นครั้งที่ 2 มีผลบังคับใช้ 24 ก.พ. นี้ ทำให้เพดานกันสำรองลดลงไป 0.50% เหลือ 20.5% สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และธนาคารขนาดกลางและขนาดย่อมจะลดเหลือ 17%
(+)AMATA: กำไรไตรมาส 4/54 โดดเด่นสูงถึง 479 ล้านบาท มากกว่า 3 ไตรมาสแรกรวมกัน และ มากกว่าเราคาด แนวโน้มปี 2555 คาดจะเติบโตโดดเด่น ผู้บริหารปรับเป้ายอดขายที่ดินขึ้นเป็น 3,000 ไร่ จากเดิม 2,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่าตัว ปรับประมาณการขึ้น คาดยอดรับรู้รายได้ปี 2555 จะเติบโตสูง 43% สู่ระดับ 5,232 ล้านบาท และ มีกำไรพุ่งขึ้น 64% เป็น 1,527 ล้านบาท มีที่ดินเปล่าในมือที่รอการพัฒนาสูงถึง 14,000 ไร่ รัฐบาลเวียดนามอนุมัติสร้างนิคมแห่งที่สอง สร้างโรงงานให้เช่าเพิ่ม จะหนุนการเติบโต คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 21 บาท
(+)TOP, PTTGC: เราปรับราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 91 บาท และ 89 บาท ไปมากลายเป็นแฝดมหัศจรรย์ได้ ทั้งคู่น่าจะได้ผลบวกจากสเปรดพาราไซลีน ค่าการกลั่น และ MEG (เฉพาะ PTTGC) มากที่สุด
(+)THCOM ขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/54 เท่ากับ 314 ล้านบาท จากรายการ Deferred Tax เท่ากับ 360 ล้านบาท และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน หากหักรายการพิเศษมีกำไรจากการดำเนินงาน 85 ล้านบาท ปี 2555 คาดมี Utilization Rate เพิ่ม จากจีน ส่วนธุรกิจโทรศัพท์ในลาวเริ่มดีขึ้น และมีแนวโน้มจะขายหรือนำเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ลาว กำลังศึกษาอยู่ ดาวเทียมไทยคม 6 และ 7 เตรียมจะยิงในปี 2556 และปี 2557 มูลค่าเหมาะสม 13.80 บาท (ซื้ออ่อนตัวต่ำกว่า 13.00 บาท)
TOP ปรับราคาเป้าหมายเป็นที่ 84 บาท ตามวิธี PER 10 เท่าเช่นเดียวกัน PTTGC ก่อนค่ะ ยังไม่ใช้ DCF ซึ่งคำนวณได้ 91 บาท รอการคำนวณ DCF ของ PTTGC ได้ก่อน หลังมีงบจริงไม่ใช่งบเสมือน ขออภัยใน Trinity Today ใส่ว่า TOP เป้าหมาย 91 ให้เปลี่ยนมาใช้ 84 ก่อน และ PTTGC เป้าหมาย 89
by Vajiralux Sanglerdsillapachai