Monday, April 23, 2012

Gold Price,23.Apr.2012.,18.30


 

บทความ 2011 , บทความ 2012 , กรูหุ้น 1000 ล้าน,

เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,




Lose your dreams
and you will lose your mind.
หากคุณทำความฝันหล่นหาย ความคิดของคุณก็จะหายไปด้วย
SupportResistanceNow
Gold Spot                 1618-1627            1635-1651               1630
US$ / TH฿ 30.85-30.9231.04-31.1430.98
Gold Future23950-2406024340-2444024100
Gold Price ทองแท่งปิดปิด24000

Comment: ราคาทองในคืนนี้ คิดว่ายังคงเล่นในกรอบ gold spot 1618-1648 ส่วนค่าเงินบาท อยู่ที่ 30.98 อ่อนค่ามาลงจากช่วงเช้าเล็กน้อย  ดังนั้นสรุป คิดว่าวันนี้คงเล่นอยู่ในกรอบดังกล่าว รอซื้อตามแนวรับที่ให้เพื่อเล่นเด้งขึ้นครับ ถ้าราคาเปิด ต่ำกว่า 24080 น่าเข้าซื้อเพื่อเด้งครับ

















Read more »

Stock Tomorrow,SINGER,LH,SYNTEC,24.Apr.2012


Life isn't about finding yourself.
Life is about creating yourself.
ชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวตนของเราเอง
แต่มันคือการสร้างตัวตนของเราเองขึ้นมาต่างหาก

SupportResistanceNow
SINGER                       10.8-11.2            12-13                11.58.5
LH 7.8-88.3-8.98.1
SYNTEC0.981.091

Comment:  ตลาดวันนี้ปิด 1189.35 จุด ลบ 5.25 จุด ปริมาณซื้อขาย 24800.84ล้านบาท หุ้นที่ให้เล่น ตามแนวรับแนวต้านครับ แต่หุ้นพวกนี้ ลงทุนได้ พร้อมทั้งเก็งกำไรได้



Read more »

Stock Focus,KTB,Apr.2012

บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB)

Review : กำไรไตรมาส 1/55 พลิกกลับมาเติบโตสูง 

กำไรสุทธิใน 1Q55 ของ KTB ออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ โดยปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงาน คือ รายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตสูง ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงมากกว่าคาด และการตั้งสำรองหนี้ที่ลดลงสู่ระดับปกติ เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 55-56 ขึ้น และยังแนะนำซื้อ KTB ด้วยราคาเหมาะสม 24 บาท


  • สินเชื่อเติบโตดีกว่าคาด แม้ NIM อ่อนตัวลง แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตสูง และตั้งสำรองลดลง : KTB มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 6,377 ล้านบาท เติบโตกว่า 7 เท่าตัวจากงวดที่แล้ว และเพิ่มขึ้นถึง 16% YoY ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดไว้ 10% เนื่องจาก (1) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นถึง 23% QoQ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิราว 6.6% QoQ และรายการเงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ (2) ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง 4% QoQ ส่งผลให้สัดส่วน Cost to income ratio ลดลงเหลือ 47% จากระดับ 53% ในงวด 4Q54 ซึ่งดีกว่าที่เราคาดไว้ และ
    (3) ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯที่ลดลงถึง 80% QoQ และใกล้เคียงกับที่เราคาด โดยคิดเป็น Credit cost เท่ากับ 42 bps นอกจากนี้สินเชื่อสุทธิใน 1Q55 ของ KTB ยังเติบโตสูงถึง 4.8% จากสิ้นปี 2554 แม้ว่า NIM จะอ่อนตัวลงราว 8 bps มาอยู่ที่ 2.8% อย่างไรก็ตามธนาคารฯได้กลับมาเสียภาษีในอัตราใหม่ที่เท่ากับ 23% ในปี 2555 จึงทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีในไตรมาส 1/55 ปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 15 เท่าตัวจาก 4Q54 ที่ได้กลับรายการภาษีจ่ายเป็นรายได้ เพราะเสียภาษีไว้เกินในช่วงต้นปี โดยรวมแล้วกำไรสุทธิ 1Q55 ของ KTB คิดเป็นสัดส่วนราว 28% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555
  • ปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM…ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2555-56 เพิ่มขึ้นจากเดิม
    7.5% และ 6% : โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM ขึ้นเป็น 2.7% จากเดิม 2.6% เพื่อสะท้อนถึงทิศทางของ NIM ที่ไม่ได้หดตัวรุนแรงเหมือนเช่นที่เคยคาดไว้ ภายหลังการปรับปรุงประมาณการส่งผลให้แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2555-56 เท่ากับ 24,539 ล้านบาทและ 27,516 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 44% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ ทั้งนี้แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2555 ของธนาคารฯที่พลิกกลับมาเติบโตสูง เนื่องจากคาดว่าการตั้งสำรองฯจะกลับสู่ภาวะปกติที่ไตรมาสละ 1,500 ล้านบาท จากไตรมาส 3-4/55 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษจากน้ำท่วม อีกทั้ง KTB ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 23% ในขณะที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารฯในระดับสูงถึง 10% YoY เพราะการรุกธุรกรรม Trade finance ในกลุ่มลูกค้า SME ขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น
  • คงคำแนะนำซื้อ : โดยกำหนดราคาเหมาะสมปี 2555 ของ KTB เท่ากับ 24 บาท อิง PBV 1.86 เท่า ซึ่งเรามองว่า KTB มีความน่าสนใจมากหากเทียบกับ BBL ที่เทรดอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าของ BV เหมือนกัน แต่คาดการณ์ ROE ปี 2555 ของ KTB สูงกว่า BBL ที่อยู่ในระดับเพียง 13.5%
  • ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะรอรับแถว 17-17.1 ครับ

    วีรพัฒน์ วงศ์อุไร  http://www.stockscorner.org/

    Read more »

    STOCK NEWS,TRUE,24.Apr.2012


    วันนี้จับตาคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการ เปิดเผยผลตรวจสอบสัญญาทำธุรกิจมือถือรูปแบบใหม่ เพื่อให้บริการ3จี ระหว่างบมจ. กสท โทรคมนาคม กับบริษัท ทรูมูฟ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TRUE เราเห็นว่า การตรวจสอบดังกล่าวมีประเด็นมุ่งหวังทางการเมืองเป็นหลัก โดยหากคณะอนุฯ ตรวจสอบว่าผิดจริง อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาหุ้น TRUE แต่ยังไม่กระทบต่อการดำเนินงาน เพราะ TRUE ยังคงสามารถให้บริการได้ตามปกติภายใต้สัญญาเป็นตัวแทนจำหน่าย (reseller) จนกว่าศาลจะตัดสิน ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนการตัดสินทั้งจากศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคาดยังต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะได้คำตัดสินสิ้นสุดออกมา

    Read more »

    Stock Focus,DRT,24.Apr.2012.,


    บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT)

    คาดผลประกอบการไตรมาส1/55ทำสถิติสูงสุดใหม่

    คาดผลประกอบการไตรมาส1/55ทำสถิติสูงสุดใหม่ 187 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท) (+120%qoq, +43%yoy) แรงหนุนความต้องการในตลาดต่างจังหวัดและ มีกำไรจากการขายที่ดินประมาณ 45 ล้านบาท แนวโน้มปี 2555 จะได้แรงหนุนจากการบูรณะซ่อมแซม กำลังการผลิตใหม่ NT-10 ที่เน้นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้เข้ากลางปี คาดกำไรปี 2555 จะเติบโต 32% ขยายการลงทุน เพื่อกระจายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ครบวงจรมากขึ้น จะเสริมการเติบโตในอนาคต หุ้น DRT เป็นหุ้นประเภทปันผล จ่ายปันผลปีละสองครั้ง คาดปันผลปี 2555 ประมาณ 0.46 บาท หรือ คิดเป็นเงินปันผลตอบแทน 7.6%แนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุนรับปันผล ราคาเป้าหมาย 7.1 บาท
  • คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ 187 ล้านบาท :
    บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เราประเมินผลประกอบการไตรมาส 1/55 จะมีกำไรปกติที่โดดเด่นและทำสถิติสูงสุดได้ใหม่ ถึง 142 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.14 บาท) เพิ่มขึ้น 66% จากไตรมาสก่อน และ 10% จากปีก่อน โดยในไตรมาสนี้จะมีกำไรจากการขายที่ดินประมาณ 45 ล้านบาท เมื่อรวมรายการพิเศษนี้จะมีกำไรสุทธิที่สูงถึง 187 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท) พุ่งขึ้น 120% จากไตรมาสก่อน และ 45% จากปีก่อน ผลประกอบการที่โดดเด่นดังกล่าว เนื่องจากได้แรงหนุนจากความต้องการ หลังคากระเบื้อง ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ต่างๆ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด และ ได้แรงหนุนจากการส่งออกไปประเทศแถบเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และ พม่า ทำให้ยอดขายปรับตัวสูงขึ้นและทำสถิติสูงสุดใหม่เป็น 1,035 ล้านบาท (+20%qoq, +9%yoy) การผลิตในระดับ 90% ของกำลังการผลิต ทำให้อัตรากำไรขั้นปรับขึ้นมาเป็น 31.25% ใกล้เคียงปีก่อน 32% แม้ว่าต้นทุนในด้านต่างๆจะปรับตัวสูงขึ้น และ ปรับขึ้นจากไตรมาสสี่มากซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 29.3%
  • ฐานะลูกค้ากระจายตัวสู่ Modern Trade และ ส่งออกมาขึ้น : ลูกค้า Modern Trade เช่น ไทวัสดุ และ GLOBAL มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และ เติบโตสูง ซึ่งผลิตภัณฑ์ตราเพชร ได้เข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Modern Trade มากขึ้น ซึ่ง Modern Trade นี้จะไม่ขายผลิตภัณฑ์ตราช้าง คาดจะช่วยเสริมการเติบโตของ DRT โดยสัดส่วนของ Modern Trade ปีนี้คาดจะปรับขึ้นมาเป็น 7-8% จากปีก่อนเพียง 2-3% ส่วนตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ เขมร ลาว และ พม่า ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 12% และ จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในอนาคต จากปีก่อนมีสัดส่วนส่งออกประมาณ 9.9% สำหรับลูกค้าหลักของบริษัทยังคงเป็น เอเย่นต์ จะมีสัดส่วนประมาณ 74% ลดลงจากปีก่อนที่มีสัดส่วนสูงถึง 80%
  • สายการผลิตใหม่ 10 (NT-10) แล้วเสร็จแล้ว 90% : ในปี 2553-2554 ที่ผ่านมากำลังการผลิตใหม่ สายการผลิต NT-9 เน้นผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ ได้รับการตอบรับมากกว่าคาด ต้องผลิตเต็มกำลังการผลิต ทำให้ทาง DRT ต้องลงทุนสายการผลิตที่ 10 เพิ่มเติมด้วยเงินลงทุน 480 ล้านบาท เน้นผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์เช่นเดียวกับสายการผลิตที่ 9 ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต 72,000 ตัน จากปัจจุบัน 680,000 ตัน ปัจจุบันได้สร้างแล้วเสร็จ แล้วกว่า 90% คาดจะเริ่มทดสอบการผลิตได้ในเดือน พ.ค. 2555 นี้ และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณเดือน มิ.ย. 2555 และ ไตรมาส 3/55 คาดจะใช้กำลังการผลิตได้เกือบเต็ม 100% เนื่องจากปัจจุบัน ยังมีความต้องการที่สูง ทั้งในและต่างประเทศ โดยในปีนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 200-300 ล้านบาท และ ในปี 2556 จะเพิ่มยอดขายประมาณ 500 ล้านบาท
  • กำลังศึกษาเตรียมลงทุนเพิ่ม NT-11, NT-12 และ อิฐมวลเบาโรงที่ 2 : บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์พื้นลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปชั่ม และ บริการหลังการขาย โดยเป้าหมายของ DRT ต้องการที่จะกระจายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งในอดีตมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์หลังคาสูงถึง 80% ปัจจุบันได้ลดลงเหลือ 70% และ ในอนาคตจะลดลงอีกเหลือ60% ปัจจุบัน DRT ได้ลงทุนในโครงการอิฐมวลเบา มูลค่าลงทุน ค่าก่อสร้าง และซื้อเครื่องจักรประมาณ 595 ล้านบาท ในขณะที่ ที่ดิน ได้ซื้อไว้ก่อนหน้านี้เท่ากับ 117 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าโครงการ 712 ล้านบาท เงินลงทุนจะประกอบด้วย กระแสเงินสดภายใน 212 ล้านบาท และ กู้ยืมจากสถาบันการเงิน 500 ล้านบาท มีกำลังการผลิต140,000 ตันต่อปี คาดจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสสองปี 2556 และจะทำรายได้ประมาณ 300-500 ล้านบาทต่อปี คาดหวังอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 12-15% นอกจากนี้กำลังศึกษาเตรียมลงทุนเพิ่ม ผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ NT-11, NT-12 และ อิฐมวลเบาโรงที่ 2
  • แนวโน้มปี 2555 คาดยอดขายจะโต 12% และ กำไรพุ่ง 32% : แนวโน้มผลประกอบการของ DRT ในปี 2555 เราประเมินยอดขายจะสามารถขยายตัวได้เท่ากับ 12% สู่ระดับ 4,141 ล้านบาท โดยจะเป็นปริมาณขายเพิ่มขึ้นประมาณ 6-8% และ ราคาขายเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5% นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ NT-10 ที่จะเข้ามาประมาณกลางปี ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ จะช่วยเพิ่มยอดขายอีก 200-300 ล้านบาท บวกกับการขยายสาขาโมเดิร์นเทรด เช่น ไทวัสดุ และ GLOBAL ซึ่งจะไม่ขายสินค้าจากเครือซิเมนต์ไทย จะเอื้อประโยชน์ต่อ DRT ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าต้นทุนแรงงานจะปรับเพิ่มขึ้น แต่มีการปรับขึ้นราคา และเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจะรักษาระดับได้ เมื่อรวมกับภาษีที่จะปรับลดลงจาก 30% เหลือ 23% และ รายการพิเศษจากการขายที่ดินประมาณ 45 ล้านบาท จะทำให้กำไรของ DRT ในปี 2555 มีการเติบโตที่ดี ประมาณ 32% สู่ระดับ 607 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.59 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 564 ล้านบาท จากรายการพิเศษขายที่ดินได้กำไร 45 ล้านบาท
  • หุ้นปันผล แนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุน เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 7.1 บาท:
    DRTเป็นหุ้นประเภทปันผล โดยจะจ่ายปันผลปีละสองครั้ง เราประเมินจะจ่ายเงินปันผลในปี2555 เท่ากับ 0.46 บาท หรือ คิดเป็น เงินปันผลตอบแทน 7.6% ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจเราประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 7.1 บาท โดยเทียบกับฐานเงินปันผล 6.5% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย 6.7 บาท ดังนั้นเราแนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุนรับปันผล
  • สุรชัย ประมวลเจริญกิจ

    Read more »

    Stock Tomorrow,IHL,CTW,AP,22.Apr.2012


    Life isn't about finding yourself.
    Life is about creating yourself.
    ชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวตนของเราเอง
    แต่มันคือการสร้างตัวตนของเราเองขึ้นมาต่างหาก

    SupportResistanceNow
    IHL                       8.15-8.25            8.75-9.2                 8.5
    CTW 8.1-8.359.15-9.48.7
    AP6.5-6.67.1-7.56.85

    Comment:  ตลาดวันนี้ปิด 1194.60  จุด บวก 9.26 จุด ปริมาณซื้อขาย 28234.68 ล้านบาท หุ้นที่ให้เล่น ตามแนวรับแนวต้านครับ แต่หุ้นพวกนี้ ลงทุนได้ พร้อมทั้งเก็งกำไรได้ เพราะฉะนั้น หาจังหวะเข้าเอาแล้วกัน ครับ จับตาดู MAJOR ,BEC,BWG ด้วยนะ มีโอกาสมาเหมือนกัน


    




    Read more »

    Stock Focus,24,PTT,PTTEP.Apr.2012.,


    เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,



    Our greatest glory is not in never falling,
    but in rising every time we fall.
    เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
    แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

    TOP, BCP, IVL, PTTEP, JAS

    มองทางลดพอร์ตและ Selective Buy

    เราเห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นเมื่อเข้าใกล้โซน 1,200 จุด อาจจะไปต่อไม่ไหวเนื่องจากปัจจัยบวกที่จะหนุนต่อเริ่มลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มหุ้น Undervalued อีกมาก ในกลุ่มปิโตรเลียมต้นน้ำ เช่น PTTEP, PTT, TOP และเรายังมองความหวังว่าธุรกิจปิโตรเคมี ยางพาราอาจมีโอกาสฟื้นสเปรดได้ในช่วง 2H55 ในขณะที่หุ้นอยู่ในเกณฑ์ราคาต่ำ เช่น PTTGC, IVL, STA อย่างไรก็ตาม แม้เราจะชื่นชอบกลุ่ม Commerce และธนาคารพาณิชย์มาโดยตลอด แต่ไม่แนะนำลุยซื้อต่อ เนื่องจาก PER สูงมาก บางทีจะสูงเกิน Growth ที่บริษัทจะทำได้ เราแนะนำให้รอซื้อกลุ่มเหล่านี้เมื่อราคาอ่อนตัว เช่น HMPRO, CPALL, BIGC กลุ่มธนาคารพาณิขย์ รอซื้ออ่อนตัวใน SCB, KBANK, TCAP เป็นต้น
  • ประชุม รมว.คลังจี-20 หนุนเพิ่มทุน IMF กว่า 430,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศชั้นนำจี-20 ออกแถลงการณ์หลังการประชุมเป็นเวลา 2 วัน (19-20 เม.ย.55) ที่กรุงวอชิงตันว่า รมว.คลังจี-20 แสดงความมุ่งมั่นแข็งแกร่งที่จะเพิ่มทุนทรัพย์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กว่า 4.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรัสเซียจะสมทบทุน 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ การสนับสนุนจากรัสเซีย//จีน และบราซิลมีความสำคัญต่อการเพิ่มขนาดกองทุนของไอเอ็มเอฟขึ้น 2 เท่า ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นประกาศแล้วว่าจะสมทบทุน 3 แสน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ที่ประชุมยอมรับว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญได้เริ่มลดน้อยลง แต่คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสำหรับปี 2555 จะยังคงอยู่ในระดับปานกลาง ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการที่จำเป็นเพื่อสร้างเสถียรภาพการเงินโลก และเฝ้าระวังราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง
  • ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือน เม.ย. และผลประกอบการของสหรัฐฯดีกว่าที่คาดไว้ ความเชื่อมั่นในตลาดน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากที่เยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซนเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 10 เดือนในเดือน เม.ย. ซึ่งช่วยชดเชยความวิตกเกี่ยวกับปัญหานี้ยุโรปและเป็นแรงหนุนยูโร นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการจากบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐซึ่งรวมถึงเจเนอรัล อิเล็คทริค (จีอี), ไมโครซอฟท์ และแมคโดนัลด์สูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นแรงหนุนตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันดิบ ปัจจัยที่ดีขึ้นดังกล่าว เราเชื่อว่าอาจจะหนุนราคาหุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ เช่น PTTEP และ PTT มากกว่า BANPU 
  • ราคาถ่านหินปรับตัวลดลงต่อเนื่อง: ราคา BJI ที่ประกาศล่าสุด ณ 19 เม.ย.2555  เท่ากับ 103.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (-1.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน) เป็นการลดลงต่อเนื่องนับจากต้นปีที่อยู่ที่ราว 120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน สะท้อนความอ่อนแอของดีมานด์โลก โดยราคาถ่านหินเริ่มไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันมากนัก ยิ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อ BANPU เพราะต้นทุนเป็นน้ำมันดีเซลบางส่วน ซึ่งราคาปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ แม้เรามองปัจจัยพื้นฐานของ BANPU ระยะยาวว่าดี และคาดว่ายังมี Fair Value ระดับ 725 บาท แต่ระยะสั้น ใน 1H55 เรากลับยังเห็นความสำคัญของหุ้นในกลุ่ม PTT ที่เป็นต้นน้ำมากกว่าเช่น PTTEP, PTT รวมไปถึง TOP, PTTGC, BCP ที่ Undervalued มากกว่า ราคาถ่านหินลดลง ให้ประโยชน์ในทางอ้อมต่อโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เช่น GLOW
  • การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน อาจให้ผลกระทบทางลบเมื่อปฏิบัติใช้ในปี 2556: นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีแรงงาน แถลงยืนยันว่า จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาทใน 70 จังหวัดที่เหลือ วันที่ 1 ม.ค. 2556 ตามกำหนดโดยจะไม่เลื่อนออกไปเป็นปี 2558 ตามที่สภาอุตสาหกรรมฯ เสนอหลังจากการหารือกับภาคเอกชนไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันจะยังมีภาคธุรกิจเสนอให้รัฐบาลเลื่อนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอีก 70 จังหวัดออกไปเป็นปี 2558 เพราะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 40% จนอาจทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถรับภาระได้ และอาจทำให้ส่งผลกระทบทางลบแทนที่ เพราะคาดว่าเมื่อปฏิบัติใช้จะทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น (ที่มา : ไทยรัฐ 23 เม.ย.  55)
  • Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »

    Stock Focus,DRT,20.Apr.2012.,


    DRT (ซื้อ : ราคาเป้าหมาย 6.7 บาท) :

    Key Takeaway จากการพบผู้บริหาร

    - ผลประกอบการไตรมาส 1/54 คาดจะมีกำไรปกติที่โดดเด่นและทำสถิติสูงสุดได้ใหม่ ถึง 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากไตรมาสก่อน และ 10% จากปีก่อน โดยในไตรมาสนี้มีกำไรจากการขายที่ดินประมาณ 45 ล้านบาท เมื่อรวมรายการพิเศษนี้จะมีกำไรสุทธิที่สูงถึง 187 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.19 บาท) พุ่งขึ้น 120% จากไตรมาสก่อน และ 45% จากปีก่อน ผลประกอบการที่โดดเด่นดังกล่าว เนื่องจากได้แรงหนุนจากความต้องการ หลังคากระเบื้อง ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ต่างๆ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด และ ได้แรงหนุนจากการส่งออกไปประเทศแถบเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และ พม่า ทำให้ยอดขายปรับตัวสูงขึ้นและทำสถิติสูงสุดใหม่เป็น 1,035 ล้านบาท (+20%qoq, +9%yoy) การผลิตในระดับ 90% ของกำลังการผลิต ทำให้อัตรากำไรขั้นปรับขึ้นมาเป็น 31.25% ใกล้เคียงปีก่อน 32% แม้ว่าต้นทุนในด้านต่างๆจะปรับตัวสูงขึ้น และ ปรับขึ้นจากไตรมาสสี่มากซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 29.3%

    - แนวโน้มปี 2555 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายจะเติบโต 13% โดยจะได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ NT-10 ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายไตรมาส 2/55 นี้ จะช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 300 ล้านบาท และ จะเพิ่มเป็น 500 ล้านบาท ในปี 2556 นอกจากนี้ คาดจะได้แรงหนุนจากตลาดส่งออกที่เพิ่มสูงมากขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3-4 ซึ่งเป็น ช่วงโลซีซั่นของตลาดในประเทศ จะผลักดันส่งออกมากขึ้น โดยปีนี้ตลาดส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 12% จากปีก่อนประมาณ 10% และ ในอนาคตคาดจะปรับขึ้นเป็น 15%

    - การขยายตัวของร้านวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ อย่าง ไทวัสดุ และ GLOBAL ซึ่งปัจจุบัน DRT เป็นพันธมิตรในการส่งสินค้าให้ จะเป็นอีกช่องทางที่เพิ่มยอดขายให้ DRT โดยคาดสัดส่วนของร้านวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ จะเป็นขึ้นเป็น 7% ในปีนี้ จากปีก่อน 2-3%

    - ปัจจุบันสินค้าของ DRT กระจายครบวงจรมากขึ้น จากเดิมจะเน้นจะเฉพาะหลังคา โดยมีสินค้าต่างๆ คือ ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปชั่ม และ บริการหลังการขาย ร่วมมือกับ แฮดเลย์ กรุ๊ป จากอังกฤษ ผลิตโครงหลังคาสำเร็จรูป และ ธุรกิจผนังสำเร็จรูป Diamond Wall โดยในปี 2556 จะมีคอนกรีตมวลเบาเข้ามาเสริม ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 500-600 ล้านบาท ทำให้คาดสัดส่วนยอดขายผลิตหลังคาจะลดลงเหลือ 60% จาก ปัจจุบัน 70% และ เทียบกับในอดีตที่มีสัดส่วนสูงถึง 80%

    - DRT เป็นหุ้นประเภทปันผล โดยจะจ่ายปันผลปีละสองครั้ง เราคาดจะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการในปี 2555 เพิ่มขึ้นเป็น 0.43 บาท หรือ คิดเป็น เงินปันผลตอบแทน 7.3% ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจ เราประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 6.7 บาท ดังนั้นเราแนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุนรับปันผล
    Surachai Pramualcharoenkit

    Read more »