Monday, April 23, 2012

Stock Focus,DRT,24.Apr.2012.,


บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT)

คาดผลประกอบการไตรมาส1/55ทำสถิติสูงสุดใหม่

คาดผลประกอบการไตรมาส1/55ทำสถิติสูงสุดใหม่ 187 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท) (+120%qoq, +43%yoy) แรงหนุนความต้องการในตลาดต่างจังหวัดและ มีกำไรจากการขายที่ดินประมาณ 45 ล้านบาท แนวโน้มปี 2555 จะได้แรงหนุนจากการบูรณะซ่อมแซม กำลังการผลิตใหม่ NT-10 ที่เน้นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้เข้ากลางปี คาดกำไรปี 2555 จะเติบโต 32% ขยายการลงทุน เพื่อกระจายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ครบวงจรมากขึ้น จะเสริมการเติบโตในอนาคต หุ้น DRT เป็นหุ้นประเภทปันผล จ่ายปันผลปีละสองครั้ง คาดปันผลปี 2555 ประมาณ 0.46 บาท หรือ คิดเป็นเงินปันผลตอบแทน 7.6%แนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุนรับปันผล ราคาเป้าหมาย 7.1 บาท
  • คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ 187 ล้านบาท :
    บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เราประเมินผลประกอบการไตรมาส 1/55 จะมีกำไรปกติที่โดดเด่นและทำสถิติสูงสุดได้ใหม่ ถึง 142 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.14 บาท) เพิ่มขึ้น 66% จากไตรมาสก่อน และ 10% จากปีก่อน โดยในไตรมาสนี้จะมีกำไรจากการขายที่ดินประมาณ 45 ล้านบาท เมื่อรวมรายการพิเศษนี้จะมีกำไรสุทธิที่สูงถึง 187 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท) พุ่งขึ้น 120% จากไตรมาสก่อน และ 45% จากปีก่อน ผลประกอบการที่โดดเด่นดังกล่าว เนื่องจากได้แรงหนุนจากความต้องการ หลังคากระเบื้อง ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ต่างๆ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด และ ได้แรงหนุนจากการส่งออกไปประเทศแถบเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และ พม่า ทำให้ยอดขายปรับตัวสูงขึ้นและทำสถิติสูงสุดใหม่เป็น 1,035 ล้านบาท (+20%qoq, +9%yoy) การผลิตในระดับ 90% ของกำลังการผลิต ทำให้อัตรากำไรขั้นปรับขึ้นมาเป็น 31.25% ใกล้เคียงปีก่อน 32% แม้ว่าต้นทุนในด้านต่างๆจะปรับตัวสูงขึ้น และ ปรับขึ้นจากไตรมาสสี่มากซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 29.3%
  • ฐานะลูกค้ากระจายตัวสู่ Modern Trade และ ส่งออกมาขึ้น : ลูกค้า Modern Trade เช่น ไทวัสดุ และ GLOBAL มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และ เติบโตสูง ซึ่งผลิตภัณฑ์ตราเพชร ได้เข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Modern Trade มากขึ้น ซึ่ง Modern Trade นี้จะไม่ขายผลิตภัณฑ์ตราช้าง คาดจะช่วยเสริมการเติบโตของ DRT โดยสัดส่วนของ Modern Trade ปีนี้คาดจะปรับขึ้นมาเป็น 7-8% จากปีก่อนเพียง 2-3% ส่วนตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ เขมร ลาว และ พม่า ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 12% และ จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในอนาคต จากปีก่อนมีสัดส่วนส่งออกประมาณ 9.9% สำหรับลูกค้าหลักของบริษัทยังคงเป็น เอเย่นต์ จะมีสัดส่วนประมาณ 74% ลดลงจากปีก่อนที่มีสัดส่วนสูงถึง 80%
  • สายการผลิตใหม่ 10 (NT-10) แล้วเสร็จแล้ว 90% : ในปี 2553-2554 ที่ผ่านมากำลังการผลิตใหม่ สายการผลิต NT-9 เน้นผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ ได้รับการตอบรับมากกว่าคาด ต้องผลิตเต็มกำลังการผลิต ทำให้ทาง DRT ต้องลงทุนสายการผลิตที่ 10 เพิ่มเติมด้วยเงินลงทุน 480 ล้านบาท เน้นผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์เช่นเดียวกับสายการผลิตที่ 9 ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต 72,000 ตัน จากปัจจุบัน 680,000 ตัน ปัจจุบันได้สร้างแล้วเสร็จ แล้วกว่า 90% คาดจะเริ่มทดสอบการผลิตได้ในเดือน พ.ค. 2555 นี้ และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณเดือน มิ.ย. 2555 และ ไตรมาส 3/55 คาดจะใช้กำลังการผลิตได้เกือบเต็ม 100% เนื่องจากปัจจุบัน ยังมีความต้องการที่สูง ทั้งในและต่างประเทศ โดยในปีนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 200-300 ล้านบาท และ ในปี 2556 จะเพิ่มยอดขายประมาณ 500 ล้านบาท
  • กำลังศึกษาเตรียมลงทุนเพิ่ม NT-11, NT-12 และ อิฐมวลเบาโรงที่ 2 : บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์พื้นลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปชั่ม และ บริการหลังการขาย โดยเป้าหมายของ DRT ต้องการที่จะกระจายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งในอดีตมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์หลังคาสูงถึง 80% ปัจจุบันได้ลดลงเหลือ 70% และ ในอนาคตจะลดลงอีกเหลือ60% ปัจจุบัน DRT ได้ลงทุนในโครงการอิฐมวลเบา มูลค่าลงทุน ค่าก่อสร้าง และซื้อเครื่องจักรประมาณ 595 ล้านบาท ในขณะที่ ที่ดิน ได้ซื้อไว้ก่อนหน้านี้เท่ากับ 117 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าโครงการ 712 ล้านบาท เงินลงทุนจะประกอบด้วย กระแสเงินสดภายใน 212 ล้านบาท และ กู้ยืมจากสถาบันการเงิน 500 ล้านบาท มีกำลังการผลิต140,000 ตันต่อปี คาดจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสสองปี 2556 และจะทำรายได้ประมาณ 300-500 ล้านบาทต่อปี คาดหวังอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 12-15% นอกจากนี้กำลังศึกษาเตรียมลงทุนเพิ่ม ผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ NT-11, NT-12 และ อิฐมวลเบาโรงที่ 2
  • แนวโน้มปี 2555 คาดยอดขายจะโต 12% และ กำไรพุ่ง 32% : แนวโน้มผลประกอบการของ DRT ในปี 2555 เราประเมินยอดขายจะสามารถขยายตัวได้เท่ากับ 12% สู่ระดับ 4,141 ล้านบาท โดยจะเป็นปริมาณขายเพิ่มขึ้นประมาณ 6-8% และ ราคาขายเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5% นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ NT-10 ที่จะเข้ามาประมาณกลางปี ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ จะช่วยเพิ่มยอดขายอีก 200-300 ล้านบาท บวกกับการขยายสาขาโมเดิร์นเทรด เช่น ไทวัสดุ และ GLOBAL ซึ่งจะไม่ขายสินค้าจากเครือซิเมนต์ไทย จะเอื้อประโยชน์ต่อ DRT ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าต้นทุนแรงงานจะปรับเพิ่มขึ้น แต่มีการปรับขึ้นราคา และเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจะรักษาระดับได้ เมื่อรวมกับภาษีที่จะปรับลดลงจาก 30% เหลือ 23% และ รายการพิเศษจากการขายที่ดินประมาณ 45 ล้านบาท จะทำให้กำไรของ DRT ในปี 2555 มีการเติบโตที่ดี ประมาณ 32% สู่ระดับ 607 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.59 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 564 ล้านบาท จากรายการพิเศษขายที่ดินได้กำไร 45 ล้านบาท
  • หุ้นปันผล แนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุน เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 7.1 บาท:
    DRTเป็นหุ้นประเภทปันผล โดยจะจ่ายปันผลปีละสองครั้ง เราประเมินจะจ่ายเงินปันผลในปี2555 เท่ากับ 0.46 บาท หรือ คิดเป็น เงินปันผลตอบแทน 7.6% ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจเราประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 7.1 บาท โดยเทียบกับฐานเงินปันผล 6.5% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย 6.7 บาท ดังนั้นเราแนะนำ ซื้อ ในลักษณะลงทุนรับปันผล
  • สุรชัย ประมวลเจริญกิจ

    0 comments:

    Post a Comment