บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB)
Review : กำไรไตรมาส 1/55 พลิกกลับมาเติบโตสูง
- กำไรสุทธิใน 1Q55 ของ KTB ออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ โดยปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงาน คือ รายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตสูง ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงมากกว่าคาด และการตั้งสำรองหนี้ที่ลดลงสู่ระดับปกติ เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 55-56 ขึ้น และยังแนะนำซื้อ KTB ด้วยราคาเหมาะสม 24 บาท 
 
สินเชื่อเติบโตดีกว่าคาด แม้ NIM อ่อนตัวลง แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตสูง และตั้งสำรองลดลง : KTB มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 6,377 ล้านบาท เติบโตกว่า 7 เท่าตัวจากงวดที่แล้ว และเพิ่มขึ้นถึง 16% YoY ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดไว้ 10% เนื่องจาก (1) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นถึง 23% QoQ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิราว 6.6% QoQ และรายการเงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ (2) ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง 4% QoQ ส่งผลให้สัดส่วน Cost to income ratio ลดลงเหลือ 47% จากระดับ 53% ในงวด 4Q54 ซึ่งดีกว่าที่เราคาดไว้ และ 
(3) ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯที่ลดลงถึง 80% QoQ และใกล้เคียงกับที่เราคาด โดยคิดเป็น Credit cost เท่ากับ 42 bps นอกจากนี้สินเชื่อสุทธิใน 1Q55 ของ KTB ยังเติบโตสูงถึง 4.8% จากสิ้นปี 2554 แม้ว่า NIM จะอ่อนตัวลงราว 8 bps มาอยู่ที่ 2.8% อย่างไรก็ตามธนาคารฯได้กลับมาเสียภาษีในอัตราใหม่ที่เท่ากับ 23% ในปี 2555 จึงทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีในไตรมาส 1/55 ปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 15 เท่าตัวจาก 4Q54 ที่ได้กลับรายการภาษีจ่ายเป็นรายได้ เพราะเสียภาษีไว้เกินในช่วงต้นปี โดยรวมแล้วกำไรสุทธิ 1Q55 ของ KTB คิดเป็นสัดส่วนราว 28% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555
(3) ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯที่ลดลงถึง 80% QoQ และใกล้เคียงกับที่เราคาด โดยคิดเป็น Credit cost เท่ากับ 42 bps นอกจากนี้สินเชื่อสุทธิใน 1Q55 ของ KTB ยังเติบโตสูงถึง 4.8% จากสิ้นปี 2554 แม้ว่า NIM จะอ่อนตัวลงราว 8 bps มาอยู่ที่ 2.8% อย่างไรก็ตามธนาคารฯได้กลับมาเสียภาษีในอัตราใหม่ที่เท่ากับ 23% ในปี 2555 จึงทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีในไตรมาส 1/55 ปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 15 เท่าตัวจาก 4Q54 ที่ได้กลับรายการภาษีจ่ายเป็นรายได้ เพราะเสียภาษีไว้เกินในช่วงต้นปี โดยรวมแล้วกำไรสุทธิ 1Q55 ของ KTB คิดเป็นสัดส่วนราว 28% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555
ปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM…ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2555-56 เพิ่มขึ้นจากเดิม
7.5% และ 6% : โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM ขึ้นเป็น 2.7% จากเดิม 2.6% เพื่อสะท้อนถึงทิศทางของ NIM ที่ไม่ได้หดตัวรุนแรงเหมือนเช่นที่เคยคาดไว้ ภายหลังการปรับปรุงประมาณการส่งผลให้แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2555-56 เท่ากับ 24,539 ล้านบาทและ 27,516 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 44% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ ทั้งนี้แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2555 ของธนาคารฯที่พลิกกลับมาเติบโตสูง เนื่องจากคาดว่าการตั้งสำรองฯจะกลับสู่ภาวะปกติที่ไตรมาสละ 1,500 ล้านบาท จากไตรมาส 3-4/55 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษจากน้ำท่วม อีกทั้ง KTB ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 23% ในขณะที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารฯในระดับสูงถึง 10% YoY เพราะการรุกธุรกรรม Trade finance ในกลุ่มลูกค้า SME ขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น
7.5% และ 6% : โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM ขึ้นเป็น 2.7% จากเดิม 2.6% เพื่อสะท้อนถึงทิศทางของ NIM ที่ไม่ได้หดตัวรุนแรงเหมือนเช่นที่เคยคาดไว้ ภายหลังการปรับปรุงประมาณการส่งผลให้แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2555-56 เท่ากับ 24,539 ล้านบาทและ 27,516 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 44% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ ทั้งนี้แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2555 ของธนาคารฯที่พลิกกลับมาเติบโตสูง เนื่องจากคาดว่าการตั้งสำรองฯจะกลับสู่ภาวะปกติที่ไตรมาสละ 1,500 ล้านบาท จากไตรมาส 3-4/55 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษจากน้ำท่วม อีกทั้ง KTB ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 23% ในขณะที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารฯในระดับสูงถึง 10% YoY เพราะการรุกธุรกรรม Trade finance ในกลุ่มลูกค้า SME ขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น
คงคำแนะนำซื้อ : โดยกำหนดราคาเหมาะสมปี 2555 ของ KTB เท่ากับ 24 บาท อิง PBV 1.86 เท่า ซึ่งเรามองว่า KTB มีความน่าสนใจมากหากเทียบกับ BBL ที่เทรดอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าของ BV เหมือนกัน แต่คาดการณ์ ROE ปี 2555 ของ KTB สูงกว่า BBL ที่อยู่ในระดับเพียง 13.5% 
วีรพัฒน์ วงศ์อุไร http://www.stockscorner.org/

