Showing posts with label veerapat. Show all posts
Showing posts with label veerapat. Show all posts

Monday, April 23, 2012

Stock Focus,KTB,Apr.2012

บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB)

Review : กำไรไตรมาส 1/55 พลิกกลับมาเติบโตสูง 

กำไรสุทธิใน 1Q55 ของ KTB ออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ โดยปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงาน คือ รายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตสูง ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงมากกว่าคาด และการตั้งสำรองหนี้ที่ลดลงสู่ระดับปกติ เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 55-56 ขึ้น และยังแนะนำซื้อ KTB ด้วยราคาเหมาะสม 24 บาท


  • สินเชื่อเติบโตดีกว่าคาด แม้ NIM อ่อนตัวลง แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตสูง และตั้งสำรองลดลง : KTB มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 6,377 ล้านบาท เติบโตกว่า 7 เท่าตัวจากงวดที่แล้ว และเพิ่มขึ้นถึง 16% YoY ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดไว้ 10% เนื่องจาก (1) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นถึง 23% QoQ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิราว 6.6% QoQ และรายการเงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ (2) ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง 4% QoQ ส่งผลให้สัดส่วน Cost to income ratio ลดลงเหลือ 47% จากระดับ 53% ในงวด 4Q54 ซึ่งดีกว่าที่เราคาดไว้ และ
    (3) ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯที่ลดลงถึง 80% QoQ และใกล้เคียงกับที่เราคาด โดยคิดเป็น Credit cost เท่ากับ 42 bps นอกจากนี้สินเชื่อสุทธิใน 1Q55 ของ KTB ยังเติบโตสูงถึง 4.8% จากสิ้นปี 2554 แม้ว่า NIM จะอ่อนตัวลงราว 8 bps มาอยู่ที่ 2.8% อย่างไรก็ตามธนาคารฯได้กลับมาเสียภาษีในอัตราใหม่ที่เท่ากับ 23% ในปี 2555 จึงทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีในไตรมาส 1/55 ปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 15 เท่าตัวจาก 4Q54 ที่ได้กลับรายการภาษีจ่ายเป็นรายได้ เพราะเสียภาษีไว้เกินในช่วงต้นปี โดยรวมแล้วกำไรสุทธิ 1Q55 ของ KTB คิดเป็นสัดส่วนราว 28% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555
  • ปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM…ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2555-56 เพิ่มขึ้นจากเดิม
    7.5% และ 6% : โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM ขึ้นเป็น 2.7% จากเดิม 2.6% เพื่อสะท้อนถึงทิศทางของ NIM ที่ไม่ได้หดตัวรุนแรงเหมือนเช่นที่เคยคาดไว้ ภายหลังการปรับปรุงประมาณการส่งผลให้แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2555-56 เท่ากับ 24,539 ล้านบาทและ 27,516 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 44% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ ทั้งนี้แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2555 ของธนาคารฯที่พลิกกลับมาเติบโตสูง เนื่องจากคาดว่าการตั้งสำรองฯจะกลับสู่ภาวะปกติที่ไตรมาสละ 1,500 ล้านบาท จากไตรมาส 3-4/55 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษจากน้ำท่วม อีกทั้ง KTB ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 23% ในขณะที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารฯในระดับสูงถึง 10% YoY เพราะการรุกธุรกรรม Trade finance ในกลุ่มลูกค้า SME ขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น
  • คงคำแนะนำซื้อ : โดยกำหนดราคาเหมาะสมปี 2555 ของ KTB เท่ากับ 24 บาท อิง PBV 1.86 เท่า ซึ่งเรามองว่า KTB มีความน่าสนใจมากหากเทียบกับ BBL ที่เทรดอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าของ BV เหมือนกัน แต่คาดการณ์ ROE ปี 2555 ของ KTB สูงกว่า BBL ที่อยู่ในระดับเพียง 13.5%
  • ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะรอรับแถว 17-17.1 ครับ

    วีรพัฒน์ วงศ์อุไร  http://www.stockscorner.org/

    Read more »

    Thursday, April 19, 2012

    Stock Focus, TMB,20.Apr.2012.,



    Life isn't about finding yourself.
    Life is about creating yourself.
    ชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวตนของเราเอง
    แต่มันคือการสร้างตัวตนของเราเองขึ้นมาต่างหาก

    บมจ. ธนาคารทหารไทย (TMB)

    Review : กำไรสุทธิ 1Q55 น้อยกว่าคาด เพราะตั้งสำรองมาก TMB ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 1/55 เท่ากับ 1,032 ล้านบาท เติบโตราว 75 QoQ แต่น้อยกว่าที่เราคาดไว้ เนื่องจากมีการตั้งสำรองในงวดนี้สูงถึง 1,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 180% QoQ แต่หากพิจารณากำไรก่อนการตั้งสำรองฯเติบโตสูงถึง 60% QoQ จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงทั้งนี้เรายังแนะนำซื้อ TMB โดยกำหนดราคาเหมาะสมปี 2555 เท่ากับ 2 บาท
  • แม้กำไรสุทธิ 1Q55 น้อยกว่าคาด เพราะตั้งสำรองสูง แต่กำไรก่อนหักสำรองยังเติบโตมาก : TMB ประกาศกำไรสุทธิ 1Q55 เท่ากับ 1,032 ล้านบาท เติบโตราว 7% QoQ แต่น้อยกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะมีกำไร 1,261 ล้านบาท เพราะธนาคารฯตั้งสำรองในงวดนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวสู่ระดับ 1,242 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ Coverage ratio ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 75.7% (LLR/NPL) ณ สิ้นงวด 1Q55 สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานใน 1Q55 พบว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวจากไตรมาส 4/54 โดยสินเชื่อค่อนข้างทรงตัวจากงวดที่แล้ว ส่วน NIM อ่อนตัวลงเพียง 3 bps สู่ระดับ 2.38% จาก 2.41% ใน 4Q54 ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย พบว่าเติบโตราว 4% QoQ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เติบโตราว 2% QoQ และเงินปันผลรับที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 18% QoQ ส่วนมากเป็นการลดลงของค่าใช้จ่ายพนักงานที่เราเคยนำเสนอไปแล้ว ซึ่งทำให้สัดส่วน Cost to income ratio ปรับตัวลดลงมาสู่ระดับ 58.8% จากระดับ 73.6% ใน 4Q54 โดยรวมแล้วจึงส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ เติบโตสูงถึง 60% QoQ และ 228% YoY ตามลำดับ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ในงวดนี้พบว่าสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาสู่ระดับ 3.15% จาก 3.09% ณ สิ้นปี 2554 ทั้งนี้กำไรสุทธิ 1Q55 คิดเป็นสัดส่วนราว 24% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2555
  • คงประมาณการกำไรปี 2555-56 : โดยเราคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2555 จะเติบโตราว 7% YoY ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อเติบโตเท่ากับ 5% YoY และ NIM อยู่ที่ระดับ 2.04% ซึ่งได้รวมผลกระทบจากการเก็บเงินค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมของธปท.เพื่อชำระดอกเบี้ยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯแล้ว ในขณะที่แนวโน้มการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจะเท่ากับ 7% YoY และมีคาดการณ์สัดส่วน Cost to income ratio เท่ากับ 67% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับแนวโน้มกำไรปี 2556 คาดว่าจะอ่อนตัวลงราว11% YoY เนื่องจากธนาคารฯจะต้องกลับมาเสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 ภายหลังใช้ประโยชน์จากยอดขาดทุนยกมาในการประหยัดภาษีหมดในปี 2555
  • ประเมินราคาเหมาะสมปี 2555 เท่ากับ 2 บาท : อิง PBV 1.6 เท่า โดยแนะนำซื้อทั้งนี้แม้ว่าราคาหุ้น TMB จะเทรดที่ Premium ของ BV เมื่อเทียบกับธ.พ.อื่น ซึ่งมีประเด็นข่าวการขายหุ้นที่ถือโดยกระทรวงการคลังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น TMB
  • วีรพัฒน์ วงศ์อุไร

    Read more »

    Monday, March 26, 2012

    Stock Focus,CPF,26.Mar.2012., 17.00

     

    บมจ. เจริญโภคภัณฑ์

    อาหาร (CPF)

    รุกขยายร้าน CP Fresh Mart
    ต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า
    ตั้งเป้าขยายร้าน CP Fresh Mart : CPF เปิดเผยว่ามีแผนใช้งบราว 1,500 ล้านบาทสำหรับขยายสาขาร้านซีพี เฟรชมาร์ททั่วประเทศให้ได้ 2,000 แห่ง ภายใน 3 ปี จาก ปัจจุบันมีสาขาราว 600 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ รวมทั้งใช้เป็นจุดกระจายสินค้าไปยังร้านค้าเครือข่ายทั่วประเทศ เนื่องจากมองเห็นโอกาสที่ธุรกิจสามารถเข้าถึง ผู้บริโภค โดยตั้งเป้าว่า 1 สาขาจะสามารถรองรับร้านค้าเครือข่ายได้สูงสุด 100 แห่งนอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจร่วมกับบริษัทฯให้ครบ 30,000 ตู้ภายใน 3 ปีนับจากนี้ ปัจจุบันมีจำนวนตู้ 5,000 ตู้ทั่วประเทศ ส่วนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ ราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งของซัพพลายเออร์ ทำให้มีบางรายขอเจรจาเพื่อ ปรับราคาส่งสินค้าให้กับบริษัท แต่ขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุดิบบางรายการมีการปรับตัวลดลง ทำให้มองว่าเป็นการชดเชยอยู่แล้วจึงจะรับซื้อสินค้าของซัพพลายเออร์ในระดับราคาเดิมต่อไป และยืนยันว่าในช่วง 3 เดือนจากนี้ ราคาสินค้าในร้านซีพี เฟรชมาร์ทจะยังคงจำหน่ายในราคาเดิม ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงของรัฐบาล เชื่อว่าจะส่งผลให้
    กำลังซื้อของประชาชนในภาพรวมปรับตัวสูงขึ้น และมีการจับจ่ายมากขึ้นจึงน่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
    Core Driver ของรายได้รวมมาจากธุรกิจ Feed และ Food เป็นหลัก : แผนการขยาย สาขาของร้านซีพี เฟรชมาร์ททั่วประเทศให้เติบโตเฉลี่ยปีละ 49% p.a. (CAGR) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Food (อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน) สู่ระดับ 20% ของรายได้รวม (ปัจจุบันอยู่ที่ 13%) ในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่ง ร้านซีพีเฟรชมาร์ท จะเป็นศูนย์ในการกระจายสินค้าของ CPF ไปยังพ่อค้าคนกลางและ ผู้บริโภค ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Feed จะมีสัดส่วนมากที่สุด กล่าวคือราว 50 %ของรายได้รวม เนื่องจากการซื้อกิจการ CPP Hong Kong เข้ามาในปี 2555 (เริ่มรวมงบการเงินได้ตั้งแต่ปลาย 1Q55 เป็นต้นไป) สำหรับการตรึงราคาสินค้าในร้านซีพีเฟรชมาร์ทเรามองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อ Margin ของบริษัทฯอย่างมีนัย เนื่องจาก CPF เป็นผู้ผลิตครบวงจร (เริ่มต้นตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงและแปรรูป) ทำให้มีต้นทุนต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น บวกกับการสต็อควัตถุดิบอาหารสัตว์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จึงไม่กระทบต่อบริษัทฯมากนัก
    แนวโน้มกำไรเป็นขาขึ้นถึงไตรมาส 3/55 : โดยแนวโน้มกำไรสุทธิใน 1Q55 ของบริษัทฯ จะได้รับอานิสงค์จากการรับรู้กำไรพิเศษจากการตีมูลค่าสินทรัพย์เป็นราคายุติธรรม เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการของ CPP Hong Kong ตามที่เรานำเสนอไปแล้ว ส่วนกำไรไตรมาส 2 รับอานิสงค์อย่างเต็มที่ในการรวมงบการเงินของ CPP เข้ามาทั้งงวด และกำไรสุทธิ 3Q55 จะเป็น Peak season ของธุรกิจ
    ยังแนะนำซื้อ : เราประเมินราคาเหมาะสมปี 2555 ของ CPF เท่ากับ 45 บาท (อิง PER 15 เท่า) โดยคณะกรรมการบริษัทฯประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 2H54 อีก 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield เท่ากับ 1.7% p.a. โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พ.ค. 55 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พ.ค. 55
    BY  วีรพัฒน์ วงศ์อุไร

    Read more »