Showing posts with label Stock NEWS. Show all posts
Showing posts with label Stock NEWS. Show all posts

Thursday, October 24, 2013

เฟดส่อเลื่อนแผนลดทอน QE


เฟดส่อเลื่อนแผนลดทอน QE

แผนการลดทอน QE ของเฟดมีแนวโน้มถูกชะลอออกไปเป็นปลายไตรมาสแรกปี 57 หลังเศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานภาครัฐ 16 วัน ขณะที่สภาครองเกรสทำได้เพียงบรรลุข้อตกลงชั่วคราว เปิดหน่วยงานภาครัฐไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.57 และขยายเพดานหนี้ถึงวันที่ 7 ก.พ.57 แต่ยังไม่สามารถแก้ข้อขัดแย้งพื้นฐานของวิกฤตการคลัง เรียกได้ว่า “แค่ซื้อเวลา” ช่วงต้นปีต้องกลับมากังวลเรื่องนี้กันอีกรอบ
เมื่อนโยบายการคลังถูกลดบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยัวมีแนวโน้มไม่ชัดเจน นโยบายการเงินผ่อนคลายแบบสุดโต่งจึงต้องทำงานต่อไป มีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะเลื่อนแผนการลดทอน QE จากเดิมก่อนสิ้นปีนี้ ออกไปเป็นการประชุมกลางเดือนมีนาคมเป็นอย่างเร็ว
กระแสการคาดการณ์ที่เฟดจะเลื่อนแผนการลดทอน QE ทำให้บอนด์ยีลลด ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดอีเมอร์จิ้งระลอกใหม่
ในส่วนของบอนด์ยีล 10 ปีของสหรัฐถอยลงมาจากจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 3% มาอยู่ที่ 2.58% ต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ ส่วนบอนด์ยีล 10 ปีบ้านเรา จากจุดสูงสุดก่อนหน้าที่ 4.4% มาอยู่ที่ 3.84% บอนด์ยีล 10 ปี เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการลงทุน และเป็นองค์ประกอบสำคัญของคำนวณมูลค่าหุ้น โดยเฉพาะวิธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) สินทรัพย์ที่เคยถูกกระทบจากการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของบอนด์ยีลจึงมีโอกาสโงหัวขึ้น เช่น ตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นสาธารณูปโภค หุ้นปันผลที่เติบโตน้อย เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แผนการลดทอน QE แค่ถูกเลื่อนออกไประยะหนึ่ง ในที่สุดก็จะเริ่มลด และเลิกอยู่ดี การฟื้นตัวของราคาสินทรัพย์เหล่านี้จึงเป็นโอกาสลดพอร์ต สำหรับนักลงทุนที่ยังถือสินทรัพย์เหล่านี้มากเกินไป
ในส่วนของดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น กรณีที่เทียบกับเงินบาทล่าสุดมาเคลื่อนไหวอยู่แถว 31 บาท/ดอลลาร์ จากที่เคยอ่อนยวบไปถึง 32.5 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มที่เฟดจะคงมาตรการ QE ยาวไปถึงปลายไตรมาสแรกปี 57 อาจทำให้กระแสเงินทุนที่เคยทิ้งตลาดอีเมอร์จิ้ง ไหลย้อนกลับเข้ามาเก็งกำไรรอบใหม่ ซึ่งจะทำให้ตลาดแกว่งผันผวนขาขึ้น ทั้งนี้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเม็ดเงินระลอกใหม่ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้บ้านเรา นอกเหนือจากประเด็นสหรัฐ จีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เริ่มมีทิศทางดีขึ้น จีนเป็นหัวรถจักรของเอเชีย เมื่อเศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพมากขึ้นย่อมเป็นข่าวดีของตลาดหุ้นเอเชีย
สัปดาห์ก่อน จีนรายงาน GDP ไตรมาส 3 โต 7.8% เร่งตัวขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 7.5% ส่วนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเติบโต 10.2% ในเดือนก.ย. ใกล้เคียงกับที่โต 10.4% ในเดือนส.ค. ขณะที่ยอดค้าปลีกขยายตัว 13.5%ในเดือนก.ย. ใกล้เคียงกับที่โต 13.4% ในเดือนส.ค. Valuation ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในเกณฑ์ไม่แพง ค่าพีอีจะลดเหลือ 12.7 เท่าของประมาณการกำไรปี 57 ที่คาดว่ากำไรจะโตได้อีก 16% ใกล้เคียงกับของปีนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 3.1% และ 3.6% ในปี 56-57 ตามลำดับ มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยจึงมีโอกาสเห็น 1650 จุดอีกครั้งในปีหน้า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งขึ้นตามตลาดหุ้นโลก โดยมีแนวต้านแถว 1480-1486 และ 1520 จุด ทั้งนี้บริเวณ 1500 จุดขึ้นไป น่าจะมีแรงขายจากทริกเกอร์ฟันด์หลายกองทุนที่ทำผลตอบแทนถึงเป้าหมาย
สัปดาห์ก่อน หุ้นแบงก์ทยอยรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ น่าสังเกตว่า แบงก์ส่วนใหญ่ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงจากไตรมาสสอง นับเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนหุ้นที่มิใช่สถาบันการเงินจะทยอยรายงานกำไรตั้งแต่ปลายต.ค.-15 พ.ย. รอบนี้น่าสังเกตว่า ตลาดมีความคาดหวังต่ำต่อผลประกอบการ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยแผ่วต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ขณะที่นักวิเคราะห์ทยอยขยับราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานออกไป โดยใช้ประมาณการกำไรปี 57 ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น จากการฟื้นตัวของการส่งออกและการลงทุนยังคงแนะหุ้นชุดเดิม ได้แก่หุ้นที่กำไรจะโดดเด่นต่อเนื่องในปีหน้า เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเช่น AOT CENTEL ที่หนุนโดยนักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเติบโตของคนชั้นกลางในแถบเอเชียโดยเฉพาะจีน การเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำ กระแส AEC ส่วนหุ้น THCOM ได้ประโยชน์จากความต้องการใช้งานดาวเทียมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนช่องสัญญาณไม่เพียงพอ แม้รวมดาวเทียมไทยคม 6 ที่จ่อยิงในเดือน พ.ย.
หุ้นที่กำไรมีความแน่นอนสูง แถมปันผลก็สูงด้วยเช่น INTUCH, BTS และหุ้นที่มีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น LH JAS CPN HMPRO SPGC QH TICON โครงสร้างทางการเงินจะแข็งแรงมากขึ้น จ่ายปันผลได้มากขึ้น และมีเงินทุนกลับไปลงทุนในโครงการใหม่เพื่อสร้างผลตอบแทนกลับมายังผู้ถือหุ้นในระยะถัดไป
โดย พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ, CFP, ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน)
The information contained in this communication is confidential and may be legally privileged. It is intended solely for the individual or entity to whom it is addressed and others authorized to receive it. If you are not the intended recipient you are hereby notified that any disclosure, copying, distribution or taking action in reliance of the contents of this information is strictly prohibited and may be unlawful. THANACHART GROUP is neither liable for the proper and/or complete transmission of the information contain in this communication nor any delay in its receipt.

Read more »

Wednesday, May 9, 2012

Stcok News

ค่าเงินยูโรและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงรุนแรงหลังจากที่นาย Antonio Samaras ซึ่งเป็นผู้นำพรรค New Democracy ของกรีซได้ออกมาประกาศว่าเขาไม่สามารถที่จะรวบรวมคะแนนเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งเป็นรัฐบาลได้ ดังนั้นโอกาสจึงไปตกอยู่ในมือของนาย Alexis Tsipas หัวหน้าพรรค Syriza ซึ่งเป็นพรรคที่มีคะแนนมาเป็นอันดับที่ 2 โดยถ้าหากภายใน 3 วันนี้ยังไม่สามารถมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นคิวของพรรคอันดับที่ 3 หรือ Pasok และถ้าหากยังไม่สำเร็จอาจทำให้กรีซต้องมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง


เรายังมองประเด็นเรื่องกรีซเป็นความเสี่ยงและ Noise ต่อตลาดในช่วงนี้ โดยถึงแม้การเข้ามาของพรรคผ่ายค้านซึ่งเป็นกลุ่มAnti-Bailout อาจทำให้กรีซต้องออกจากกลุ่มประเทศยูโรโซนซึ่งถือเป็นข่าวดีต่อยุโรปในระยะยาว แต่ในระยะสั้นอาจทำให้ความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรปเกิดความวุ่นวายได้อีกครั้ง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ (WTI: - 8.5%, Brent: -6%) โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 4 ปัจจัยได้แก่
1) การปรับตัวสูงขึ้นของ Stock น้ำมันดิบในประเทศสหรัฐฯ สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990 (ดูรูป)
2) ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯประจำเดือนเมษายนที่ออกมาอ่อนแอ
3) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่กลับมาแข็งค่าอีกครั้งหนึ่ง
4) การออกมาให้ข่าวของประเทศซาอุดิอาระเบียว่าระดับราคาน้ำมันปัจจุบันยังถือว่าเป็นระดับที่สูงอยู่
มุมมองของเราต่อราคาน้ำมัน: ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ปรับตวลงจากระดับ 100 และ 125 หรียญ/บาร์เรล หลังจากขาดแรงหนุนประเด็นการคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเรามองว่าราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ในรอบนี้ไม่น่าจะปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 95 และ 110 เหรียญ/บาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับการซื้อขายก่อนมีประเด็นเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่านเกิดขึ้น เนื่องจาก Forward curve ของราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ยังคงก่อตัวรูปแบบ Backwardation อยู่ ซึ่งสะท้อนถึงภาวะ Supply shortage ในอนาคตอยู่
SET Index ยังคงปรับตัวแข็งแกร่งโดยสามารถยืนได้ที่ระดับ 1220 – 1230 จุด เรายังคงมุมมองเดิมว่า SET ในรอบนี้จะไม่ หลุดระดับ 1200 จุด และแนะนำสะสมหุ้นที่ระดับดัชนี 1200 – 1220 จุด โดยคาดหวังระดับดัชนีเป้าหมายที่ระดับ 1300 จุดภายในไตรมาสที่ 2 นี้
Catalyst ที่สำคัญยังคงได้แก่ประเด็นการไหลออกของเงินที่อยู่ใน U.S. Treasury หลังจากโครงการ Operation twist สิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายน และคาดการณ์การเพิ่มน้ำหนักของหุ้นไทยในการคำนวณดัชนี MSCI ซึ่งจะมีการประกาศ
ในช่วงวันที่ 15 พฤษภาคม

Read more »

Tuesday, May 8, 2012

Stock News,กรณีสัญญา 3 จี

ล่าสุดที่ประชุมคณะอนุกรรมการ ปปช. มีมติเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา ปธ.-ซีอีโอ กสท. กรณีการทำสัญญา 3G ระหว่าง TRUE และ CAT หลังสอบสวนพบว่าสัญญาไม่เป็นปกติ โดยจะเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงในวันที่ 28 พ.ค.นี้ และคาดว่าจะสรุปสำนวนได้ในเดือน มิ.ย.55 เพื่อส่งให้ที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.พิจารณาชี้ขาดต่อไป ส่วนประเด็น พ.ร.บ. ฮั้ว มีมติเสียงข้างมากไม่เห็นว่าเข้าข่าย ขณะที่ประเด็น พ.ร.บ. ร่วมทุนนั้นเห็นว่าสัญญาฉบับนี้ผิดโดยชัดเจนที่ไม่ผ่านขั้นตอนตามที่กำหนด ซึ่งคณะอนุฯ มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับทางอัยการสูงสุด เพราะคลื่นความถี่ถือเป็นทรัพยากรสาธารณะ และ กสทฯ ยังคงสภาพความเห็นรัฐวิสาหกิจอยู่ อย่างไรก็ดีการชี้ขาดจะยังคงขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ด้วยว่าจะเห็นด้วยกับคณะอนุหรือไม่

Read more »

Stock News,ไฟไหม้ บ.กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (BST)SCC

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานของบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ในเครือบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (BST) และ SCC ถือหุ้นใน BST เท่ากับ 26% ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มูลค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1.7 พันล้าน และ ในปี 2554 SCC รับรู้กำไรจาก BST ประมาณ 1.6 พันล้านบาท เทียบกับกำไรของ SCC เท่ากับ 2.7 หมื่นล้านบาท ส่วนบริษัทในเครือของกลุ่ม PTT ที่ดำเนินการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ไม่ได้รับผลกระทบและไม่มีการปิดโรงงานแต่อย่างใด ยังคงดำเนินการตามปกติ มีเพียง Feedstock ที่เป็น C4 ซึ่ง PTTGC ผลิตมีผู้รับซื้อเป็น BST อาจจะต้องนำส่วนนี้ขายส่งออกแทน ซึ่งถือว่าไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่ม PTT

Read more »

Friday, April 27, 2012

Stock News,S&P


S&P ประกาศลดเครดิตสเปน 2 ขั้น สู่ BBB+ ชี้สถานะการคลังมีความเสี่ยง


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 55)--สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสเปน ลง 2 ขั้น สู่ระดับ BBB+ จากระดับ A นอกจากนี้ เอสแอนด์พียังได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นของสเปน ลงสู่ระดับ A-2 จากระดับ A-1 และยังให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือ "เป็นลบ" โดยระบุว่า ปัญหาด้านการคลังของสเปนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เอสแอนด์พีมองว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสเปนจำเป็นจะต้องให้การสนับสนุนภาคธนาคารภายในประเทศ พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจและสถานะการคลังของสเปนมีความเสี่ยงอย่างมากในขณะนี้ แถลงการณ์ของเอสแอนด์พีระบุว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสเปนลง 2 ขั้นในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า สัดส่วนหนี้สินของรัฐบาลต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) นั้น มีความเสี่ยงที่สูงขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ อันเนื่องมาจากยอดขาดดุลงบประมาณสำหรับช่วงปี 2554-2558 มีแนวโน้มที่ย่ำแย่กว่าที่เอสแอนด์พีคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลจำเป็นจะต้องจัดสรรเงินคงคลังมาใช้ในการสนับสนุนภาคธนาคาร ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ สถานะการคลัง, ความยืดหยุ่น และภาระหนี้สินสาธารณะของสเปน จะมีความเสี่ยงมากขึ้น"ความกังวลในเรื่องเหล่านี้ ทำให้เราตัดสินใจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น" เอสแอนด์พีระบุส่วนสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมหภาคของสเปนนั้น เอสแอนด์พีได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีที่แท้จริงของสเปนลงมาอยู่ที่ระดับ หดตัวลง 1.5% ในปี 2555 และหดตัว 0.5% ในปี 2556 เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจีดีพีที่แท้จริงในปี 2555 จะขยายตัว 0.3% และขยายตัว 1% ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม เอสแอนด์พีระบุว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจของสเปนอ่อนแอ แต่เอสแอนด์พีเชื่อว่า รัฐบาลชุดใหม่ของสเปนได้ดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจในหลายๆด้าน ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่รัฐบาลใช้มาตรการปฏิรูปตลาดแรงงาน ซึ่งเอสแอนด์พีเชื่อว่าจะช่วยลดภาวะตึงตัวด้านโครงสร้างในปัจจุบัน และจะช่วยให้การกำหนดค่าแรงมีความยืดหยุ่นมากขึ้น


--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนีย์พร โทร.02-2535000 อีเมล์: suneeporn@infoquest.co.th--

Read more »

Wednesday, April 25, 2012

Stock News,CPF,GFPT

Asia:NEWS

อินเดีย: เอสแอนด์พีประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอินเดียลงมาอยู่ที่ "เชิงลบ"

จากเดิม "มีเสถียรภาพ" โดยระบุว่า สถานะการคลังของอินเดียมีความคืบหน้าในลักษณะที่ช้า และดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจก็ถดถอยลงด้วย มีโอกาส 1 ใน 3 ที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของอินเดีย หากสภาวะภายนอกยังคงอ่อนแอ

จีน:"ซอคเจน"คาดศก.จีนอาจยังชะลอตัวใน Q2 เหตุคุมเข้มอสังหาฯ

โดยไตรมาส 1/55 GDP growth ของจีนเท่ากับ 8.1% ลดลงจากไตรมาส 4/54 ที่ 8.9%
สหรัฐฯ: โรควัวบ้าระบาดในสหรัฐฯ เกาหลีใต้ห้ามนำเข้าเนื้อจากสหรัฐฯเป็นการชั่วคราว เราเฝ้าดูสถานการณ์นี้ ถ้าลุกลามมีในยุโรปด้วย จะเป็น + ต่อ

CPF, GFPT

Read more »