Showing posts with label Stock Focus. Show all posts
Showing posts with label Stock Focus. Show all posts

Friday, May 11, 2012

Stock Focus,คาดหุ้นจะเข้า SET 50


คาดการณ์ หุ้นที่จะเข้า SET 50 และ SET 100


จากการคำนวณล่าสุดโดยใช้ข้อมูลจนถึงวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ผลดังนี้

SET50:

Addition: INTUCH, HEMRAJ


Deletion: DCC, TPC


SET100:

Addition: INTUCH, RML, PF, KTC, KGI

Deletion: TPC, PSL, PHATRA, MCS, SMT

โดยเราจะรอข้อมูลจนกระทั่งถึงวันที่ 24-25 พ.ค. นี้เพื่อความมั่นใจที่สูงขึ้น แล้วจะ Update ออกมาเป็นบทวิเคราะห์ Note: ตลาดฯจะใช้ข้อมูลถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ในการคำนวณหาสมาชิกดัชนีในรอบใหม่นี้

Read more »

Friday, May 4, 2012

Stock Focus,TCAP,PTT,



คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้พักฐาน กรอบ 1,215-1,228 จุด

 

แนวรับคืนอีกรอบ มีแนวต้าน 1,250-1,260 จุด ณ ระดับราคาปิดเมื่อวาน 1,240 จุด นักลงทุนโดยรวมคาดมีกำไรพอควรแล้ว ต้องระมัดระวังตลาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร และ Domestic Plays เรายังมองว่าร้อนแรงเกินไปที่จะปรับตัวขึ้นต่อ โดยกลุ่มค้าปลีก นักวิเคราะห์เรายังเห็นว่าน่าจะรองบการเงินไตรมาส 1/55 ออกมาก่อน และรอฟังนโยบายของผู้บริหาร แล้วอาจพิจารณาการปรับขึ้น Fair Value หุ้นที่ชื่นชอบที่สุดของค้าปลีกยังเป็น ROBINS เป้าหมาย 63 บาท BIGC เป้าหมาย 202 บาท นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เริ่มมองทางให้ขายทำกำไร ส่วน CPALL ระยะสั้นปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป การเข้าซื้อระลอกใหม่เน้นไปที่กลุ่มปิโตรเคมี และพลังงานที่ Laggard มากเป็นหลัก ได้แก่ PTTGC, IVL, BANPU รอซื้อ PTT เมื่ออ่อนตัวระดับ 345-355 บาท ส่วน JAS ราคาขึ้นมาเข้าใกล้เป้าหมาย 3.50-3.72 บาท แนะนำรอขายทำกำไรบางส่วนที่เกิน 3.30 บาทขึ้นไป รอซื้อกลับที่ 3.00-3.10 บาท เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นไม่เผื่อความผิดหวังที่อาจเกิดมีขึ้นได้สองเรื่องคือ 1.งบไตรมาส 1/55 หากไม่ถึง 400 ล้านบาท จะทำให้ Sentiment เสีย 2.บริษัทมีนโยบายขายหุ้นที่ทำ Treasury Stock ออกมาประมาณ 100 ล้านหุ้นเมื่อถึงกำหนด (คือในช่วงนี้) ตลาดต่างประเทศวันนี้น่าจะพักฐานเช่นกัน เหตุสำคัญคือต้องระมัดระวังความผันผวนของราคาน้ำมัน จากดีมานด์ที่เริ่มอ่อนแอ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่เห็นยังไม่แข็งแกร่ง ในขณะที่ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในวันข้างหน้า นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย อีกทั้งเรากังวล DXYO อาจพลิกกลับขึ้นสวนทางกับค่าเงินอียูที่อ่อนแรง

 TCAP: ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม 34 บาท เป็น 37 บาท อิง PBV 1.29 เท่า โดยคาดการณ์ Div. Yield ปี 2555 เท่ากับ 4.1% p.a. แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2555 ของ TCAP ยังไม่สะท้อนผลบวกจากการรวมกิจการกับ SCIB อย่างเต็มที่ แต่แนวโน้มกำไรปี 2556 จะเติบโตได้ 15% YoY จากการทำ Cross Selling ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย TCAP มีภาระกิจหลักสำคัญคือ 1.รักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของธุรกิจ HP ที่มีแชร์กว่า 20% ให้ได้ ที่สองคือ BAY 2.จะเน้น Housing Loans มากขึ้น ต่อยอดจากฐานที่ SCIB ทำไว้ 3.ขยาย Corporate Loans 4.ขยายฐานสินเชื่อ SME วงเงินสินเชื่อต่ำกว่า 10 ล้านบาท 5.เพิ่ม Fee Incomes 6.ลดค่าใช้จ่ายบริหาร ให้เป็น 0% growth เราคาด TCAP มี Cost to Income ที่ 59% (ผบห ตั้งไว้ 55%) Credit Cost เราคาดว่าตั้ง provision 45 bps ( ผบห คาดตั้ง 20-50 bps)

 PTT: Preview เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 38.66 พันล้านบาท (Recorded High) เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 1/54 ที่ 34.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเดิม ทั้งนี้คาดเป็นกำไรจากการดำเนินงานของ PTT เอง (กำไรหักส่วนของdividend รับจาก บ.ลูก) เท่ากับ 14.2 พันล้านบาท (ใกล้เคียงกับ 1Q54 ที่ 14.16 พันล้านบาท) บวกด้วยกำไรจาก บ.ในเครือ นำโดย PTTEP contribute มากที่สุด กว่า 12 พันล้านบาท โรงกลั่น TOP, BCP จะมีกำไรดีสุดในไตรมาส 1/55

PTTGC กำไรปานกลาง แต่คาดว่าจะ contribute มากขึ้นในไตรมาสถัดไป ส่วน IRPC กำไรไตรมาส 1/55 ยังน่าผิดหวัง รวมด้วยไตรมาสนี้คาดมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.1 พันล้านบาท และกำไร stock gain อีก 2.6 พันล้านบาท ราคาหุ้น PTT ยัง Laggard เมื่อเทียบกับกำไรไตรมาส 1/55 ที่ทำได้ดี และเทียบกับ SET ปี 2555 คาดกำไรสุทธิ 111 พันล้านบาท (ยังไม่รวมถ้าต้อง write off โครงการอียิปต์ ที่ยังเหลือต้องทำอีก 7.5 พันล้านบาทปีนี้ แต่ไม่ใช่ในไตรมาส 1/55) เราแนะนำซื้อต่อไป ราคาเป้าหมาย 394 บาท

Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Wednesday, May 2, 2012

Stock Focus,SPALI

บมจ. ศุภาลัย (SPALI)

กำไรไตรมาสแรกจะต่ำ แต่แนวโน้มจะโตโดดเด่น

คาดกำไรไตรมาสแรกจะต่ำเพียง 270 ล้านบาท (-23%qoq, -63%yoy) เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง ยอด Presale 4 เดือนแรก สูงถึง 6,491 ล้านบาท เนื่องจากโครงการในโซนน้ำท่วมกลับมาเร็วกว่าคาด ทำให้ปรับเป้าปีนี้ขึ้นเป็น 19,000 ล้าน และเมื่อรวมบริษัทย่อยจะสูงถึง 21,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัว 16 โครงการ มูลค่า 17,900 ล้านบาท ก้าวสู่ Nationwide Developer สัดส่วนตลาดต่างจังหวัดปีนี้ 20% เป้า 2-3 ปี 25% Backlog สูง 24,496 ล้านบาท ประเมินยอดรับรู้รายได้ จะเติบโต 7% สู่ระดับ 13,540 ล้านบาท และ คาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,165 ล้านบาท เติบโต 23% ประเมินราคาเป้าหมาย 18.50 บาท ยังพอมีอัพไซด์แนะนำ ซื้ออ่านเพิ่ม….>

แนวรับ   16.2-16.4       แนวต้าน   17.2-17.5

Read more »

Stock Focus,BCP

บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP)

ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด

■ ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด บมจ บางจาก (BCP) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ที่ 2,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% และ 335% YoY และ QoQ ตามลำดับหรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 1.77 บาทต่อหุ้น สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 2,012 ล้านบาท จากรายได้จากการขายทั้งหมด 47,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.14% และ 18.52% YoY และ QoQตามลำดับ ค่าการกลั่น GIM อยู่ที่ 12.53 เหรียญฯต่อบาร์เรล ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54 ที่มีค่าการกลั่น GIM ที่ 13.77 แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานของ น้ำมันแกสโซลีน และดีเซล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ลดลงจาก 20.33 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 18.40 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในไตรมาส 1/54 เป็น 15.64 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 16.36 เหรียญฯต่อบาร์เรล ตามลำดับนั้น รายได้น้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 101,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ EBITDA ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 2,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และ 189% YoY และ QoQ ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีรายการกำไรพิเศษ จาก
1) กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า 114 ล้านบาท
2) กำไรจากสัญญาซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า 467 ล้านบาท) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 232 ล้านบาท ทั้งนี้ทางบริษัท ยังไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ โครงการ BOI จากภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรับรู้ราย ได้จากธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เฟส 1 ขนาด 8 เมกะวัตต์ ในไตรมาสนี้ เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมปลายปี 2554 อย่างไรก็ดี โครงการไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ดังกล่าวได้กลับมาดำเนินเชิงพาณิชย์แล้ว ในช่วงต้นไตรมาส 2/55 แล้วคาดว่า จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ใน ไตรมาสนี้ สำหรับคำแนะนำลงทุนใน BCP คือ ซื้อ ที่ราคาเหมาะสม 27 บาท ซึ่งยังมี upside gain อยู่ราว 5-6%


■ ประเด็นเข้าซื้อกิจการ ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ด้านบางจาก ให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้นจำนวน 40% ของบริษัท ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิตรวม 3.50 แสนลิตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อหุ้นของ บมจ บางจาก จะรอให้โรงงานแห่งใหม่สร้างเสร็จก่อน ซึ่งข้อสรุปจะเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างบริษัท ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TAE
วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

Read more »

Stock Fucus,BANPU

วันที่ 2 พ.ค.55

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้แรงหนุนจากทั้งปัจจัยในประเทศ (ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ฟื้นตัวดี, เงินเฟ้อต่ำเพียง +2.47% YoY, ประชุม กนง.คาดตรึงอัตราดอกเบี้ย) ส่วนปัจจัยต่างประเทศก็เกื้อหนุนเป็นผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้น ทั้ง PMI ของจีน เดือน เม.ย. 53.3 จุด +0.2 จุด จากเดือนก่อน และ ISM ของสหรัฐฯ ขึ้นมาที่ 54.8 จุด สูงสุดในรอบ 10 เดือน กรอบแนวรับ-แนวต้าน 1,218-1,250

ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญ คือ
- คาดการประชุม กนง. ของ ธปท.มีมติการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.00% ต่อเนื่อง
- เงินเฟ้อทั่วไปประเทศไทยเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.47% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.13%
- ราคาไก่ในประเทศเดือน เม.ย.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 32 บาท ต่อ กก. จากตกต่ำสุดในเดือน มี.ค.ที่ 28 บาท ต่อ กก.คาดผลประกอบการของ CPF, GFPT ผู้ประกอบการธุรกิจไก่ รับผลลบ คาดไตรมาส 1/55 ย่ำแย่ แต่สถานการณ์กำลังจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 2/55 เนื่องจากย่างเข้าฤดู High Season ของไก่ส่งออก


- ราคากุ้งในประเทศ 70 ตัว ต่อ กก.ปรับตัวลดลง 15% MoM เป็น 115 บาท ปัจจัยดังกล่าวระยะแรกส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการแพ็คกุ้งส่งออก เช่น CFRESH, SSF, TUF, CPF แต่ในที่สุดผู้ซื้อในต่างประเทศจะปรับตัวได้และขอปรับลดราคาลงในที่สุด ระยะยาวไม่เป็นผลบวก
ปัจจัยที่สำคัญ สำหรับตลาดโลกและคอมมอดิตี้ คือ
- สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนเม.ย. ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือน มี.ค. และมากกว่าเดือนเม.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 52.9 จุด
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 53.4 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53 จุด\
- ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% แตะที่ 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งลดลงจากเดือนมี.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 3.1%

- S&P 500 ทะยานขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก ที่มีข่าวดีเฉพาะตัว เช่น Chesapeake Energy พุ่งขึ้น 6% หลังจากมีรายงานว่า ทางบริษัทจะถอดนายออเบรย์ แมคเคลนดอน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ เซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเคมาร์ทและเซียร์ส พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด

ปัจจัยเด่นที่ต้องติดตามในภาพใหญ่คือปัจจัยด้านผู้กำหนดนโยบาย ตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหมดวาระลงในสิ้นเดือน เม.ย. นี้ รายชื่อที่ถูกเสนอเข้าชิงตำแหน่ง คือ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสนกุล และ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ซึ่งเป็นที่น่าจับตาที่ ดร.วีรพงษ์ ได้เคยเสนอให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ถึง 1.78 แสนล้านบาท ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงเคยเสนอให้ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ยังมีความเห็นสอดคล้องกับ นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว. คลัง กรณีดังกล่าวอาจต้องจับตาเกี่ยวกับ สองเรื่องสำคัญคือ 1.นโยบายที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และ 2.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจถูกปรับให้ลดลง ทั้งนี้ในทางตรง อาจะมีผลเชื่อมโยงต่อหุ้นรัฐวิสาหกิจอย่าง KTB, THAI, PTT ส่วนในทางอ้อม หุ้นที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อน คาดว่ามีแนวโน้ม Perform มากขึ้น ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น
Domestic Play ได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อเพิ่มในอัตราที่ต่ำ คาดการณ์ ธปท.คงอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยบวกต่อ ธุรกิจในประเทศ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์(Top Pick ในกลุ่มคือ KBANK, SCB, BBL) อสังหาริมทรัพย์ (เน้นธุรกิจเติบโตสูง ราคายังปรับตัวไม่สูง เช่น SIRI, QH) สื่อสาร (THCOM, JAS) ค้าปลีก (HMPRO, ROBINS) โรงพยาบาล (BGH, KH)
Cyclical Play ได้แรงหนุนจากตัวเลข PMI และ ISM ของจีน แนะนำเริ่มเข้าซื้อ ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 1/55 เป็น Bottom Out และกำลังจะดีขึ้นในไตรมาสถัดไป

Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Monday, April 30, 2012

Stock Focus,ROBINS,KTB

 

บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB)

Meeting : แนวโน้มกำไรปี 2555 พลิกกลับมาเติบโตสูงตั้งเป้าสินเชื่อโต 6-7% YoY ส่วนแนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% YoY เน้นธุรกรรมที่เกี่ยวกับกลุ่มลูกค้า SME และรายย่อย คาดแนวโน้มกำไรปี 55 เติบโตสูงถึง 44% YoY เราจึงคงแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 24 บาท


􀂃 เป้าหมายสินเชื่อยังอนุรักษ์นิยม แต่เชื่อว่าศักยภาพของ KTB จะทำได้สูงกว่าที่ประเมินไว้ : ผู้บริหารเปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์เช้าวันนี้ (30 เม.ย. 55) เกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจในปี 2555 โดยตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ระดับ 6-7% YoY (เราประเมินไว้ที่ 7% YoY) แต่มีแนวโน้มที่สินเชื่อทั้งปีจะขยายตัวได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เนื่องจากทิศทางการปล่อยสินเชื่อธนาคารฯยังสดใสต่อเนื่อง โดยกลุ่มสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่มีการเบิกใช้ตามที่ได้ขออนุมัติไปแล้ว ส่วนสินเชื่อ SME ที่ธนาคารฯเจาะกลุ่มลูกค้ารายเล็ก จะเห็นการเติบโตในระดับสูง ในขณะที่สินเชื่อ Microfinance ที่เริ่มดำเนินงานแล้ว พบว่ายังมีช่องทางในการขยายตัวอีกมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายปล่อยสินเชื่อที่ให้ Yield สูง เพื่อพยุง NIM ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการเก็บเงินค่าธรรมเนียมนำส่ง ธปท. เพื่อชำระดอกเบี้ยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยเราประเมินว่า NIM ในปีนี้ของธนาคารฯจะปรับตัวลดลง 17 bps สู่ระดับ 2.7% ส่วนเป้าหมายการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิฯคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 15% YoY (เราประเมิน 10% YoY) ซึ่งจะเน้นธุรกรรมที่เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อรายย่อยและ SME เป็นหลัก บวกกับธุรกรรมปริวรรตเงินตรา ด้านสัดส่วน Cost to income ratio แม้อยู่ในระดับสูงสุดในกลุ่มธ.พ.ขนาดใหญ่ แต่ผู้บริหารเชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ (เราประเมิน Cost to income ratio 49% ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน) ส่วนการตั้งสำรองฯในปีนี้คาดว่า จะลดลงเหลือ 6 พันล้านบาท (ไตรมาสละ 1.5 พันล้านบาท) ลดลงถึง 55% QoQ ภายหลังจากธนาคารฯตั้งสำรองพิเศษใน 3Q-4Q54 ไปแล้ว เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองฯในปี 2554 เติบโตสูงถึง 35% YoY


􀂃 คงประมาณการปี 2555-56 :
คาดแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2555-56 เท่ากับ 24,539 ล้านบาท และ 27,516 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 44% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ เรามองว่าธนาคารฯ จะได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่วัฏจักรการลงทุนรอบใหม่ ที่ได้รับการอัดฉีดโดยรัฐบาลผ่านโครงการฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคในประเทศ เพื่อบริหารทรัพยากรน้ำ และ ป้องกันอุทกภัย ซึ่งทำให้เกิดความต้องการสินเชื่อในทุกกลุ่ม ตั้งแต่ลูกค้าองค์กรรายใหญ่SME และรายย่อย
􀂃 แนะนำซื้อ :
กำหนดราคาเหมาะสมปี 2555 ของ KTB เท่ากับ 24 บาท อิง PBV 1.86เท่า ซึ่งเรามองว่า KTB มีความน่าสนใจมากหากเทียบกับ BBL ที่เทรดอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าของ BV เหมือนกัน แต่คาดการณ์ ROE ปี 2555 ของ KTB สูงกว่า BBL ซึ่งอยู่ในระดับเพียง 13.5%
วีรพัฒน์ วงศ์อุไร

Read more »