วันที่ 2 พ.ค.55
คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้แรงหนุนจากทั้งปัจจัยในประเทศ (ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ฟื้นตัวดี, เงินเฟ้อต่ำเพียง +2.47% YoY, ประชุม กนง.คาดตรึงอัตราดอกเบี้ย) ส่วนปัจจัยต่างประเทศก็เกื้อหนุนเป็นผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้น ทั้ง PMI ของจีน เดือน เม.ย. 53.3 จุด +0.2 จุด จากเดือนก่อน และ ISM ของสหรัฐฯ ขึ้นมาที่ 54.8 จุด สูงสุดในรอบ 10 เดือน กรอบแนวรับ-แนวต้าน 1,218-1,250
ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญ คือ
- คาดการประชุม กนง. ของ ธปท.มีมติการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.00% ต่อเนื่อง
- เงินเฟ้อทั่วไปประเทศไทยเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.47% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.13%
- ราคาไก่ในประเทศเดือน เม.ย.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 32 บาท ต่อ กก. จากตกต่ำสุดในเดือน มี.ค.ที่ 28 บาท ต่อ กก.คาดผลประกอบการของ CPF, GFPT ผู้ประกอบการธุรกิจไก่ รับผลลบ คาดไตรมาส 1/55 ย่ำแย่ แต่สถานการณ์กำลังจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 2/55 เนื่องจากย่างเข้าฤดู High Season ของไก่ส่งออก
- ราคากุ้งในประเทศ 70 ตัว ต่อ กก.ปรับตัวลดลง 15% MoM เป็น 115 บาท ปัจจัยดังกล่าวระยะแรกส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการแพ็คกุ้งส่งออก เช่น CFRESH, SSF, TUF, CPF แต่ในที่สุดผู้ซื้อในต่างประเทศจะปรับตัวได้และขอปรับลดราคาลงในที่สุด ระยะยาวไม่เป็นผลบวก
ปัจจัยที่สำคัญ สำหรับตลาดโลกและคอมมอดิตี้ คือ
- สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนเม.ย. ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือน มี.ค. และมากกว่าเดือนเม.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 52.9 จุด
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 53.4 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53 จุด\
- ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% แตะที่ 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งลดลงจากเดือนมี.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 3.1%
- S&P 500 ทะยานขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก ที่มีข่าวดีเฉพาะตัว เช่น Chesapeake Energy พุ่งขึ้น 6% หลังจากมีรายงานว่า ทางบริษัทจะถอดนายออเบรย์ แมคเคลนดอน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ เซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเคมาร์ทและเซียร์ส พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด
ปัจจัยเด่นที่ต้องติดตามในภาพใหญ่คือปัจจัยด้านผู้กำหนดนโยบาย ตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหมดวาระลงในสิ้นเดือน เม.ย. นี้ รายชื่อที่ถูกเสนอเข้าชิงตำแหน่ง คือ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสนกุล และ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ซึ่งเป็นที่น่าจับตาที่ ดร.วีรพงษ์ ได้เคยเสนอให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ถึง 1.78 แสนล้านบาท ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงเคยเสนอให้ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ยังมีความเห็นสอดคล้องกับ นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว. คลัง กรณีดังกล่าวอาจต้องจับตาเกี่ยวกับ สองเรื่องสำคัญคือ 1.นโยบายที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และ 2.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจถูกปรับให้ลดลง ทั้งนี้ในทางตรง อาจะมีผลเชื่อมโยงต่อหุ้นรัฐวิสาหกิจอย่าง KTB, THAI, PTT ส่วนในทางอ้อม หุ้นที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อน คาดว่ามีแนวโน้ม Perform มากขึ้น ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น
Domestic Play ได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อเพิ่มในอัตราที่ต่ำ คาดการณ์ ธปท.คงอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยบวกต่อ ธุรกิจในประเทศ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์(Top Pick ในกลุ่มคือ KBANK, SCB, BBL) อสังหาริมทรัพย์ (เน้นธุรกิจเติบโตสูง ราคายังปรับตัวไม่สูง เช่น SIRI, QH) สื่อสาร (THCOM, JAS) ค้าปลีก (HMPRO, ROBINS) โรงพยาบาล (BGH, KH)
Cyclical Play ได้แรงหนุนจากตัวเลข PMI และ ISM ของจีน แนะนำเริ่มเข้าซื้อ ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 1/55 เป็น Bottom Out และกำลังจะดีขึ้นในไตรมาสถัดไป
Vajiralux Sanglerdsillapachai
Read more »