Monday, March 5, 2012

Stock Focus,LH,BGH,PTT,BIGC,STA,3.Mar.2012., 10.41


Our greatest glory is not in never falling, but in rising every time we fall.
เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

LH, BGH, PTT, BIGC, STA

ลดพอร์ตบ้างแต่ไม่ล้างพอร์ต

การลงทุนเดือน มี.ค.ขณะที่ SET เข้าสู่โซนสูงระดับ 1,160-1,188 จุด ระยะสั้นอาจร้อนแรงและไร้ข่าวบวกที่ดีมากพอจะ Drive ตลาดหุ้นขื้นต่อ เราแนะนำให้นักลงทุนลดพอร์ตบางส่วนเพื่อเตรียมกระสุนไว้ซื้อเข้าพอร์ตเพิ่มเมื่อดัชนีอ่อนแรง อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งล้างพอร์ตทั้งหมด โดยเรามองทั้งปีดัชนีน่าจะมี Upside ไปต่อได้ถึง 1,300 จุด โดยหุ้นที่มี Beta สูงเหวี่ยงแรง ในแต่ละ Sector อาจจะต้องปรับพอร์ตขายทำกำไรในที่สูงออกบ้างแล้วหันไปซื้อหุ้นที่ Laggard แทน เช่น กลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเคมี ความเป็น Value Stock น้อยกว่า PTT หากขายออกหันไปถือหุ้น PTT แทนได้ ปี 2555 เน้นการลงทุนหุ้นใหญ่ แต่ระยะสั้นในช่วงสัปดาห์อาจเลือกเข้ามาลงทุนหุ้นที่ Laggard มากอย่างเช่น LH ซึ่งก็จะเริ่มมีข่าวดีตั้งแต่ไตรมาส 1/55  และ BGH ซึ่งราคาปรับฐานลงมาจูงใจต่อการเข้าซื้ออีกครั้งแม้ไตรมาส 1 จะเป็น Low Season ของธุรกิจโรงพยาบาล คาดว่าตลาดหุ้นเดือน มี.ค.ความคาดหวังสูงของนักลงทุนทั่วโลกเกี่ยวกับเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยูโร จะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนและกำลังเร่งให้ค่าเงินยูเอสแข็งค่า ส่งผลในการต้านการปรับตัวขึ้นของหุ้นและคอมมอดิตี้เป็นการชั่วคราว (ดังนั้นแนะนำขายออกบ้าง และรอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว ระดับ 1,175 บวก/ลบ)

ประเด็นการลงทุนวันนี้

(+)LH: ไตรมาส 1/55 ของ LH จากธุรกิจหลักคาดฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/54 เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อื่น  LH จะการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายในไตรมาส 1/55 ซึ่งมีมูลค่าขายรวมกันประมาณ 3.3 พันล้านบาท และอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 7% ทั้ง LH และ GIC จะรับประกันอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ เป็นเวลา 4 ปี สิ้นสุดปี 2558 นับตาม Consensus ราคา Target Price อยู่ที่ 7 บาท แต่ราคาสูงสุด-ต่ำสุดที่ให้ไว้ไม่ห่างกันมากนัก จะอยู่ที่ 6.80-7.40 บาท เราให้ Target Price ของ LH  7.2 บาทต่อหุ้น ตามวิธี Sum-of-the-Part แนะนำซื้อ

(+)STA: คาดประกาศปันผลกลางเดือน มี.ค.55 ซึ่งยังคาดไม่ถูกว่าจะปันผลเท่าไร และใช้อะไรเป็นเครื่องชี้วัด เพราะแม้กำไรสุทธิปี 2554 ไม่ดีอย่างมาก แต่ Cash Flow กลับดีมาก เพราะการขาดทุนในไตรมาส 3/54 และ 4/54 ที่เกิดขึ้น เป็นรายการทางบัญชีส่วนใหญ่ไม่เป็นค่าใช้จ่ายเงินสด ทำให้งบการเงินปี 2554 มีอย่างน้อย 4 รายการที่สามารถกลับรายการได้รวม 1,790 ล้านบาท (ยังไม่นับรวมภาษีจ่ายในไตรมาส 4/54 ที่ลงบันทึกมากกว่าปกติ) Operating Cash Flow เป็น +2.5 พันล้านบาท เทียบกับปี 2553 ที่แม้งบดีแต่ -7.5 พันล้านบาท และยิ่งเป็นงบเดี่ยว OCF ยิ่ง +3.97 พันล้านบาท กระแสเงินสดมากอาจทำให้บริษัทพิจารณาจ่ายปันผลได้มากกว่ากำไรสุทธิที่รายงานมาเพียง 1.3 พันล้านบาท (1.04 บาทต่อหุ้น) Payout Ratio 30% เรายังเชื่อจ่ายได้ตั้งแต่ 0.35-0.78 บาทต่อหุ้นในปี 2554 ในขณะที่ปี 2555 หากกำไรดีตามที่เราคาดอาจจ่ายได้ราว 1 บาทต่อหุ้นขึ้นไป(conservative ไว้ก่อน เพราะหากจ่ายปันผลประจำปี 2554 ต่ำ คาดว่าน่าจะจ่ายมากสำหรับปี 2555) นานครั้งจะพบหุ้นที่แม้ประกาศกำไรสุทธิไม่ดี แต่กระแสเงินสดดีมาก เราจึงแนะนำซื้อต่อไป ราคาเป้าหมาย 28 บาท

(0)ITD: ไตรมาส 4/54 ขาดทุนต่อเนื่องอีก 306 ล้านบาท  รวมแล้วปี 2554 ขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1,698 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 298 ล้านบาท  ถ้าหากไม่รวมรายการพิเศษจะมีผลขาดทุนปกติสำหรับปี 2554 เท่ากับ 1,257 ล้านบาท ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุนปกติ 1,461 ล้านบาท  ถ้าหากบวกกลับค่าเสื่อมจะยังมีกระแสเงินสดสุทธิเป็นบวกเท่ากับ 568 ล้านบาท

(+)  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่จัดทำโดยเอชเอสบีซี อยู่ที่ระดับ 49.6 ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจากระดับ 48.8 ในเดือนม.ค.55 นอกจากนี้ การจ้างงานในภาคการผลิตเพิ่มสูงขึ้นในเดือนก.พ. โดยอัตราการจ้างงานแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทที่ว่าจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นนั้น ได้ระบุถึงความต้องการด้านการผลิตที่สูงขึ้น และในบางรายยังเปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจด้วย
By Vajiralux Sanglerdsillapachai

0 comments:

Post a Comment