Friday, March 2, 2012

Stock Focus,LH,BGH,PTT,BIGC,STA,2.Mar.2012.,11.14



LH, BGH, PTT, BIGC, STA

ลดพอร์ตบ้างแต่ไม่ล้างพอร์ต

การลงทุนเดือน มี.ค.ขณะที่ SET เข้าสู่โซนสูงระดับ 1,160-1,188 จุด ระยะสั้นอาจร้อนแรงและไร้ข่าวบวกที่ดีมากพอจะ Drive ตลาดหุ้นขื้นต่อ เราแนะนำให้นักลงทุนลดพอร์ตบางส่วนเพื่อเตรียมกระสุนไว้ซื้อเข้าพอร์ตเพิ่มเมื่อดัชนีอ่อนแรง อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งล้างพอร์ตทั้งหมด โดยเรามองทั้งปีดัชนีน่าจะมี Upside ไปต่อได้ถึง 1,300 จุด โดยหุ้นที่มี Beta สูงเหวี่ยงแรง ในแต่ละ Sector อาจจะต้องปรับพอร์ตขายทำกำไรในที่สูงออกบ้างแล้วหันไปซื้อหุ้นที่ Laggard แทน เช่น กลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเคมี ความเป็น Value Stock น้อยกว่า PTT หากขายออกหันไปถือหุ้น PTT แทนได้ ปี 2555 เน้นการลงทุนหุ้นใหญ่ แต่ระยะสั้นในช่วงสัปดาห์อาจเลือกเข้ามาลงทุนหุ้นที่ Laggard มากอย่างเช่น LH ซึ่งก็จะเริ่มมีข่าวดีตั้งแต่ไตรมาส 1/55  และ BGH ซึ่งราคาปรับฐานลงมาจูงใจต่อการเข้าซื้ออีกครั้งแม้ไตรมาส 1 จะเป็น Low Season ของธุรกิจโรงพยาบาล คาดว่าตลาดหุ้นเดือน มี.ค.ความคาดหวังสูงของนักลงทุนทั่วโลกเกี่ยวกับเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยูโร จะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนและกำลังเร่งให้ค่าเงินยูเอสแข็งค่า ส่งผลในการต้านการปรับตัวขึ้นของหุ้นและคอมมอดิตี้เป็นการชั่วคราว (ดังนั้นแนะนำขายออกบ้าง และรอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว ระดับ 1,175 บวก/ลบ)

ประเด็นการลงทุนวันนี้

(+)LH: ไตรมาส 1/55 ของ LH จากธุรกิจหลักคาดฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/54 เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อื่น  LH จะการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายในไตรมาส 1/55 ซึ่งมีมูลค่าขายรวมกันประมาณ 3.3 พันล้านบาท และอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 7% ทั้ง LH และ GIC จะรับประกันอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ เป็นเวลา 4 ปี สิ้นสุดปี 2558 นับตาม Consensus ราคา Target Price อยู่ที่ 7 บาท แต่ราคาสูงสุด-ต่ำสุดที่ให้ไว้ไม่ห่างกันมากนัก จะอยู่ที่ 6.80-7.40 บาท เราให้ Target Price ของ LH  7.2 บาทต่อหุ้น ตามวิธี Sum-of-the-Part แนะนำซื้อ

(+)STA: คาดประกาศปันผลกลางเดือน มี.ค.55 ซึ่งยังคาดไม่ถูกว่าจะปันผลเท่าไร และใช้อะไรเป็นเครื่องชี้วัด เพราะแม้กำไรสุทธิปี 2554 ไม่ดีอย่างมาก แต่ Cash Flow กลับดีมาก เพราะการขาดทุนในไตรมาส 3/54 และ 4/54 ที่เกิดขึ้น เป็นรายการทางบัญชีส่วนใหญ่ไม่เป็นค่าใช้จ่ายเงินสด ทำให้งบการเงินปี 2554 มีอย่างน้อย 4 รายการที่สามารถกลับรายการได้รวม 1,790 ล้านบาท (ยังไม่นับรวมภาษีจ่ายในไตรมาส 4/54 ที่ลงบันทึกมากกว่าปกติ) Operating Cash Flow เป็น +2.5 พันล้านบาท เทียบกับปี 2553 ที่แม้งบดีแต่ -7.5 พันล้านบาท และยิ่งเป็นงบเดี่ยว OCF ยิ่ง +3.97 พันล้านบาท กระแสเงินสดมากอาจทำให้บริษัทพิจารณาจ่ายปันผลได้มากกว่ากำไรสุทธิที่รายงานมาเพียง 1.3 พันล้านบาท (1.04 บาทต่อหุ้น) Payout Ratio 30% เรายังเชื่อจ่ายได้ตั้งแต่ 0.35-0.78 บาทต่อหุ้นในปี 2554 ในขณะที่ปี 2555 หากกำไรดีตามที่เราคาดอาจจ่ายได้ราว 1 บาทต่อหุ้นขึ้นไป(conservative ไว้ก่อน เพราะหากจ่ายปันผลประจำปี 2554 ต่ำ คาดว่าน่าจะจ่ายมากสำหรับปี 2555) นานครั้งจะพบหุ้นที่แม้ประกาศกำไรสุทธิไม่ดี แต่กระแสเงินสดดีมาก เราจึงแนะนำซื้อต่อไป ราคาเป้าหมาย 28 บาท

(0)ITD: ไตรมาส 4/54 ขาดทุนต่อเนื่องอีก 306 ล้านบาท  รวมแล้วปี 2554 ขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1,698 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 298 ล้านบาท  ถ้าหากไม่รวมรายการพิเศษจะมีผลขาดทุนปกติสำหรับปี 2554

ขอขอบคุณ ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล มา ณ ที่นี้ด้วย

 คุณ  Vajiralux Sanglerdsillapachai

0 comments:

Post a Comment