Showing posts with label Vajiralux. Show all posts
Showing posts with label Vajiralux. Show all posts

Wednesday, May 2, 2012

Stock Focus,BCP

บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP)

ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด

■ ผลประกอบการไตรมาส 1/55 ดีกว่าที่คาด บมจ บางจาก (BCP) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/55 ที่ 2,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% และ 335% YoY และ QoQ ตามลำดับหรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 1.77 บาทต่อหุ้น สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 2,012 ล้านบาท จากรายได้จากการขายทั้งหมด 47,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.14% และ 18.52% YoY และ QoQตามลำดับ ค่าการกลั่น GIM อยู่ที่ 12.53 เหรียญฯต่อบาร์เรล ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54 ที่มีค่าการกลั่น GIM ที่ 13.77 แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานของ น้ำมันแกสโซลีน และดีเซล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ลดลงจาก 20.33 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 18.40 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในไตรมาส 1/54 เป็น 15.64 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 16.36 เหรียญฯต่อบาร์เรล ตามลำดับนั้น รายได้น้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 101,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ EBITDA ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 2,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และ 189% YoY และ QoQ ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีรายการกำไรพิเศษ จาก
1) กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า 114 ล้านบาท
2) กำไรจากสัญญาซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า 467 ล้านบาท) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 232 ล้านบาท ทั้งนี้ทางบริษัท ยังไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ โครงการ BOI จากภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรับรู้ราย ได้จากธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เฟส 1 ขนาด 8 เมกะวัตต์ ในไตรมาสนี้ เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมปลายปี 2554 อย่างไรก็ดี โครงการไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ดังกล่าวได้กลับมาดำเนินเชิงพาณิชย์แล้ว ในช่วงต้นไตรมาส 2/55 แล้วคาดว่า จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ใน ไตรมาสนี้ สำหรับคำแนะนำลงทุนใน BCP คือ ซื้อ ที่ราคาเหมาะสม 27 บาท ซึ่งยังมี upside gain อยู่ราว 5-6%


■ ประเด็นเข้าซื้อกิจการ ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ด้านบางจาก ให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้นจำนวน 40% ของบริษัท ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี่ (TAE) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิตรวม 3.50 แสนลิตรต่อวัน อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อหุ้นของ บมจ บางจาก จะรอให้โรงงานแห่งใหม่สร้างเสร็จก่อน ซึ่งข้อสรุปจะเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างบริษัท ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TAE
วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย

Read more »

Stock Fucus,BANPU

วันที่ 2 พ.ค.55

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้แรงหนุนจากทั้งปัจจัยในประเทศ (ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ฟื้นตัวดี, เงินเฟ้อต่ำเพียง +2.47% YoY, ประชุม กนง.คาดตรึงอัตราดอกเบี้ย) ส่วนปัจจัยต่างประเทศก็เกื้อหนุนเป็นผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้น ทั้ง PMI ของจีน เดือน เม.ย. 53.3 จุด +0.2 จุด จากเดือนก่อน และ ISM ของสหรัฐฯ ขึ้นมาที่ 54.8 จุด สูงสุดในรอบ 10 เดือน กรอบแนวรับ-แนวต้าน 1,218-1,250

ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญ คือ
- คาดการประชุม กนง. ของ ธปท.มีมติการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.00% ต่อเนื่อง
- เงินเฟ้อทั่วไปประเทศไทยเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.47% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.13%
- ราคาไก่ในประเทศเดือน เม.ย.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 32 บาท ต่อ กก. จากตกต่ำสุดในเดือน มี.ค.ที่ 28 บาท ต่อ กก.คาดผลประกอบการของ CPF, GFPT ผู้ประกอบการธุรกิจไก่ รับผลลบ คาดไตรมาส 1/55 ย่ำแย่ แต่สถานการณ์กำลังจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 2/55 เนื่องจากย่างเข้าฤดู High Season ของไก่ส่งออก


- ราคากุ้งในประเทศ 70 ตัว ต่อ กก.ปรับตัวลดลง 15% MoM เป็น 115 บาท ปัจจัยดังกล่าวระยะแรกส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการแพ็คกุ้งส่งออก เช่น CFRESH, SSF, TUF, CPF แต่ในที่สุดผู้ซื้อในต่างประเทศจะปรับตัวได้และขอปรับลดราคาลงในที่สุด ระยะยาวไม่เป็นผลบวก
ปัจจัยที่สำคัญ สำหรับตลาดโลกและคอมมอดิตี้ คือ
- สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนเม.ย. ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือน มี.ค. และมากกว่าเดือนเม.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 52.9 จุด
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 53.4 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53 จุด\
- ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% แตะที่ 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งลดลงจากเดือนมี.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 3.1%

- S&P 500 ทะยานขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก ที่มีข่าวดีเฉพาะตัว เช่น Chesapeake Energy พุ่งขึ้น 6% หลังจากมีรายงานว่า ทางบริษัทจะถอดนายออเบรย์ แมคเคลนดอน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ เซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเคมาร์ทและเซียร์ส พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด

ปัจจัยเด่นที่ต้องติดตามในภาพใหญ่คือปัจจัยด้านผู้กำหนดนโยบาย ตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหมดวาระลงในสิ้นเดือน เม.ย. นี้ รายชื่อที่ถูกเสนอเข้าชิงตำแหน่ง คือ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสนกุล และ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ซึ่งเป็นที่น่าจับตาที่ ดร.วีรพงษ์ ได้เคยเสนอให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ถึง 1.78 แสนล้านบาท ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงเคยเสนอให้ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ยังมีความเห็นสอดคล้องกับ นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว. คลัง กรณีดังกล่าวอาจต้องจับตาเกี่ยวกับ สองเรื่องสำคัญคือ 1.นโยบายที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และ 2.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจถูกปรับให้ลดลง ทั้งนี้ในทางตรง อาจะมีผลเชื่อมโยงต่อหุ้นรัฐวิสาหกิจอย่าง KTB, THAI, PTT ส่วนในทางอ้อม หุ้นที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อน คาดว่ามีแนวโน้ม Perform มากขึ้น ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น
Domestic Play ได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อเพิ่มในอัตราที่ต่ำ คาดการณ์ ธปท.คงอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยบวกต่อ ธุรกิจในประเทศ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์(Top Pick ในกลุ่มคือ KBANK, SCB, BBL) อสังหาริมทรัพย์ (เน้นธุรกิจเติบโตสูง ราคายังปรับตัวไม่สูง เช่น SIRI, QH) สื่อสาร (THCOM, JAS) ค้าปลีก (HMPRO, ROBINS) โรงพยาบาล (BGH, KH)
Cyclical Play ได้แรงหนุนจากตัวเลข PMI และ ISM ของจีน แนะนำเริ่มเข้าซื้อ ได้แก่ BANPU, PTTGC, IVL, TUF, CPF, STA เป็นต้น เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 1/55 เป็น Bottom Out และกำลังจะดีขึ้นในไตรมาสถัดไป

Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Wednesday, April 25, 2012

Stock Focus,PTTGC

PTTGC

กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี

เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เป็น Bottom ของปี เริ่มเห็นทิศทางของสเปรด เม็ดพลาสติก PE ดีขึ้นในเดือน เม.ย. โดยยืนเหนือ 400 เหรียญฯ ได้ LLDPE น่าจะมีสเปรดดีขึ้น QoQ มากที่สุด จาก 290 เป็น 419 เหรียญฯ ต่อตัน แม้ MEG สเปรดไตรมาส 2/55 อ่อนแอลงจาก 424 เหรียญฯ เหลือ 248 เหรียญฯ เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/55 มีแนวโน้มแตะ 11,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าการ Restocking เริ่มดีขึ้นแล้ว แม้ในเดือน พ.ค.จะมีช่วง Golden Week ในจีน ซึ่งอาจสะดุดบ้าง แต่เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะมีกำไรรายไตรมาสดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/55 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 89 บาท



คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 8,512 ล้านบาท +109% QoQ แต่ลดลง 24% YoY โดยในไตรมาสนี้สายโอเลฟินส์ ที่เป็นส่วน HDPE, LDPE, LLDPE มีสเปรดที่ต่ำมาก (ลบจากนาฟทา ซึ่งสูงเฉลี่ยราว 1,050 เหรียญฯ ต่อตัน) ซึ่งคิดเป็นสเปรดที่ 380, 368, และ 290 เหรียญฯ ต่อตันตามลำดับ ทั้งนี้เพราะราคาเอทีลีนและนาฟทาสูงในไตรมาส 1/55 แต่มีตัวช่วยคือ MEG spread ค่อนข้างดีอยู่สูงราว 424 เหรียญฯ ต่อตัน ในขณะที่สเปรดทางสายอะโรเมติกส์ พาราไซลีนอยู่ในเกณฑ์ดีประมาณ 590 เหรียญฯ ขณะที่เบนซีน และฟีนอลค่อนข้างต่ำ ส่วนค่าการกลั่นไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.5 เหรียญฯ (รวม Stock Gain แล้ว) เทียบกับไตรมาส 1/54 อยู่สูงราว 7 เหรียญฯ กำไรในระดับดังกล่าวถือว่าน่าจะเป็นกำไรที่ต่ำสุดแล้วของปี นอกจากนี้ไตรมาส 1/55 มี Shutdown โรงงานบางส่วนไป ในไตรมาสนี้เราคาดว่ามีกำไรสต๊อกน้ำมันและปิโตรเคมีรวมราว 2,500 ล้านบาท (เรารวมไว้ในต้นทุนขาย) และคาดว่ามีส่วนกำไร Hedging และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย ในระดับ 100-200 ล้านบาทเท่านั้น

คาดการณ์กำไรกลับมาดีขึ้นจากสเปรด PE ดีขึ้นในไตรมาส 2/55: เราเริ่มเห็นสเปรดของโอเลฟินส์ปรับตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย. มีแนวโน้มการทำกำไรไตรมาส 2/55 ในระดับ 11,000 ล้านบาท เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555 ของ PTTGC เท่ากับ 40,000 ล้านบาท ยังเชื่อว่าบริษัททำได้ถึงประมาณการ เนื่องจาก 2H55 เราคาดหวังกำไรต่อไตรมาสราว 10,000 ล้านบาท

งบลงทุนที่เตรียมไว้ในปี 2555 คาดว่าในแต่ละปีมี Maintenance CAPEX ที่ราว 200 ล้านเหรียญฯ หรือราว 6,000 ล้านบาท เป็นขั้นต่ำ จากแผนการลงทุน CAPEX 5 ปีรวมใช้เงินราว 40,000 ล้านบาท แต่หากปี 2555 มีดีลที่จะซื้อกิจการเพิ่มเพื่อบรรลุการเข้าซื้อกิจการ Perstorp ให้เรียบร้อยอาจต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท

แนะนำซื้อต่อไปราคาเหมาะสม 89 บาท: เรามองว่าในปี 2555 นี้ ยังเป็นปีที่สเปรดของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้นน้ำมีแนวโน้มดี ซัพพลายใหม่ออกมาไม่มาก ไม่มีความกดดันมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ ไตรมาส 1/55 ผลิตภัณฑ์เด่นคือ MEG และ พาราไซลีน ส่วนไตรมาส 2/55 ผลิตภัณฑ์เด่นคาดว่าจะเป็นส่วนของ PE ทั้ง 3 ชนิด ซึ่งหากดีขึ้นเพราะส่วนนี้จะมีนัยยะอย่างมากต่อรายได้และกำไร PTTGC
Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Stock Focus,KH,PTTGC

KH, AMATA, PTTGC, PTT, KBANK

ปรับพอร์ต แต่ยัง Selective Buy หากปรับขึ้นทะลุ 1,200 จุด

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเด่นสวนตลาดต่างประเทศ แต่อย่างไรก็เป็นการปรับเปลี่ยนหมุนพอร์ตไป เราเชื่อว่า SET Index ที่ 1150 เป็นการสร้างระดับต่ำสุดของปีไปแล้ว SET Index ค่อนข้างแข็งแกร่ง ในรอบนี้อาจไม่หลุด 1180จับตาปัจจัยบวก 5 ปัจจัยจะเป็นตัวช่วยหนุน SET Index ในรอบถัดไป ในไตรมาส 3/55 ได้แก่
1) Fund flow ที่ไหลเข้าสู่ Equities จำนวน 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯหลังจากโครงการ Operation twist หมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
2) การเพิ่มน้ำหนักของหุ้นไทยในการคำนวณดัชนี MSCI ซึ่งจะมีการประกาศในช่วงวันที่ 15 พ.ค. และเริ่มใช้จริงวันที่ 30 พ.ค.
3) การเข้ามามีบทบาทของกองทุน European Stability Mechanism (ESM) ในช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป
4) Money market financial reform ของประเทศสหรัฐฯซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดเงินจำนวนมหาศาลและไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นได้บางส่วน
5) ผลกระทบเชิงบวกจากการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
• Recommended Sector ได้แก่ ICT, ENERGY ส่วน BANK จะเป็น Market performer
• Core Holding แห่งปียังชอบ JAS, INTUCH, PTT
• วันนี้ SCC, PTTEP ประกาศงบวันนี้ SCC งบไตรมาส 1/55 ไม่สดใส หากหุ้นปรับตัวลงเป็นโอกาสการซื้อ เนื่องจากสเปรดของ PE เห็นแล้วว่าเริ่มดีขึ้นในเดือน เม.ย.55 แต่คาดกำไรสุทธิของ PTTEP ในไตรมาส 1/55 และ 2/55 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขั้นต่ำคือ 15,000 ล้านบาทต่อไตรมาส

ปัจจัยวันนี้
(+)PTTGC: คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/55 เท่ากับ 8,512 ล้านบาท +109% QoQ แต่ลดลง 24% YoY โดยในไตรมาสนี้สายโอเลฟินส์ ที่เป็นส่วน HDPE, LDPE, LLDPE มีสเปรดที่ไม่ดี ต่ำกว่า 400 เหรียญฯ ต่ำมากเพราะราคาเอทีลีนและนาฟทาสูง ซึ่งเราคงเห็นภาพสะท้อนจากการประกาศงบการเงินของ SCC ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ทำได้ดีคือ MEG ซึ่ง สเปรดไตรมาส 1/55 สูงถึง 424 เหรียญฯ ต่อตัน ส่วนค่าการกลั่นไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.5 เหรียญฯ (รวม Stock Gain แล้ว) เทียบกับไตรมาส 1/54 อยู่สูงราว 7 เหรียญฯ กำไรในระดับดังกล่าวถือว่าน่าจะเป็นกำไรที่ต่ำสุดแล้วของปี นอกจากนี้ไตรมาส 1/55 มี Shutdown โรงงานบางส่วนไป ส่วนในไตรมาส 2/55 เราเริ่มเห็นสเปรดของโอเลฟินส์ปรับตัวดีขึ้นในเดือน เม.ย. มีแนวโน้มการทำกำไรไตรมาส 2/55 ในระดับ 11,000 ล้านบาท เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555 ของ PTTGC เท่ากับ 40,000 ล้านบาท ยังเชื่อว่าบริษัททำได้ถึงประมาณการ เนื่องจาก 2H55 เราคาดหวังกำไรต่อไตรมาสราว 10,000 ล้านบาท แนะนำซื้อต่อไปราคาเหมาะสม 89 บาท
(+)KH: ปี 2555 คาดเป็นปีทองแห่งการเติบโต เพราะมีแรงหนุนหลักจากการที่ประกันสังคมปรับรูปแบบการจ่ายเงินผู้ป่วยในจากเดิมเหมาจ่ายมาเป็นจ่ายตามความรุนแรงของโรค ทำให้ค่ารักษาเฉลี่ยและจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ โดยจะเริ่มเห็นผลบวกชัดเจนนี้ตั้งแต่ไตรมาส 1/55 ซึ่งคาดทำสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสแตะ 205 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายปี 2555 อยู่ที่ 9.40 บาท เรามีแนวโน้มปรับประมาณการราคาเป้าหมายของ BGH, BH เพิ่มขึ้นด้วย
Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Stock Focus,PTTEP,

PTTEP

ตามที่ PTTEP ประกาศความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่ออกแล้วและยังไม่ได้ออกทั้งหมดของบริษัท Cove Energy Plc. ("Cove") เมื่อ 24 ก.พ.55 ในการนี้มีผู้ประกอบการรายอื่นทำ คำเสนอซื้อหุ้น Cove แข่งขันกับ PTTEP โดยบริษัท Shell Exploration and Production (XL) B.V. ("Shell") เสนอซื้อที่ราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้น เป็นราคาเดียวกับที่ PTTEP เสนอซื้อ และเป็นการปรับราคาขึ้นจากการเสนอในครั้งก่อนที่ 195 เพนซ์ต่อหุ้น รัฐบาลโมซัมบิกอาจจะมีความเชื่อมั่นใน Shell มากกว่า PTTEP หากมีการเสนอซื้อด้วยราคาที่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม การซื้อครั้งนี้มีมูลค่า 1,120 ล้านปอนด์ (55,888 ล้านบาท)



Cove เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด Alternative Investment Market (AIM) ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) โดยมีสินทรัพย์หลักคือ การถือครองสัดส่วนร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าวนั้น เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (World Class Gas Discovery) และคาดว่าจะมีปริมาณสำรอง (Resource) ถึงประมาณ 30 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (Trillion Cubic Feet - TCF) รวมถึง Black Pearl Oil Prospect นอกจากนี้ Cove ยังถือสัดส่วนร้อยละ 10ในแปลงสัมปทาน Rovuma Onshore Area สาธารณรัฐโมซัมบิก รวมถึงการถือสัดส่วนร้อยละ 10 - 25 ในแปลงสัมปทานน้ำลึกอีก 7 แปลงในประเทศเคนยา

ความเห็น: การที่ Shell ปรับขึ้นราคาเสนอซื้อขึ้นมาเท่ากับที่ PTTEP มีแนวโน้มมากกว่า PTTEP อาจไม่ชนะการประมูลครั้งนี้ คาดว่าไม่ได้มีผลได้ผลเสียแต่อย่างใดในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งโครงการดังกล่าวทำให้เกิด Overhang ให้กับ PTTEP ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนบางส่วนเกรงว่าจะเกิดการเพิ่มทุน เราเชื่อว่าเมื่อเรื่อง Cove คลี่คลายลง จะลดแรงกดดันทาง Sentiment ต่อหุ้น PTTEP ลงไปได้ และหุ้น PTTEP น่าจะกลับมาถูกซื้อขายที่ Fundamental ซึ่งเราเชื่อว่างบการเงินในไตรมาส 1/55 ที่เรา Preview ไปแล้วคาดมีกำไรสุทธิเท่ากับ 15.2 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรจะยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/55 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 209 บาท (ราคาปิโตรเลียมที่ขายได้ในไตรมาสที่ 1/55 คาดการณ์ที่ 64 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับ 4Q54 ที่ 61 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล) ปริมาณการผลิตในไตรมาส 1/55 เพิ่มจากไตรมาส 4/54 ประมาณ 2-3% เป็น 255,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบกับที่ PTTEP ประมาณการทั้งปีเฉลี่ยที่ 284,000 บาร์เรลต่อวัน เราเชื่อว่าอีก 9 เดือนที่เหลือของปี ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็นตัว Driver นอกเหนือจากราคาขายที่ดีมาตั้งแต่ต้นปีที่ Drive กำไรในไตรมาส 1/55 ขณะนี้
PTTEP ไตรมาส 1/55 มีกำไรสุทธิ 1.83 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.51 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ และสูงกว่าไตรมาสก่อนที่กำไร 15 หมื่นล้านบาท และมากกว่าเราคาดการณ์ที่ 15.2 หมื่นล้านบาท แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 209 บาท
Vajiralux Sanglerdsillapachai

Read more »

Monday, April 23, 2012

Stock Focus,24,PTT,PTTEP.Apr.2012.,


เซียนหุ้น 100 ล้าน , ข้อผิดพลาด 10 ข้อ ,



Our greatest glory is not in never falling,
but in rising every time we fall.
เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก

TOP, BCP, IVL, PTTEP, JAS

มองทางลดพอร์ตและ Selective Buy

เราเห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นเมื่อเข้าใกล้โซน 1,200 จุด อาจจะไปต่อไม่ไหวเนื่องจากปัจจัยบวกที่จะหนุนต่อเริ่มลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มหุ้น Undervalued อีกมาก ในกลุ่มปิโตรเลียมต้นน้ำ เช่น PTTEP, PTT, TOP และเรายังมองความหวังว่าธุรกิจปิโตรเคมี ยางพาราอาจมีโอกาสฟื้นสเปรดได้ในช่วง 2H55 ในขณะที่หุ้นอยู่ในเกณฑ์ราคาต่ำ เช่น PTTGC, IVL, STA อย่างไรก็ตาม แม้เราจะชื่นชอบกลุ่ม Commerce และธนาคารพาณิชย์มาโดยตลอด แต่ไม่แนะนำลุยซื้อต่อ เนื่องจาก PER สูงมาก บางทีจะสูงเกิน Growth ที่บริษัทจะทำได้ เราแนะนำให้รอซื้อกลุ่มเหล่านี้เมื่อราคาอ่อนตัว เช่น HMPRO, CPALL, BIGC กลุ่มธนาคารพาณิขย์ รอซื้ออ่อนตัวใน SCB, KBANK, TCAP เป็นต้น
  • ประชุม รมว.คลังจี-20 หนุนเพิ่มทุน IMF กว่า 430,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศชั้นนำจี-20 ออกแถลงการณ์หลังการประชุมเป็นเวลา 2 วัน (19-20 เม.ย.55) ที่กรุงวอชิงตันว่า รมว.คลังจี-20 แสดงความมุ่งมั่นแข็งแกร่งที่จะเพิ่มทุนทรัพย์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กว่า 4.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรัสเซียจะสมทบทุน 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ การสนับสนุนจากรัสเซีย//จีน และบราซิลมีความสำคัญต่อการเพิ่มขนาดกองทุนของไอเอ็มเอฟขึ้น 2 เท่า ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นประกาศแล้วว่าจะสมทบทุน 3 แสน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ที่ประชุมยอมรับว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญได้เริ่มลดน้อยลง แต่คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสำหรับปี 2555 จะยังคงอยู่ในระดับปานกลาง ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการที่จำเป็นเพื่อสร้างเสถียรภาพการเงินโลก และเฝ้าระวังราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง
  • ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือน เม.ย. และผลประกอบการของสหรัฐฯดีกว่าที่คาดไว้ ความเชื่อมั่นในตลาดน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากที่เยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซนเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 10 เดือนในเดือน เม.ย. ซึ่งช่วยชดเชยความวิตกเกี่ยวกับปัญหานี้ยุโรปและเป็นแรงหนุนยูโร นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการจากบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐซึ่งรวมถึงเจเนอรัล อิเล็คทริค (จีอี), ไมโครซอฟท์ และแมคโดนัลด์สูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นแรงหนุนตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันดิบ ปัจจัยที่ดีขึ้นดังกล่าว เราเชื่อว่าอาจจะหนุนราคาหุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ เช่น PTTEP และ PTT มากกว่า BANPU 
  • ราคาถ่านหินปรับตัวลดลงต่อเนื่อง: ราคา BJI ที่ประกาศล่าสุด ณ 19 เม.ย.2555  เท่ากับ 103.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (-1.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน) เป็นการลดลงต่อเนื่องนับจากต้นปีที่อยู่ที่ราว 120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน สะท้อนความอ่อนแอของดีมานด์โลก โดยราคาถ่านหินเริ่มไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันมากนัก ยิ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อ BANPU เพราะต้นทุนเป็นน้ำมันดีเซลบางส่วน ซึ่งราคาปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ แม้เรามองปัจจัยพื้นฐานของ BANPU ระยะยาวว่าดี และคาดว่ายังมี Fair Value ระดับ 725 บาท แต่ระยะสั้น ใน 1H55 เรากลับยังเห็นความสำคัญของหุ้นในกลุ่ม PTT ที่เป็นต้นน้ำมากกว่าเช่น PTTEP, PTT รวมไปถึง TOP, PTTGC, BCP ที่ Undervalued มากกว่า ราคาถ่านหินลดลง ให้ประโยชน์ในทางอ้อมต่อโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เช่น GLOW
  • การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน อาจให้ผลกระทบทางลบเมื่อปฏิบัติใช้ในปี 2556: นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีแรงงาน แถลงยืนยันว่า จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาทใน 70 จังหวัดที่เหลือ วันที่ 1 ม.ค. 2556 ตามกำหนดโดยจะไม่เลื่อนออกไปเป็นปี 2558 ตามที่สภาอุตสาหกรรมฯ เสนอหลังจากการหารือกับภาคเอกชนไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันจะยังมีภาคธุรกิจเสนอให้รัฐบาลเลื่อนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอีก 70 จังหวัดออกไปเป็นปี 2558 เพราะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 40% จนอาจทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถรับภาระได้ และอาจทำให้ส่งผลกระทบทางลบแทนที่ เพราะคาดว่าเมื่อปฏิบัติใช้จะทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น (ที่มา : ไทยรัฐ 23 เม.ย.  55)
  • Vajiralux Sanglerdsillapachai

    Read more »