Showing posts with label บทความ. Show all posts
Showing posts with label บทความ. Show all posts

Saturday, June 1, 2013

Learn From Drama,ข้อคิดจากการดูละคร

ข้อคิดจากละคร

Learn From Drama



 
Nothing ventured nothing gained
ไม่กล้าไม่มีวันเดินหน้า

          สวัสดีเพื่อนๆ วันก่อนในวันหยุดผมได้ดูหนังไทยเรื่อง หนึ่ง เดอะ เมโลดี ซึ่งในระหว่างที่ดูหนังไปนั้นทำให้ผมได้ข้อคิดหลายเรื่องจากเรื่องนี้ ก่อนอื่นผมขอเกริ่นนำ เรื่องสั้น และ ตัวละครเอก 2 คน คือ


1 พระเอก เป็นคนที่ร้องเพลง และ เล่นเปียนโนเก่งมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ เป็นนักร้องที่ดังมากในเมื่อโตขึ้นมา จนมาถึงช่วงหนึ่งที่ความดังของเขา เริ่มลดลง ทำให้เขาทนไม่ได้ เขาจึงหนีจากเมืองกรุงไปที่ แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นสถานที่เงียบและอากาศ เย็นสบาย เพื่อไปพัก แต่ก็ไปเจอกับผู้หญิง คนหนึ่ง (นางเอก) และ กลุ่ม เด็ก ที่เป็นโรค รูคีเมีย ซึ่งเขาได้ทำกิจการร่วมกันกับเด็กๆ และ นางเอก คือไปเล่น รวมทั้งสอนเด็กๆ เหล่านั้น เหมือนกัน


2 นางเอก เป็นโรค รูคีเมีย มาตั้งแต่เด็ก เป็นคนชอบเล่นเปียนโน และมีความสามารถแต่งเพลงได้ แต่ดัวยความเจ็บปวดจาก โรค รวมทั้งจากการรักษาโรค ทำให้เธอไม่ต้องการมีชีวิต อยู่ต่อไป (เพราะว่าเธอต้องทนกับความเจ็บป่วยจากการรักษาโรคที่เป็นอยู่ และไม่มีเพื่อนเลยทำให้เธอไม่อยากทนเจ็บจากการรักษา อีกต่อไป แต่ด้วยจิตรใจที่ดีขอเธอซึ่งมีต่อ เด็กๆ ที่เป็นโรคเดียว เธอจึงมา เล่น และ สอน เปียนโนให้เด็กๆ ที่ ที่แม่ฮ่องสอน เช่นกัน

ทั้งสองเจอกัน ต่างคน ต่างเติมเต็ม ให้ อีกฝ่ายหนึ่ง

พระเอง มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคร้ายที่ พ่อแม่แยกทางกันครอบครัวไม่เคยอยู่กันครบหน้าเลย ยกเว้นตอนที่เขาแข่งขันเล่นเปียนโน ในตอนเด็ก เขาเองเลยคิดไปว่า ถ้าเขาเล่นเปียนโน เก่งๆ แล้ว พ่อแม่เขา จะกลับมารักกันอีก

นางเอก ด้วยโรคที่เป็น และความเจ็บปวดที่รักษามาตั้งแต่ยังเด็กทำให้ ไม่มีเพื่อนเลย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่มี ความเห็นใจ แก่เด็กๆ ที่เป็นโรคเดียวกับเธอ

ทั้ง สอง เจอกันและได้เรียนรู้ว่า


พระเอก ตัวเขาเองไม่ใช่คนที่โชคร้ายที่สุด แต่ยังมีคนอีกมากมาย ที่ ลำบาก ไม่มีโอกาส และโชคร้ายกว่าเขาอีกมาก ซึ่งทำให้เขาได้พบกับ ผู้หญิงที่มีจิตรใจดี ก่อนให้เกิดความรัก
นางเอก การมีชีวิตอยู่นั้นมีค่ามากขึ้น เพราะเธอได้เจอกับเพื่อนที่รู้ใจ รักเธอ อย่างจริงใจ เธอจึงอยากมีชีวิต อยู่กับคนที่เธอรัก และเพื่อดูความสำเร็จ และอยู่กับคนที่เธอรัก ไปนาน

โชคชะตา

ทั้งสองรักกันมาก แต่โรคร้าย ก็เหมีอน ระเบิดเวลา

 
ในขณะที่พระเอก ต้องการที่จะหาทางช่วยเหลือเรื่องการ รักษา โดยติดต่อ กับเพื่อนๆ เพื่อหา เลือด เพื่อทำสเตมเซล ที่ตรงกับนางเอง อย่างสุดความสามารถ อีกทางหนึ่งก็ ตั้งใจทำคอนเสริท เพื่อจะหาเงินมาช่วยเหลือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ โดยจะแต่งเพลงใหม่ขึ้นมา เพื่อเล่นในคอนเสริท ระยะเวลาได้ผ่านไป ใกล้จะเปิดคอนเสริท พระเอกต้องกลับไปซ้อมที่ กรุงเทพ ใน ขณะเดียวกัน อาการของนางเอกเองก็ เริ่ม หนักขึ้น ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ในช่วงเวลานี้ พระเอก ก็ โทรหานางเอกทุกวัน แต่เธอม่เคยบอกว่า เธอรักษาตัวอยู่เลย เพราะเกรงว่า จะทำให้พระเอกกังวล จนถึง วันที่ต้องแสดง ก่อนการแสดง พระเอกโทรมา อย่าลีมดูนะ จะแสดงให้สุดฝีมือเลย ตอนนี้ ตัวเธอ เต็มไปด้วย สายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจ และอี่นๆ พร้อมทั้งโรค ที่รุมเร้า นักขึ้น ระหว่างนั้น แม่ของเธอ มาเฝ้าอยู่ และ เปิด note book ให้เธอดูคอนเสริท เธอดูได้ซักระยะ เธอบอกกับแม่ของเธอว่า ถ้าเธอดูคอนเสริท ไม่ไหวละก็ เธอขอให้แม่ของเธอช่วยดูต่อให้จบที หลังจากดูต่อ สักครู่หนึ่งเธอก็จากไป อย่างไม่มีวันกลับมา และ หลังจากพระเอกแสดงคอนเสริท เสร็จ มีเพื่อนๆ บอกว่า เจอคนที่มีเลือด ตรงกับนางเอกแล้ว พะเอกดีใจมาก เมื่อเขาแสดงจบลง เขารีบโทรมาหาเธอ ถึงได้ทราบว่า เธอ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล เขาจึงรีบมาที่แม่ฮ่องสอน และพบแม่นางเอก ซึ่งเขาได้รับ โน้ด เพลงที่นางเอกได้แต่งไว้ให้เขา ก่อนจะลาจากโลกนี้ไปเขาเสียใจมาก แต่สุดท้าย ต้องทำใจเพราะชีวิตยังคงเดินหน้าต่อไป

ผมได้ชุกคิด และได้แง่คิดหลายๆ อย่างจาก เรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น

เวลา ใช่เป็นเรื่องที่หลายๆ คน รู้กันอยู่แล้ว ว่าเป็นสิ่งสำคัญ แต่มักจะลืม หรือใส่ใจกับเวลาน้อยเกินไป สมมุติ ถ้าผมสามารถรู้ล่วงหน้าว่าตัวผมเองต้องจากไป ในอีก 2 วันข้างหน้า ผมจะต้องทำอะไรไว้บ้าง หรือจะฝากอะไรไว้ให้คนรุ่นต่อไปบ้าง แน่นอน ผมคงต้องทำ ทุกๆสิ่งอย่างให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะเตรียม ไว้ได้ และคิดได้ตามกรอบระยะเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด และ คุ้มค่าที่สุด พร้อมทั้งอยู่กับคนที่ผม อยากอยู่ด้วยให้นานที่สุดด้วย ก่อนจะลาจากไป แล้วผมขอถามว่า แล้วคุณละ ได้ทำอะไร ไว้บ้างหรือไม่ และคิดจะเตรียมการไว้มัย … ดังนั้น เรามาทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุข และใช้ชีวิตอย่างที่เราอยากจะให้เป็น เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่ยาวนาน เป็นหมื่นๆ ปี

ทุกอย่างมีขึ้นมีลง

 
 
โชคชะตา วาสนาทุกสิ่ง มันมี ขึ้น และ ลง ไม่มี อะไรคงอยู่ ตลอดไป ชีวิตของคนเรานั้น ก็มีช่วงขาขึ้น แต่ ก็ต้องมีช่วงขาลงเช่นกัน มันเป็นธรรมชาติ (เหมือนราคาของหลักทรัพย์ เข้าเรื่องการลงทุนสักหน่อย)


เมื่อเวลาที่เรารู้สึกท้อ อ่อนแรง หมดกำลังใจ

เมื่อความรู้สึกแบบนี้เข้ามา หายใจเข้าลึกๆ แล้วจงบอกกับตัวเองว่า “เราเกิดมาเพื่อพบกับความสุข และความสำเร็จ” พยายามอย่ามองที่ความรู้สึกของตัวเอง มองดูคนอื่นๆ ที่ ลำบาก ขาดโอกาส ขาดแขลน กว่าเรา จริงๆ แล้ว บนโลกใบนี้ มีคนซึ่งลำบาก ขาดแขลน ขาดโอกาส สูญเสีย สิ่งที่รักมากไป มากกว่าเราเยอะ เราจึงไม่ควรจะมีความรู้สึกแบบนี้นานๆ เราจะไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ (ข้อคิดนี้ได้จากตอนหนึ่งของเรื่องที่ ตัวนางเอกเห็นพระเอก รู้สึกท้อแท้ และสิ้นหวัง นางเอก ระหว่างการสนทนากัน นางเอกบอกว่า “คุณลองดูเด็กๆ ที่เป็นโรครูคีเมีย ดูซิ พวกเขา ต้องทนทุกข์ จากการเจ็บป่วย ทั้งยังขาดโอกาส ถ้าคุณมองไปรอบๆ ตัวคุณ จะเห็นว่า ยังมีคนที่เขา ขาดโอกาส และ ลำบากกว่าคุณอีกมาก”

การเสียสละ

 
ในตอนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ มีช่วงหนึ่งที่มีคนหาเลือดที่ตรงกับ นางเอกได้ โดยบังเอิญ แต่ ก็มีเด็กที่เป็นโรคเดียวกับเธอ ที่มีเลือดตรงกัน อีก 2 คน ซึ่งเธอก็ยอมสละ ให้เด็ก 1 ใน 2 คน นั้นก่อน ตัวของเธอเอง (โรคนี้ จะรักษาโดยการใช้เลือดที่ตรงกันและเข้ากันได้กับผู้ป่วย จึงจะได้)



ขอเชิญร่วมทำบุญ วัดพระบาทน้ำพุ หรือ ที่อื่นๆ เมื่่อท่านมีำกำไรจากการลงทุนครับ
เพื่อเป็นการต่อบุญ ช่วยเหลือสังคม ทั้งยังเป็นการฝึกให้เราสามารถ พัฒนา การหากำไร
ให้ได้เพิ่มขึ้น แล้วนำมาทำบุญ ส่วน ลิงค์ สำหรับทำบุญอยู่ด้านล่างนี้เพื่อควารสะดวกครับ
วัดพระบาทน้ำพุ , สถานสงเคราะห์ เด็กพิการ , อื่นๆ......... แล้วผมจะหามาเพิ่มให้ ครับ
 


Read more »

Tuesday, April 3, 2012

Why most people to invest. Unsuccessful,ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเล่นหุ้นไม่ประสบความสำเร็จ

  

Why most people to invest.
Unsuccessful

ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเล่นหุ้น

ไม่ประสบความสำเร็จ

หัวข้อในบล็อกวันนี้เบาๆ ไม่ใช่เชิงวิชาการหลักการคิดอะไร แต่อยากจะมาแชร์ถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้เจอกับคนในตลาดหุ้น ว่าในมุมมองของผมทำไมคนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

ผมว่าเรื่องแรกเลยคือ หลายคนยังบอกว่าการเล่นหุ้นเป็นแค่งานอดิเรกขำๆก็คือว่า ไม่ต้องศึกษามากหรอกเล่นไป chill chill เดี่ยวก็รวยแล้ว ผมกล้าพูดว่า 100 ละ 100 ของคนที่คิดแบบนี้ระยะยาวไม่มีวันประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นหรอก จริงๆแล้วคุณทำงานประจำคุณไม่ชอบที่มีคนมากดขี่ กดหัว มีเพื่อนร่วมงานเฮงซวยขี้อิจฉา คุณก็เริ่มอยากจะเป็นนายของตัวเอง แต่คุณก็อยากมีอิสระทางเวลาด้วยดังนั้นตลาดหุ้นคือ คำตอบ หลายคนก็เลยอยากเล่นหุ้นได้กำไรเยอะๆจะได้ไม่ต้องทำงานที่ตัวเองไม่ชอบอีกต่อไป แต่เวลาที่คุณทุ่มเทให้กับตลาดหุ้นได้นั้นทำได้วันละไม่ถึงชั่วโมง (ไม่นับเวลานั่งดูราคาหุ้น) ตลกมาก คุณทำงานประจำคุณต้องทำวันละ 8 ชั่วโมง แต่พอต้องอ่านเรื่องหุ้นแป๊ปเดียวคุณก็รู้สึกว่าเครียด รู้สึกเหนื่อย แล้วแบบนี้คุณจะหวังว่าจะเล่นหุ้นแล้วรวยได้อย่างไร อย่างผมเป็น full time investor คนนึกว่าผมสบาย คำตอบของผมคือ สบายกับผีนะสิ ผมอ่านเอกสารวันนึงกองยังกับภูเขา แถมผมมีสอนมือใหม่ มีเขียนหนังสือ อาทิตย์นึงมีเวลาเข้า fitness ไม่เกิน 3 วันด้วยซ้ำ ผมมีทัศนคติว่าถ้าเราอยากได้สิ่งที่สุดยอดเราก็ต้องทุ่มเทถวายหัวให้กับมัน ดังนั้นทั้งชีวิตของผมมอบให้กับการลงทุน ผมไม่เคยมีความคิดจะซื้อที่ดิน ซื้อทอง ซื้อพันธบัตรอะไรแม้แต่อย่างเดียว บางคนอ่านหนังสือพิมพ์ที่กรุงเทพธุรกิจสัมภาษผม นึกว่าผมนั่งๆนอนๆแล้วมีเงินเป็นสิบล้านหล่นลงมา โลกความเป็นจริงไม่มีหรอกครับ

การเล่นหุ้นให้ได้กำไรชนะตลาดในระยะยาวต้องอาศัยความพยายามสูงมาก ซึ่งความพยายามนั้นก็ต้องมาจากทัศนคติที่ถูกต้องและพร้อมจะทุ่มเทก่อนแต่หลายคนไม่มีความคิดแบบนั้นรู้สึกว่าอยากได้เงินง่ายๆ แค่นี้ก็จบแล้ว คุณไม่มีทางอยู่รอดในตลาดหุ้นระยะยาวได้ คุณเป็นแค่หมูอ้วนๆตัวนึงในตลาดหุ้นที่เสือ สิง กระทิง แรด อยากจะรุมสกัมให้เหลือแต่กระดูก เหตุผลเพราะ คุณไม่มีความรู้ในหัวเลยใช้แต่อารมณ์ลงทุนก็เลยเป็นเหยื่อของรายใหญ่หรือคนที่รู้มากกว่าบางคนเพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาถามผมว่ามี course อะไรแนะนำไหม ผมแนะนำไปดันมาตอบผมว่า โห ตั้ง 2000 บาทแพงจังเลยมี course ฟรีไหม อ้าว ไอ้เวรเอ๋ย ถ้าเป็นเพื่อนผมนี้ผมตบกระโหลกไปแล้ว มึงเรียนมหาลัยมา 4 ปีเสียเงินตั้งหลายแสนเพื่อไปทำงานบริษัททำไมมึงเสียได้ว่ะ แล้วพอไปทำงานมึงก็บอกว่าอยากมีอิสระภาพทางการเงิน อยากมี financial freedom แต่พอจะหันมามีอิสรภาพทางการเงิน ค่าเรียนรู้เบื่้องต้น 2000 เจือกไม่ยอมเสีย แบบนี้เมิงก็ทำงานงกๆๆๆ ต่อไปเถอะ คนแบบนี้เหมือนอยากมีเมียเป็นนางงาม เป็นนางแบบ แต่ตัวเองไม่ดูแลหุ้นปล่อยให้อ้วนฉุ มีกลิ่นปาก แต่งตัวไม่เป็น แถมจน แต่อยากได้เมียเป็นนางงาม ก็เหมือนกันอยากรวยเร็วๆ อยากมีความรู้ทางการลงทุน แต่ไม่อยากเสียเงินไปเรียน คนพวกนี้บางคนผมเคยแนะนำหนังสือการลงทุน ตปท ไปให้ก็บอกว่า “โห แพงจังเล่มละตั้ง 800 บาท” ผมเลยไม่ตอบอะไรเขาอีก เพราะผมถือว่าเราคุยกันคนละภาษา ผมคุยภาษา อิตาลี เขาคุยภาษาเขมร และเราไม่มีทางคุยกันเข้าใจได้ ของฟรีไม่มีในโลกถ้าคุณอยากเก่งเรื่องหุ้น ผมคิดว่าคุณต้องกันค่าใช้จ่ายเรื่องไปเรียนกับเรื่องหนังสือเอาไว้หลายๆหมื่นเลย ผมเห็นหลาย course ของที่อื่นเก็บกันวันละ 4500-5000 คนไปเรียนหลายคนก็บอกว่าคุ้ม ได้แนวคิดดีๆ กลับมาน่าจะช่วยทำให้อีกหน่อยทำเงินในตลาดหุ้นได้หลายแสนหลายล้านคุ้มกว่าค่าเรียนเยอะ ผมว่าทัศนคติแบบนี้เป็นเรื่องถูกต้อง เหตุผลเพราะว่า การเล่นหุ้นแล้วได้กำไรแล้วทบต้นไปเรื่อยๆในปีหลังๆจำนวนเงินจะมหาศาลมากแล้วจะทำให้ค่าความรู้เช่นพวกค่าหนังสือ ค่าเรียนพวกนั้นถูกยังกับซื้อโอเล่มากินเลยทีเดียว อย่างตัวผมเองก็หมดค่าสัมนาไปเป็นแสน ค่าหนังสือตปททุกเล่มรวมกันก็เยอะมาก แต่พอผมกำไรหุ้นเยอะๆทีเดียว ค่าหนังสือกับค่าอบรมก็ถูกแสนถูก คุณต้องคิดว่าการลงทุนความรู้ในตัวคุณเองเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุด และจงอย่าได้ตระหนี่กับค่าใช้จ่ายที่เอาไว้พัฒนาตัวเองเพราะ คนประสบความสำเร็จทุกคนต้องพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง ผมเคยได้ยินรายใหญ่ในตลาดหุ้นที่มีเงินหลายพันนล้านเล่าว่า สมัยก่อนแทบไม่มีกราฟให้ใช้ จะดูได้นี้ต้องจ่ายแพงมาก และค่าเรียนเรื่องกราฟสมัยก่อนก็ 50000 บาทขึ้นไป รายใหญ่คนนี้ยังไปเรียนเลย ไปเรียนในสมัยที่เงิน 50000 บาทถือว่าแพงมากๆ(เพราะนานมากแล้ว) ทุกวันนี้คนๆนี้ก็เป็นเสี่ยพันล้าน เสี่ยคนนี้เขาไม่ได้เล่นหุ้นด้วยความรู้สึกเล่นไปขำๆไม่ต้องทุ่มเทอะไรมากแล้วก็หวังรวย เขาทุ่มเทจิตวิญญาณให้กับตลาดหุ้น สุดท้ายก็กลายเป็นตำนวนของเมืองไทยที่คนในตลาดหุ้นอยากไปให้ถึงจุดที่เขาเป็นอยู่ และเหตุผลอย่างอื่นที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นน่าจะเป็นเพราะว่าเขามีความอดทนไม่มากพอ อย่างว่ากว่าคุณจะออกมาทำงานได้คุณต้องเรียนตั้งกี่ปี แต่ในตลาดหุ้นไม่ใช่ว่าคุณขยันแค่ 3 เดือนแล้วคุณจะมีความรู้เพียงพอ คุณต้องขยันตลอดเวลาและรอคอยได้นานหลายปีกว่าจะถึงจุดที่ความรู้ของคุณตกผลึก หลายคนเข้ามาในตลาดหุ้นทำไปได้แป๊ปเดียว ก็รู้สึกว่ามันต้องพยายามมากขนาดนี้ทำไมเล่นไม่ได้ตังค์ซะทีว่ะ ไอ้พวกคนได้ตังค์มันต้องดวงดีแหงๆ โอ๊ยมันเป็นเรื่องของดวงนี้หว้า ไม่ต่างจากแทงหวยเลิกพยายามดีกว่า ปญอ. จัง อะไรประมาณนี้คือความคิดของหลายคนที่เข้ามาในตลาดแล้วพยายามได้ 2-3 เดือนแล้วยังไม่กำไร ซึ่งการจะประสบความสำเร็จจากอะไรซักอย่างมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นมันต้องใช้เวลายาวนานกว่านั้น นอกจากคุณจะทุ่มเทได้มากพอแล้วคุณยังต้องอึดมากพอที่จะรอให้วันของคุณมาถึงอีกด้วย ถ้าคุณให้เวลากับมันได้ ไม่ทำตัวแบบคนต้องการนางงามแต่ไม่พัฒนาตัวเอง(อยากเก่งแต่ไม่อยากจ่ายค่าเรียนรู้) และอดทน ผมคิดว่าในระยะยาวคุณจะกลายเป็นเสี่ยครับ

ผมอ่านบทความนี้แล้วเห็นด้วยครับ ถ้าคุณทุ่มเวลาเรียนรู้แค่เล็กน้อย คุณจะแทบไม่ได้อะไรจากตลาดหุ้นเลย แต่ถ้าคุณต้องการ ผลตอบแทน มาก คุณควรทุ่มเท ที่จะเรียนรู้และ หาข้อมูล ให้ครบทุกแง่ทุกมุม มากยิ่งขึ้นเพื่อนำทางไปสู่ ผลตอบแทนที่มากขึ้น และต่อไปยังที่คุณได้พบกับ ภาวะที่คุณ สามารถใช้เงินทำงานแทน ตัวคุณเอง ในที่สุด
by hongvalue wordpress

อ่านต่อ กด ลิงค์ด้านล่างครับ....>


แนวคิด สู่อิสระภาพทางการเงิน

Plan To Success. 1
Plan To Success. 2
Plan To Success. 3
Secret Of The Millionaire Mind
Investment Method
Investment Strategy
กูรูหุ้น 1000 ล้าน
เซียนหุ้น100 ล้าน
ข้อผิดพลาดในการลงทุน
Why most people to invest Unsuccessful

KEEP YOUR MONEY FORM TAX

เก็บเงินคืนจากภาษี LTF และ RMF
เก็บเงินคืนจากประกัน Insurance
เก็บเงินคืน ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน Interest Lone
เก็บเงินคืน เงินปันผล Stock Dividend
เก็บเงินคืน จากการทำบุญ Merit
ทางเลือกการชำระภาษี Alternative tax

อื่นๆ

Read more »

Friday, March 23, 2012

Secret of the Millionaire Mind (ทัศนคติที่แตกต่างของคนรวยกับคนจน)

ทัศนคติที่แตกต่างของคนรวยกับคนจนใน Secret of the Millionaire Mind

Posted by jum
Secret of the Millionaire Mind (ถอดรหัสลับสมองพันล้าน)
หนังสือ ของ T.Harv Ecker ได้กล่าวถึงความคิดที่ต่างกันของคนจนกับคนรวย เพราะทัศนคติ ความเชื่อ จิตสำนึก ของคนเรา ที่ถูกสร้างขึ้น จากสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบๆ ตัวเรา ตั้งแต่เกิด และเป็นตัวตั้งต้น ให้เกิดความต่างในเรื่องแนวคิด และส่งผลต่อการเป็นคนรวย หรือ คนจน ของคนๆ หนึ่งได้
คีย์ของ สมองพันล้าน คือ สมองของมนุษย์เราทุกคน เป็นที่เก็บข้อมูล เปรียบเหมือน กล่องใส่เครื่องมือ ซึ่งเดิมนั้นว่างเปล่า และเมื่อเราค่อยๆ เติบโตขึ้น เราก็ทยอยรับเอาเครื่องมือต่างๆ ใส่ ลงใน กล่องเครื่องมือนี้ และเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ เป็นเหมือนแผนผังการเงิน ความสำเร็จ ที่ถูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก และ เป็นตัวกำหนด วิธีการบริหารการเงินของเราโดยไม่รู้ตัว สิ่งสำคัญคือ มันมักอยู่ติดตัวเราไปจนตลอดชีวิต

เครื่องมือที่ทยอยบรรจุเข้ากล่องเครื่องมือเรา มาจากหลายทิศทาง ในหนังสือ บอกถึงสิ่งแรกคือคำพูด ที่เคยได้ยิน อาจจากตอนเป็นเด็กๆ หรือ ได้รับฟังคำนั้นซ้ำๆ เช่น คนรวยมักนิสัยไม่ดี เว่อ..... แล้วตอนนี้ ก็คิดว่าคงมีหลายๆ คนเลย ที่ขยะแขยงคนรวย โดยอาจไม่รู้สาเหตุว่าทำไมด้วยซ้ำ

ข้อสอง ต้นแบบ ลองสังเกตุดูว่า หากครอบครัวไหน ที่พ่อ หรือ แม่ เป็นคนค้าขายเก่ง ลูกๆ ก็มักหล่นไม่ไกลต้น คิดเรื่องค้าขาย ได้ อย่างมีทักษะ เป็นธรรมชาติ และครอบครัวไหนที่เป็นนักวิชาการ ลูกๆ มักเป็นแนวเดียวกัน ซึ่ง เรื่องนี้ บางครั้ง ก็อาจมีบางคน ที่ไม่เหมือนต้นแบบ หรือ ห่างจากต้นแบบ ก็เป็นได้
ข้อที่สาม คือ ความฝังใจ เรื่องนี้เข้าใจได้ง่ายๆ เลย เหตุการณ์ฝังใจ ทำให้คนเราเปลี่ยนทัศนคติ หรือ แนวทางการดำเนินชีวิตได้เลยทีเดียว (พ่อ แม่ ไม่เก่งเรื่องบริหารเงิน แต่ลูกบริหารเงินได้ดี ก็มี เพราะลูกทำต่างจาก พ่อแม่ )
ประเด็นคือ เมื่อเรารู้เหตุแล้ว เราต้องแยกแยะให้ออก แล้วลองปรับเปลี่ยนสิ่งที่เราเชื่่อ ถ้าเราอยากเป็นคนประสบความสำเร็จในงาน เราต้องจัดการกับความเชื่อ หรือเครื่องมือของเราก่อน ว่า เราควรเก็บอะไรไว้ แล้วเลือกเครื่องมือชิ้นใหม่ตัวไหน แทนที่ แล้วเดินตามแผนผังใหม่ คิดและทำอย่างคนที่จะมุ่งสู่ถนนแห่งความสำเร็จ การไม่เหนื่อยที่จะเรียนรู้, เมื่อศึกษาจนเข้าใจย่อมทำให้เกิดความคิด และความคิดจะแสดงออกทางการกระทำ และผลลัพท์ย่อมเป็นไปตามการกระทำ
ลึกๆในใจของ หลายๆ คน อาจคิดว่าเงินนั้นไม่ได้สำคัญ ไม่ใช่ทุกสิ่ง และ บางคนอาจคิดว่าเงิน คือ ตัวปัญหา การคิดแบบนี้ ที่จริงก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่หากเราลองคิดดูว่า ถ้าเราคิดว่า คนรัก เพื่อน ฯลฯ ไม่สำคัญ ไม่ใช่ทุกสิ่ง หรือ เป็นตัวปัญหา คุณว่า เค้าเหล่านั้นยังอยากจะอยู่กับเรารึเปล่า จริงอยู่ เงินไม่มีชีวิตหรอก แต่ อะไรก็ตามที่เราเห็นว่าไม่สำคัญ การแสดงออก การกระทำ ก็จะแสดงออกในทางที่ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ หรือ ทำให้มันหมดไป

" เงินไม่ใช่สิ่งเลวร้าย เงินช่วยคุณได้ ช่วยคนอื่นที่ลำบากกว่าคุณได้ "
Bill Gate

สิ่งที่น่าสนใจในหนังสือ T.Harv Eker อีกข้อคือ เขาได้กล่าวถึงจุดเล็กๆ ที่ดีมากๆ คือ เมื่อไรที่เราล้ม ผิดพลาด ไม่ว่า ในเรื่องงาน เงิน ธุรกิจ หรือ เรื่องครอบครัว นั้นเกิดจาก " มีบางสิ่งที่เรายังไม่รู้" และ หากว่าเรามองเห็นและแยกแยะได้จริงๆ ว่า เรายังรู้ไม่พอ หรือ ยังขาดความเข้าใจ สิ่งนี้แหละที่จะเป็นแรงกระตุ้น ให้เราเริ่มเรียน เพื่่อค้นหา และ นำมาปรับใช้หรือแก้ปัญหาต่างๆได้

อ่านต่อ กด ลิงค์ด้านล่างครับ....>




แนวคิด สู่อิสระภาพทางการเงิน

Plan To Success. 1
Plan To Success. 2
Plan To Success. 3
Secret Of The Millionaire Mind
Investment Method
Investment Strategy
กูรูหุ้น 1000 ล้าน
เซียนหุ้น100 ล้าน
ข้อผิดพลาดในการลงทุน
Why most people to invest Unsuccessful

KEEP YOUR MONEY FORM TAX

เก็บเงินคืนจากภาษี LTF และ RMF
เก็บเงินคืนจากประกัน Insurance
เก็บเงินคืน ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน Interest Lone
เก็บเงินคืน เงินปันผล Stock Dividend
เก็บเงินคืน จากการทำบุญ Merit
ทางเลือกการชำระภาษี Alternative tax

อื่นๆ

การเลือกคบคน

Read more »